แม่แบบ:ลักษณพยาน/สารบัญ

อารัมภบท
หมวดที่ ๑ ว่าด้วยชื่อพระราชบัญญัติ แลอธิบายคำ แลยกเลิกกฎหมายเดิม
ให้ใช้พระราชบัญญัติตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ร.ศ. ๑๑๔
อธิบายคำว่า “ศาล”
เลิกกฎหมายเดิม
หมวดที่ ๒ ว่าด้วยคนจำพวกใดควรอ้างเปนพยานได้
คนชนิดใดเปนพยานได้แลไม่ได้
อ้างคนใบ้เปนพยาน
โจทย์จำเลยอ้างกันเปนพยานได้ ฤๅอ้างบิดามารดาสามีภรรยาบุตรญาติ แลคนอื่น ๆ เปนพยานได้
ผู้พิพากษาฤๅตระลาการไม่จำเปนต้องให้การเปนพยานในบางเรื่อง
ห้ามมิให้พยานให้การเกี่ยวข้องด้วยข้อราชการแผ่นดินซึ่งยังไม่ได้เปิดเผย
โจทย์จำเลยจะอ้างพยานฝ่ายละมากน้อยเท่าใดได้ ไม่มีกำหนดห้าม
หมวดที่ ๓ ว่าด้วยวิธีสืบพยาน ๓ ประการ
๑๐ วิธีสืบพยาน ๓ ประการ
๑๐ เดินผเชิญสืบ
๑๐ เรียกพยานสืบในศาล
๑๐ ส่งประเดนไปสืบ
๑๐ ศาลมีอำนาจเต็มในการเลือกสืบประการใดประการหนึ่ง
๑๑ พยานขัดขืนไม่ยอมสาบาลฤๅไม่ยอมเบิกความ ให้ปรับตามมาตรา ๕๑
๑๒ พยานหลบตัวเสียไม่ให้ สืบถึง ๓ ครั้ง จะออกหมายจับ ฤๅจะนำความขึ้นเสนอเสนาบดีก็ได้
๑๓ พยานคนใดรู้หมายเรียกให้มาเบิกความในศาล แล้วขัดขืนเสียไม่มาตามกำหนด ก็ให้ลงโทษโดยโทษานุโทษ
๑๔ อ้างพระสงฆ์สามเณร ให้ไปเดินผเชิญสืบ ถ้าไม่ยอมให้การ ก็ไม่ต้องสืบต่อไป
๑๕ อ้างนักบวชถือสาสนาต่าง ๆ ให้สืบเหมือนฆราวาศ
๑๖ ว่าด้วยนักการถือหมายไปให้พยาน ถ้าพยานไม่รับ ให้ทิ้งหมายให้ต่อหน้าอำเภอ ฤๅสารวัดแขวง นายพลตระเวร
๑๗ พยานไม่มาศาลตามนัด ให้ปรับตามมาตรา ๔๘
๑๘ ถ้าพยานมีเหตุขัดข้องจะมาศาลตามนัดไม่ได้ ก็ต้องมาแจ้งความแก่ศาลเสียก่อน
๑๘ ศาลให้ไปชันสูตรอาการพยานได้ ถ้าไม่เจ็บป่วยให้ออกหมายนัดซ้ำอิก
๑๙ ผู้อ้างต้องเสียค่าหมายค่าธรรมเนียมพยานตามอัตรา
๒๐ ถ้าผู้อ้างพยานสาบาลตัวได้ว่าตนไม่มีทรัพย์ราคาเกินกว่า ๖๐ บาท ขึ้นไป ไม่ต้องเรียกค่าธรรมเนียมพยาน
๒๑ อ้างคนต่างประเทศมาเปนพยาน
หมวดที่ ๔ ว่าด้วยลักษณอ้างสรรพหนังสือต่าง ๆ เปนพยาน
๒๒ หนังสือชนิดใดควรอ้างเปนตัวพยานได้
๒๒ ถ้าผู้มิได้อ้างไม่รับว่าหนังสือนั้นถูกต้อง ก็ให้ผู้อ้างสืบพยานอื่นมาประกอบได้
๒๓ ศาลหมายเรียกบุคคลฤๅเจ้าพนักงานให้นำเอาหนังสือซึ่งต้องอ้างนั้นมา ให้สืบในศาล
๒๔ โจทย์จำเลยอ้างหนังสือซึ่งคู่ความข้างหนึ่งรักษาไว้ ผู้ใดขัดบังคับศาลไม่ส่งหนังสือมาให้สืบ ศาลตัดสินกดคดีเปนแพ้ฤๅอย่างอื่นที่สมควรได้
