ลิลิตโองการแช่งน้ำ

(เปลี่ยนทางจาก โองการแช่งน้ำ)
ลิลิตโองการแช่งน้ำ หรือ
ประกาศแช่งน้ำโคลงห้า

โอมสิทธิสรวงศรีแกล้ว แผ้วมฤตยู เอางูเป็นแท่น แกว่นกลืนฟ้ากลืนดิน บินเอาครุฑมาขี่ สี่มือถือสังข์จักรคธาธรณี ภีรุอวตาร[1] อสูรแลงลาญทัก ททัคนิจรนาย (แทงพระแสงศรปลัยวาต)

โอมบรเมศวราย ผายผาหลวงอะคร้าว ท้าวเสด็จเหนือวัวเผือก เอาเงือกเกี้ยวข้าง อ้างทัดจันทร์เป็นปิ่น ทรงอินทรชฎา สามตาพระแพร่ง แกว่งเพชรกล้า ฆ่าพิฆนจัญไร (แทงพระแสงศรอัคนิวาต)

โอมชัยชัยไขโสฬสพรหมญาณ บานเศียรเกล้า เจ้าคลี่บัวทอง ผยองเหนือขุนห่าน ท่านรังก่อดินก่อฟ้า หน้าจตุรทิศ ไทมิตรดา[2] มหากฤตราไตร อมไตยโลเกศ จงตรีศักดิท่าน พิญาณปรมาธิเบศ ไทธเรศสุรสิทธิพ่อ เสวยพรหมาณฑ์ใช่น้อย ประถมบุญภารดิเรก บูรภพบรู้กี่ร้อย ก่อมา (แทงพระแสงศรพรหมาศ)

นานาอเนกน้าวเดิมกัลป์ จักร่ำจักราพาฬเมื่อไหม้
กล่าวถึงตระวันเจ็ดอันพลุ่ง น้ำแล้งไข้ขอดหาย
เจ็ดปลามันพุ่งหล้าเป็นไฟ วาบจัตุราบายแผ่นขว้ำ
ชักไตรตรึงษ์เป็นเผ้า แลบล้ำสีลอง
มรรถญาณคร[3] เพราะเกล้าครองพรหม ฝูงเทพนองบนปานเบียดแป้ง
สรลมเต็มพระสุธาวาสแห่งหั้น ฟ้าแจ้งจอดนิโรโธ
กล่าวถึงน้ำฟ้าฟาดฟองหาว ดับเดโชฉ่ำหล้า
ปลาดิน[4] ดาวเดือนแอ่น ลมกล้าป่วนไปมา
แลเป็นแผ่นเมืองอินทร์ เมืองธาดาแรกตั้ง
ขุนแผนแรกเอาดินดูที่ ทุกยั้งฟ้าก่อคืน
แลเป็นสี่ปวงดิน เป็นเขายืนทรง้ำหล้า
เป็นเรือนอินทร์ถาเถือก เป็นสร้อยฟ้าคลี่จึ่งบาน
๑๐ จึ่งเจ้าตั้งผาเผือกผาเยอ ผาหอมหวานจึ่งขึ้น
หอมอายดินเลอก่อน สรดึ้นหมู่แมนมา
๑๑ ตนเขาเรืองร่อนหล้าเลอหาว หาวันคืนไป่ได้
จ้าว[5] ชิมดินแสงหล่น เพียงดับไต้มืดมูล
๑๒ ว่นว่นตาขอเรือง เป็นพระสูรย์ส่องหล้า
เป็นเดือนดาวเมืองฉ่ำ เห็นฟ้าเห็นแผ่นดิน
๑๓ แลมีค่ำมีวัน กินสาลีเปลือกปล้อน
บมีผู้ต้อนแต่งบรรณา เลือกผู้ยิ่งยศเปนราชาอะคร้าว
เรียกนามสมมติราชเจ้า จึ่งตั้งท้าวเจ้าแผ่นดิน
๑๔ สมมติแกล้วตั้งอาทิตย์เดิมกัลป์ สายท่านทรงธรณินทร์เรื่อยหล้า
วันเสาร์วันอังคารวันไอยอาทิ์[6] กลอยแรกตั้งฟ้ากล่าวแช่งผี
๑๕ เชือกบาศด้วยชันรอง ชื่อพระกำปู่เจ้า[7]
ท่านรังผยองมาแขก แรกตั้งขวัญเข้าธูปเทียน
๑๖ เหล็กกล้าหญ้าแพรกบั้นใบตูม เชียรเชียรใบบาตรน้ำ
โอมโอมภูมิเทเวศ สืบค้ำฟ้าเที่ยงเฮยย่ำเฮย
๑๗ ผู้ใดเภทจงคด พาจกจากซึ่งหน้า
ถือขันสรดใบพลูตานเสียด หว้ายชั้นฟ้าคู่แมน
๑๘ มารเฟียดไททศพลช่วยดู ไตรแดนจักอยู่ค้อย[8]
ธรรมมารคปรตเยกช่วยดู ห้าร้อยเฑียรแมนเดียว
๑๙ อเนกถ่องพระสงฆ์ช่วยดู เขียวจรรยายิ่งได้
ขุนหงส์ทองเกล้าสี่ช่วยดู ชรอ่ำฟ้าใต้แผ่นหงาย
๒๐ ฟ้าฟัดพรีใจยังช่วยดู ใจตายตนบใกล้
สี่ปวงผีหาวแห่งช่วยดู พื้นใต้ชื่อกามภูมิ
๒๑ ฟ้าชรแร่งหกคลองช่วยดู ครูมคลองแผ่นช้างเผือก
ผีกลางหาวหารแอ่นช่วยดู เสียงเงือกงูวางขึ้นลง
๒๒ ฟ้ากระแฉ่นเรือนผยองช่วยดู เอาธงเป็นหมอกหว้าย[9]
เจ้าผาดำสามเส้าช่วยดู แสนผีพึงยอมท้าว
๒๓ เจ้าผาดำผาเผือกช่วยดู หันเหย้าวปู่สมิงพราย
เจ้าผาหลวงผากลายช่วยดู
๒๔ ดีร้ายบอกคนจำ ผีพรายผีชรหมื่นดำช่วยดู
กำรูคลื่นเป็นเปลว[10] บซื่อน้ำตัดคอ
๒๕ ตัดคอเร็วให้ขาด บซื่อมล้างออเอาใส่เล้า
บซื่อน้ำหยาดท้องเป็นรุ้ง บซื่อแร้งกาเต้าแตกตา
๒๖ เจาะเพาะพุงใบแบ่ง บซื่อหมาหมีเสือเข่นเขี้ยว
เขี้ยวชาชแวงยายี ยมราชเกี้ยวตาตาวช่วยดู
๒๗ ชื่อทุณพีตัวโตรด ลมฝนฉาวทั่วฟ้าช่วยดู
ฟ้าจรโลดลิวขวาน ขุนกล้าแกล้วขี่ยูงช่วยดู
๒๘ เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม สิบหน้าเจ้าอสูรช่วยดู
พระรามพระลักษณชวักอร แผนทูลเขาเงือกปล้ำช่วยดู

