หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
63
ตอนที่ ๒

แลตั๋งโตณะนั้นตั้งตัวเปนเซียงก๊ก ภาษาไทยว่าพระยามหาอุปราช* ถือกระบี่เข้าเฝ้ามิได้เปนเวลา ตามแต่จะชอบใขเข้าออก ถืออาญาสิทธิ์กำเริบขึ้นกว่าแต่ก่อน แลทหารพรรคพวกทำการหยาบช้าข่มเหงชาวเมืองได้ความเดือดร้อนนัก แลโจโฉนั้นก็ไปฝากตัวอยู่ให้ตั๋งโต๊ะใช้สอย

ฝ่ายลิยูซื่งเปนที่ปรึกษานั้นจึงว่ากับตั๋งโต๊ะว่า ทุกวันนี้ราชการทั้งปวงก็สิทธิ์ขาดอยู่ในท่านสิ้น แต่ท่านอย่ากำเริบให้ขุนนางแลราษฎรมีความชิงชัง จงผ่อนใจกระทำให้อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเปนสุข แล้วตั้งแต่งขุนนางให้คนทั้งปวงมีใจรักสรรเสริญท่าน ท่านก็จะได้เปนใหญ่จำเริญขึ้นทุกวัน

อนึ่งยังมีคนหนึ่งอยู่บ้านนอกชื่อซัวพยง ซัวหยงนั้นมีสติปัญญาดีขอท่านให้หาตัวเข้ามาตั้งเปนขุนนางในเมืองหลวง ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย ให้คนไปหาตัวซัวหยง ๆ บิดพลิ้วอยู่มิเข้ามา ตั๋งโต๊ะจึงให้ออกไปว่า ถ้าซัวหยงขัดอยู่มิเข้ามา เราจะให้ทหารไปจับฆ่าเสียให้สิ้นทั้งพรรคพวก ซัวหยงกลัวจึงเข้ามาหาตั๋งโต๊ะ ๆ ก็ตั้งซัวหยงเปนขุนนาง เดือหนึ่งเลื่อนที่ขึ้นไปถึงสามที่ ขณะเมื่อซัวหยงเปนขุนนางนั้น ตั๋งโต๊ะไว้เนื้อเชื่อใจเอาเปนที่ปรึกษาราชการทั้งปวง

ฝ่ายหองจูเปียนกับนางโฮเฮาแลพระสนม ซึ่งตั๋งโต๊ะให้ขังไว้นั้น มีความทรมานทุกข์โศกอดหยากอยู่ ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเห็นนกนางแอ่นบินอยู่ในตำหนักคู่ หองจูเปียนจึงผูกโคลงปิดไว้ ที่ฝาตำหนักเปนใจความว่า ที่ในพระราชฐานนี้ของพระเจ้าเลนเต้ผู้เปนพระราชบิดายกให้


  • คำว่า “มหาอุปราช” คือตำแหน่งวังนำหรือรัชทายาทนั้น แต่ในที่นี้หมายความว่า อครมหาเสนาบดี ซึ่งสำเร็จราชการบ้านเมือง