๒๕ ถ้าจะนำต้นฉบับหนังสือมาสืบไม่ได้ ก็ให้สืบสำเนา ฤๅสืบผู้รู้ข้อความในหนังสือประกอบกัน
หมวดที่ ๕ ว่าด้วยลักษณกะประเดนข้อสืบสักขีพยานมาประกอบเอาความจริงลงในคำชี้แจงสองสถาน
๒๖ ข้อหาข้อใดจำเลยรับถูกต้องแล้ว ไม่ต้องสืบพยานต่อไป ฟังได้
๒๖ ถ้าโจทย์มีคำร้องให้ศาลตัดสินในข้อหาซึ่งรับกันแล้ว ให้จำเลยมีคำโต้แย้งได้
๒๖ ศาลจะตัดสินฤๅไม่ตัดสินก่อนก็ได้ สุดแต่ศาลเห็นสมควร
๒๗ ข้อใดในคำฟ้องแลคำให้การเปนความทุ่มเถียงกันด้วยบทกฎหมาย ก็ให้คัดลงในคำชี้สองสถาน ให้เรียกว่า ข้อประเดนควรหาฤๅบท
๒๗ ศาลจะตัดสินทีเดียวฤๅงดไว้ก่อนก็ได้ สุดแล้วแต่จะเห็นสมควร
๒๘ ข้อใดในฟ้องแลคำให้การซึ่งมิรับกันนั้น ให้คัดลงในคำชี้สองสถาน ให้เรียกว่า ข้อประเดนควรสืบพยานเอาความจริง
๒๘ ถ้าข้อประเดนซึ่งกะลงในคำชี้สองสถานนั้นยังบกพร่องอยู่ ให้โจทย์แลจำเลยชี้แจง แลร้องจะให้ศาลแก้เสียได้
๒๙ กำหนดนัดสืบพยาน เมื่อนัดแล้ว ฝ่ายใดจะขอเลื่อน ต้องเสียค่าธรรมเนียมแทนฝ่ายผู้ไม่ได้ขอเลื่อนวัน
๓๐ ถึงวันนัดสืบแล้วฝ่ายใดป่วยไข้จริงต้องให้คนมาแจ้งความต่อศาล ผู้มาแจ้งความต้องสาบาลตัวด้วย
๓๐ ถ้าผู้บอกป่วยมิใช่ตัวความเปนแต่ทนายฤๅผู้ว่าต่าง ศาลมีอำนาจบังคับให้ตัวความมาว่าความเอง ฤๅเปลี่ยนทนายฤๅผู้ว่าต่างใหม่
๓๑ โจทย์จำเลยต้องระบุชื่อพยานต่อศาล ศาลจะได้ออกหมายเรียก
๓๒ ถึงวันนัดสืบ ฝ่ายโจทย์ฤๅจำเลยขาดนัด ให้ศาลบังคับตัดสินได้ตามสมควร
๓๓ พยานต้องสาบาลตามสาสนาซึ่งตนนับถือ
๓๓ ฤๅจะทำคำปฏิญาณแทนสาบาลก็ได้
๓๔ คำพยานใช้ภาษาไทย ศาลต้องเปนธุระหาล่ามมาแปล
๓๕ ผู้อ้างต้องเสียค่าธรรมเนียมให้เจ้าพนักงานล่ามผู้แปลคำพยานของตน
๓๖ ข้อความที่จะถามพยาน ๗ ประการ ก่อนถามประเด็นข้ออ้าง
๓๗ ศาลซักถาม พยานให้เบิกความตามประเด็นข้ออ้างจนสิ้นกระแสความ
๓๗ แล้วผู้อ้างจะขอให้ถามอิกศาลจะถามให้ฤๅไม่ ก็สุดแล้วแต่เห็นสมควร
๓๗ ถ้าศาลไม่ถาม ต้องจดหมายบันทึกไว้จงทุกคราว
๓๘ ให้ผู้ซึ่งมิได้อ้างพยานกะข้อค้านถามพยานโดยสถานใด
๓๘ พยานต้องให้การตอบข้อค้านตามคำบังคับของศาล
๓๘ ข้อค้านนอกประเด็น พยานไม่ต้องตอบ เว้นแต่ศาลบังคับ จึ่งตอบ
๓๙ ห้ามมิให้เอาข้อค้านอันเปนคำหยาบช้าถามพยาน
๓๙ เว้นแต่เปนข้อถามในประเด็นข้อสืบโดยแท้
๔๐ ให้ผู้อ้างพยานกะข้อติงถามพยานโดยสถานใด
๔๑ เมื่อพยานให้การแล้ว ศาลมีอำนาจจะถามอิกได้ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
