ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง นางตังไทฮอจึงให้หาเตียวเหยียงกับขันทีเก้าคนมาว่า แต่ก่อนเราก็ได้ทำนุบำรุงนางโฮเฮาให้อยู่เย็นเปนศุข จนได้เปนพระมเหษีพระเจ้าเลนเต้ผู้เปนพระราชบุตรเรา บัดนี้หาบุญพระเจ้าเลนเต้ไม่ ห้องจูเปียนได้ว่าราชการเมือง นางโฮเฮาดูหมิ่นเราตั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมิได้ปรึกษาเรา แล้วเห็นกิริยานางโฮเฮากำเริบกว่าแต่ก่อน เรามีความอัปยศนัก ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด เตียวเหยียงจึงทูลว่า เวลาพรุ่งนี้เช้าเชิญพระองค์เสด็จออกไปยังพระแกลที่พระเจ้าเลนเต้เสด็จออก แล้วจึงตรัสว่าให้หองจูเหียบเปนเจ้าชื่อตันลิวอ๋อง แปลภาษาไทว่าต่างกรม แล้วให้ตั๋งต๋งผู้น้องพระองค์เปนเสนาบดีผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร ขอให้ตั้งข้าพเจ้าทั้งสิบคนนี้เปนขุนนางผู้ใหญ่ ซึ่งราชการทั้งปวงนั้นจะได้คิดการสืบไป นางตังไทฮอได้ฟังแล้วมีความยินดียิ่งนัก ครั้นเวลาเช้าจึงอุ้มห้องจูเหียบเสด็จออกไปณที่พระแกลมิได้เปิดมู่ลี่ขึ้น จึงตรัสตามคำเตียวเหยียงว่าทุกประการแล้วเสด็จเข้า ฝ่ายนางโฮเฮาเห็นนางตังไทฮอทำดังนั้น จึงคิดเห็นว่าราชการบ้านเบืองจะแก่งแย่งกัน จึงแต่งโต๊ะแล้วเชิญนางตังไทฮอมากินโต๊ะ จึงเอาจอกสุราคำนับส่งให้นางตังไทฮอแล้วว่า แผ่นดินแต่ก่อนครั้งนางลิเฮาซึ่งเปนมเหษีพระเจ้าเล่าปัง[1] ๆ สวรรคต นางลิเฮาออกว่าราชการเมืองให้ผิดขนบธรรมเนียม ขุนนางทั้งปวงแลอาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน จึงเกิดจลาจลขึ้น นางลิเฮากับญาติวงษ์ทั้งปวงก็ตายเปนอันมาก แลพระองค์กับข้าพเจ้าเปนสัตรี จะออกว่า
- ↑ ในเรื่องไซ่ฮั่น