หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
15
 

แกเคยรับปากผมว่าจะทำให้ผมเล่นสักอัน แต่นาน ๆ แกจะมาสักที ผมก็คอยแล้วคอยเล่า มือคลำกังหันที่ยังไม่สมบูรณ์ไปใจก็นึกถึงน้าอั๋นไป ก็พอดีได้ยินเสียงยายที่นั่งอยู่ท้ายครัว ตะโกนเรียกชื่อคนที่ผมคอยนักคอยหนา

“อ้าว! นั่นเจ้าอั๋นรึ” พอผมได้ยินคำนี้เท่านั้น ดีใจโดดพรวดออกจากห้อง ตรงไปที่ยาย แต่ไม่เห็นน้าอั๋น เห็นแต่ยายนั่งทำอะไรอยู่คนเดียว

“ไหนเล่ายาย น้าอั๋น ?” ผมถามแก แกกลับเลิกคิ้วมองดูผม

“อ้าว! มันไม่ได้เข้าไปหาเอ็งรึ ?”

”เปล่าจ้ะ”

“ทำมันจะเลยไปบ้านโน้นกระมัง”

“เขาแน่หรือจ๊ะยาย ?”

“บ๊ะ มันยังยิ้มกะข้านี่หว่า”

“เอ๊ะ ! ยายจ๋า เมื่อกี้ยายเห็นน้าอั๋นเขาถือกังหันมาด้วยหรือเปล่า”

“ไม่เห็นว่ะ ไม่เห็นมันถืออะไร มันยังยกมือไหว้ข้านี่ ไม่เห็นมันมีอะไร”

ผมเสียใจวูบ ถ้าน้าอั๋นไม่ถือกังหันติดมือมา ก็แปลว่าน้าอั๋นไม่ได้ทำให้อีกตามเคย รู้สึกเสียดายเป็นกำลัง นาน ๆ แกจะออกมาจากคลองบางสะแกสักหน ด้วยความอยากพบผมจึงเดินออกไปดูข้างนอกบ้าน เมื่อมองไม่เห็นจึงเลยไปบ้านยายอ่อง เพราะตามเคย ถ้าเขามาหายาย เขาจะเลยไปบ้านยายอ่องทุกคราว ถูกคอกันนักกับน้าสมลูกชายยายอ่องเรื่องกระบี่กระบอง คุยสามวันไม่จบ

ไม่พบน้าอั๋นที่บ้านยายอ่องอย่างคิดไว้ จึงเดินดูแถวใกล้ ๆ จนทั่วก็ไม่พบ กลับเข้ามารายงานกับยายตามนั้น

“เอ ! ตาจะฝาดไปกระมังหว่า” ยายว่า “แต่มันยืนอยู่ที่ประตูนั่นแหละ พอข้าทักมันแล้ว ข้าก็ก้มหน้าทำอะไรของข้า แล้วมันไปเสียข้างไหนหว่า” แกบ่นแล้วมองตาผมอย่างขอความเห็น

“ยายเห็นใครก็ไม่รู้” ผมพูดอย่างรำคาญใจ นึกเสียดายที่ไม่ได้พบกันพูดแล้วเลยเดินเข้าห้องอย่างหมดหวัง หยิบนิทานอีสปมาอ่านด้วยความพลุ่งพล่าน ในที่สุดก็หลับไป