๑
ซึ่ง
รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงสยาม
ได้ประกาศแก่ข้าราชการฝ่ายทหาร, พลเรือน และราษฎรทั่วไป
เริ่มแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖
เนื่องจากได้มีการป่าวข่าวเล่าลือและส่อเสียดกันด้วยประการต่าง ๆ และมีผู้ทนงองอาจพยายามจะโค่นล้มรัฐบาลนี้ด้วยใช้กำลังบังคับ ถึงกับยุยงทหารในบางจังหวัดให้หลงเชื่อในทางที่ผิด และนำทหารยึดที่ต่าง ๆ มาทางกรุงเทพฯ อันเปนเหตุจลาจล รัฐบาลจึงเห็นจำเปนที่จะต้องปราบปรามจลาจล และยังความสงบเรียบร้อยให้คงคืนสู่สภาพเดิม
อนึ่ง รัฐบาลเห็นควรแถลงให้ประชาชนทั้งข้าราชการฝ่ายทหาร พลเรือน และราษฎร ทราบว่า การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะพยยามก่อความไม่สงบให้แก่บ้านเมือง โดยกระทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาล ให้บังเกิดความระส่ำระสาย หรือยุยงถึงกับทำให้เกิดการประหัฎประหารซึ่งกันและกันเช่นนี้ เปนความคิดที่ผิดนัก เปนการกระทำเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ตน โดยไม่คำนึงถึงภัยอันจะมีแก่ชาติ เปนการทำลายประเทศและชาติโดยตรง
รัฐบาลนี้ได้พยายามทุกอย่างที่จะให้การเปนไปโดยเรียบร้อย และมิได้มีความปรารถนาเลยที่จะถืออำนาจการปกครองบ้านเมืองไว้แต่ฝ่ายเดียว การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็ได้รีบเร่งกระทำกันเพื่อให้เสร็จทันกำหนดที่จะเปิดสภาใหม่ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ปีนี้ ซึ่งเปนวันรัฐธรรมนูญของชาวเรา และรัฐบาลได้พยายามให้การเลือกผู้แทนราษฎรนั้นเปนไปโดยความเที่ยงธรรมทุกประการ เมื่อสภาใหม่เปิดขึ้นแล้ว คณะรัฐบาลนี้ก็จะได้ลาออกทั้งชุด และจะได้มีการตั้งคณะรัฐบาลใหม่ ถ้าหากว่าบุคคลในคณะรัฐบาลนี้กระทำการไม่เปนที่พอใจของผู้แทนราษฎร ก็ไม่สามารถจะเปนรัฐบาลต่อไปได้ การเปลี่ยนแปลงอาจทำได้โดยวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ
แต่ในเวลานี้รัฐบาลยังต้องรับผิดชอบบริหารราชการแผ่นดินอยู่ จึงจำเปนต้องรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งภายในและภายนอก รัฐบาลนี้ได้พยายามจัดการทุกสถาน เพื่อให้สภาพการบ้านเมืองดียิ่งขึ้น ทั้งในทางการปกครอง การศึกษา ทางเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือพลเมือง ซึ่งรัฐบาลนี้สามารถยืนยันว่าได้จัดทำให้ดียิ่งขึ้น และถ้าประชาชนจะพิจารณาดูด้วยใจที่เปนยุติธรรมจริงแล้ว ก็จะเห็นตระหนักว่า รัฐบาลนี้ได้จัดการให้ดีขึ้นทุกทาง และรัฐบาลก็กำลังพยายามทำต่อไป
ส่วนบุคคลในคณะรัฐบาลเวลานี้มิได้ประกอบด้วยพรรคพวกของผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองแต่ฝ่ายเดียว ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่สำคัญ ๆ ก็ตกอยู่ในมือขอ⟨ง⟩