เวลาทุ่มเสศพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชดำเนินประทับที่เกยณพระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน ทรงพระที่นั่งราชยานเสดจโดยทางสถลมารคออกประตูวิเสศไชยศรี ประทับพลับพลาพระราชพิธีท้องสนามหลวง เมื่อเสดจประทับอยู่ณพระราชพิธีนั้น เกิดเพลิงไหมขึ้นที่ริมตพานข้างคลองหลอด สมเดจพระเจ้าอยู่หัวทรงรถพระที่นั่งเสดจจากท้องสนามหลวงไปประทับเชิงตพานเขี่ยวทอดพระเนตรไฟไหม้ เวลา ๔ ทุ่มเสศเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง ทราบความว่า ในที่ไฟไหมนั้น อำเภอได้ไปตรวจดูโรงเรือนที่ไฟไหม้นั้น ได้ความว่า เวลา ๓ ทุ่มเสศ เพลิงไหม้ขึ้นที่โรงช้างริมตะพานข้างฟากคลองหลอดก่อน โรงช้างนั้นยาว ๑๖ ห้อง แบ่งเปนคลังราชการ ๓ ห้อง นายยิ้มเปนที่ขุนรัตนสมบัต หนึ่ง นายแก่นเปนที่ขุนวิเสศสมบัต หนึ่ง เปนนายคลัง แต่หลังคาโรงช้างนั้นรั่ว ขุนรัตนสมบัต ขุนวิเสศสมบัต ปลูกเปนโรงมุงจากอยู่ในโรงช้างคนละโรง ในคลังนั้นมีแต่ไต้หวายเสื้อ ได้ตัวขุนรัตนสมบัตมาถาม ให้การว่า เพลิงเกิดขึ้นที่โรงขุนวิเสศสมบัติก่อน แล้วเพลิงจึ่งได้ติดไหม้ลามถึงคลังราชการโรงช้างแลเรือนราษฎรต่อไปถึงฉางเข้า ขุนรัตนสมบัตให้การว่า เมื่อเวลาค่ำเหนขุนวิสเสศสมบัตเอาถ้วยตามตะเกียงไว้ในโรง แล้วปิดประตูโรงไว้ แต่ตัวขุนวิเสศสมบัตหาอยู่ไม่ ครั้นเวลาค่ำยามเสศเพลิงจึ่งไหม้ลามไปถึงโรงช้าง คลังราชการ ฉางเข้า เรือนฝากระดานมุงกระเบื้อง ๗ หลัง เครื่องสับ ๑๐ หลัง เรือนเครื่องผูก ๑๓ หลัง โรงเครื่องผูก ๑๒ หลัง รวมเรือนโรงที่ไหม้นั้น ๓๔ หลัง แต่ตัวขุนวิเสศสมบัตนั้นยังหาได้ตัวไม่ ครั้นณวันจันทร เดือนหก ขึ้นสิบสองค่ำ ปีจอฉศก เวลาเช้า ๔ โมงเสศตั้งกระบวนแห่เจ้าพระยาภูธราภัยแต่สาลาภักริมคลองผดุงออกไปณทุ่งที่แรกนาขวัญพร้อมกระบวนแห่น่าหลังแลนางเทพีหาบเข้า ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงท่านเจ้าพระยาภูธราภัยก็ลงมือแ⟨ร⟩กนาขวัน โคที่เทียมไถนั้นกินเข้าโพดดื่มสุรา เวลาบ่ายโมงหนึ่งเสรจการพระราชพิธีจรดพระนังคัล ๚ะ ครั้นเวลาบ่ายเจ้าพนักงานแห่พระพุทธปฏิมากรคันธาระราษฎเชิญกลับจากโรงพระราชพิธีณท้องสนามหลวงมาประดิศฐานยังวัดพระศรีรัตนสาศดารามตามเดิม ๚ะ
๏วันพฤหัศบดี เดือนหก ขึ้นสิบสี่ค่ำ ปีจอฉศก เวลายามเสศ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชดำเนินมาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระที่นั่งยานุมาศพร้อมกระบวนน่าหลังเสดจประทับเกยน่าวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เสดจพระราชดำเนินประทับในพระอุโบสถพร้อมด้วยข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลอองธุลีพระบาทโดยลำดับ เปนการวิสาขบูชา มิแตรสังขเครื่องประโคมพร้อมตามอย่างราชประเพณี ข้าราชการทุกหมู่ทุกกรมตั้งโคมมีดวงตราตามตำแหน่งจุตประทีบรายรอบพระอุโบสถ เวลา ๕ ทุ่มเสศเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง ๚ะ
๏ครั้นณวันศุก เดือนหก ขึ้นสิบห้าค่ำ ปีจอฉศก เวลาสองทุ่มเสศเสดจพระราชดำเนินประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมกระบวนน่าหลังเสดจประทับเกยน่าวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เสดจพระราชดพเนินประทับน่าพระอุโบสถ ทอดพระเนตรข้าราชการฝ่ายน่าฝ่ายในเวียนเทียนประทักษิณอุโบสถสามรอบแล้ว เสดจประทับในอุโบสถ ทรงธรรมจบแล้ว เวลา ๔ ทุ่มเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง ๚ะ
๏ณวันเสาร เดือนหก แรมค่ำหนึ่ง เวลายามหนึ่งกับบาทหนึ่งมีจันทรุปราคาจับข้างทิศอุดร สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจขึ้นที่สรงมุรธาภิเศก มีเครื่องประโคม พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลอองธุลีพระบาทโดยลำดับ ครั้นสงเสรจแล้ว เสดจประทับณพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินตราแก่พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลอองธุลีพระบาทเสรจแล้ว จึ่งมีพระบรมราชโองการสั่งสมเดจพระเจ้าบรมวงษเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ กับสมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ แจกเงินแก่ผู้ที่เปนพนักงานประจำรักษาพระบรมมหาราชวังเสจแล้ว สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชดำเนินประทับที่เกยพระทวารเทเวศรักษา ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมกระบวนน่าหลัง เสดจโดยทางสถลมารคออกประตูพิมายไชยศรีมาประทับณเกยวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เสดจพระราชดำเนินประทับน่าพระอุโบสถ ทรงฟังข้าราชการกรมพระอาลักษณแลกรมราชบัณฑิตย์สวดสรภัญญะจบแล้ว ทรงทอดพระเนตร