๔๒ โจทย์ฤๅจำเลยจะพิสูทธ์ต่อพยานซึ่งตนมิได้อ้าง ๓ ประการ
๔๓ โจทย์จำเลยจะถามข้อค้านข้อติงเองก็ได้ ไม่ต้องให้ศาลถาม
๔๔ กำหนดให้ฟ้องพยานแต่ในสามเดือน แลไม่ให้ฟ้องเปนความแพ่ง
หมวดที่ ๖ ว่าด้วยสืบพยานนอกกรุงเทพฯ แลศาลหัวเมืองสืบพยานในกรุงเทพฯ
๔๕ สืบพยานในหัวเมือง
๔๖ ศาลหัวเมืองสืบพยานในหัวเมืองแลในกรุงเทพฯ
หมวดที่ ๗ ว่าด้วยโทษลเมิดอำนาจเจ้าพนักงาน
๔๗ โทษลเมิดอำนาจเจ้าพนักงาน ๔ ประการ
๔๘ โทษไม่ทำการตามน่าที่อันมีในกฎหมาย
๔๙ โทษไม่นำ ไม่พา ไม่ให้ข้อความตามที่บังคับไว้ในกฎหมาย
๕๐ โทษไม่ช่วยข้าราชการตามน่าที่บังคับไว้ในกฎหมาย
๕๑ โทษขัดขืนไม่ทำตามกฎหมายท่านบังคับไว้
๕๒ โทษบอกแจ้งความด้วยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน
๕๓ โทษแจ้งความเท็จต่อข้าราชการ ด้วยประสงค์จะชักให้ข้าราชการใช้อำนาจผิดกฎหมาย
๕๔ โทษบอกแจ้งความเท็จในเวลาที่สาบาลตัวแล้ว
๕๕ โทษขัดขวางไม่ทำตามคำสั่งคำบังคับข้าราชการ
๕๖ โทษขัดขวางต่อสู้ข้าราชการผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
๕๗ โทษขัดคำสั่งคำบังคับคำตัดสินของข้าราชการ
๕๘ โทษขู่เข็ญข้าราชการ
๕๙ โทษขู่เข็ญผู้อื่นไม่ให้ฟ้องร้อง
หมวดที่ ๘ ว่าด้วยโทษที่เกี่ยวข้องกับการสืบพยาน
๖๐ อำพรางคำพยาน
๖๑ กระทำพยานเท็จ
๖๒ โทษอำพรางคำพยานแลกระทำพยานเท็จ
๖๓ โทษอำพรางคำพยานแลกระทำพยานเท็จ เพื่อให้ผู้ไม่มีผิดต้องราชทัณฑ์
๖๔ การปรับโทษผู้กระทำผิดล่วงลเมิดพระราชบัญญัตินี้ แลเหตุที่ควรลดหย่อนผ่อนโทษให้น้อยลง
หมวดที่ ๙ ว่าด้วยกฎหมายเดิมซึ่งยังคงให้ใช้ต่อไป ยกเอามารวมไว้ในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
ในลักษณรับฟ้อง , , , , , , ,
ในลักษณพยาน , , , , , , , , ,
ในลักษณพยาน ๑๑, ๑๒, ๑๓, ๑๔, ๑๖, ๑๗, ๑๘, ๑๙,
ในลักษณพยาน ๒๒, ๒๓, ๒๔, ๒๕, ๒๖, ๒๗, ๓๐,
ในลักษณพยาน ๓๒, ๓๔, ๓๕, ๓๖, ๓๗, ๓๘, ๓๙,
ในลักษณพยาน ๔๐, ๔๑, ๔๒, ๔๔, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๔๘, ๔๙,
ในลักษณพยาน ๕๒, ๕๔, ๕๕, ๕๘, ๕๙,
ในลักษณพยาน ๖๑, ๖๓, ๖๔, ๖๕, ๖๖, ๖๗
ในลักษณตระลาการ
ตาตะรางท้ายพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยกฎหมายแลพระราชบัญญัติซึ่งให้ยกเลิกเสีย
ว่าด้วยกฎหมายแลพระราชบัญญัติซึ่งคงใช้ต่อไป
ว่าด้วยอัตราพิกัดค่าธรรมเนียมพยานจำพวกที่หมายเรียกมาสืบที่ศาลตามมาตรา ๑๙