ผัวให้เลิกเบี้ยหวัดเสีย ให้ผัวที่เปนไพร่มิใช่เจ้าเสียภาษีปีละ ๖ ตำลึง เปนเบี้ยเลี้ยงแก่หม่อมเจ้าไปทุกเดือนกว่าหม่อมเจ้าจะไม่มีตัว ภาษีนี้ใครอย่าติว่าแรง เพราะมิได้เรียกเอามาเปนหลวงแต่สักเฟื้อง ๑ พระราชทานให้หม่อมเจ้าผู้บุตรทั้งสิ้น เปนการจะกดขี่คนที่เปนผัวมารดาหม่อมเจ้าให้ปฏิบัติหม่อมเจ้าไป
อนึ่งมารดาหม่อมเจ้าไม่มีผัวพระราชทานเบี้ยหวัดด้วย ก็เพื่อจะให้เปนกำลังเลี้ยงหม่อมเจ้าไป ก็เมื่อไม่อยู่เลี้ยงหม่อมเจ้าไปมีผัวก็ควรให้คนผู้เปนผัวเสียภาษีให้แก่หม่อมเจ้า เท่าเบี้ยหวัดซึ่งพระราชทานเมื่อไม่มีผัวจึงชอบ ถ้ามารดาหม่อมเจ้าที่มีผัวโกรธกับผัวถึงอย่าร้างขาดจากผัวเมียกัน ถ้าสาบาลได้ทั้งสองข้าง อย่ากันแต่เดือนใดก็ให้ยกภาษีแต่นั้นไป โกรธกันเล็กน้อยถึงว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าสาบาลไม่ได้ว่าขาดกันก็ไม่พ้นภาษี ถ้าอยากจะไม่เสียภาษีมาทนสาบาลแล้วกลับไปดีกัน ฤๅสืบได้ความจริงว่ายังดีกันอยู่ จะปรับให้ใช้ภาษีสองต่อจนเดือนที่ชำระความ ถ้ามารดาหม่อมเจ้ามีผัวเปนพระองค์เจ้า ไม่เสียเกียรติยศอันใด เปนแต่โปรดให้ยกเบี้ยหวัดให้ไปให้พระองค์เจ้าผู้ผัวเลี้ยงเถิด ฤๅจะได้เบี้ยหวัดก็จะได้ด้วยอำนาจพระองค์เจ้าที่เปนผัวใหม่ ถ้ามารดาหม่อมเจ้าไปได้ผัวใหม่เปนหม่อมเจ้า ถ้าหม่อมเจ้าผู้บุตรยอมยินดีเอาเปนบิดาเลี้ยงก็แล้วไป ถ้าหม่อมเจ้าผู้บุตรมิยอมยินดีด้วย ก็จะทรงพระกรุณาโปรดชักเอาเบี้ยหวัดของหม่อมเจ้าที่เข้ามาเปนผัวนั้นแบ่ง ๓ ส่วน ยกเอาส่วน ๑ ให้แก่หม่อมเจ้าผู้บุตรเปนภาษีทุกปีไป