๒๙ ปล้ำเงี้ยวรอนราญรงค์ ผีดงผีหมื่นถ้ำ ล้ำหมื่นผา มาหนน้ำหนบก ตกนอกขอกฟ้าแมน แดนฟ้าตั้งฟ้าต่อ หล่อหลวงเต้า ทั้งเหง้าภูติพนัสบดี ศรีพรหมรักษ์ยักษ์กุมาร หลายบ้านหลายท่า ล้วนผีห่าผีเหว เร็วยิ่งลมบ้า หน้าเท่าแผง แรงไกยเอาขวัญ[11] ครั้นมาถึงถับเสียงเยียชระแรงชระแรง แฝงข่าวยินเยียรชรรางชรราง รางชางจุบปาก เยียจะเจียวจะเจียว เขี้ยวสรคาน อานมลิ้น เยียละลายละลาย ตราบมีในฟ้าในดิน บินมาเยียพพลุ่ง จุ่งมาสูบเอา เขาผู้บซื่อ ชื่อใครใจคด ขบถเกียจกาย วายกระทู้ฟาดฟัด ควานแควนมัดศอก หอกดิ้นเด้าเท้าถก หลกเท้าให้ไปมิทันตาย หงายระงมระงม ยมบาลลากไป ไฟนรกปลาบปลิ้นดิ้นพลาง เขาวางเหนืออพิจี ผู้บดีบซื่อ ชื่อใครใจคด ขบถแก่เจ้า ผู้ผ่านเกล้าอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิศร ราชาธิราช ท่านมีอำนาจมีบุญ คุณอเนกา อันอาศัยร่ม แลอาจข่มชัก หักกิ่งฆ่า อาจถอนด้วยฤทธานุภาพ บาปเบียนตน พันธุ์พวกพ้อง ญาติกามาไสร้ ไขว้ใจจอด ทอดใจรัก ชักเกลอสหาย ตนทั้งหลายมาเพื่อจำทำขบถ ทดโทรห แก่เจ้าตนไสร้ จงเทพยุดา ฝูงนี้ให้ตายในสามวัน อย่าให้ทันในสามเดือน อย่าให้เคลื่อนในสามปี อย่าให้มีสุขสวัสดีเมื่อใด อย่ากินเข้าเพื่อไฟจนตาย

๓๐ จงไปเป็นเปลวปล่อง อย่าอาศัยแก่น้ำจนตาย
น้ำคลองกลอกเป็นพิษ นอนเรือนคำรนคาจนตาย
๓๑ คาบิดเป็นตาวงุ้ม ลืมตาหงายสู่ฟ้าจนตาย
ฟ้ากระทุ่มทับลง ก้มหน้าลงแผ่นดินจนตาย
แล่งแผ่นดินปลงเอาชีพไป สีลองกินไฟต่างง้วน

๓๒ จรเข้ริบเสือฟัด หมีแรดถวัดแสนงขนาย หอกปืนปลายปักครอบ ใครต้องจอบจงตาย งูเงี้ยวพิษทั้งหลายลุ้มฟ้า ตายต่ำหน้ายังดิน นรินทร[12] หยาบหลายหล้า ใครกวินซื่อแท้ผ่านฟ้า ป่าวอวยพร

๓๓ อำนาจแปล้เมือแมนอำมรสิทธิ มีศรีบุญพ่อก่อเศกเหง้า
ยศท้าวตริไตรจักร ใครซื่อเจ้าเติมนาง
๓๔ มิ่งเมืองบุญศักดิ์แพร่ ใครซื่อรางควายทอง
เพิ่มช้างม้าแผ่วัวควาย ใครซื่อฟ้าสองย้าวเร่งยิน
๓๕ เพรงรัตนพรายพรรณยื่น ใครซื่อสินเภตรา
เพิ่มเขาหมื่นมหาไชย ใครซื่อใครรักเจ้าจงยศ
๓๖ กลืนชนมาให้ยืนยิ่ง เทพายศล่มฟ้า
อย่ารู้ว่าอันตราย ได้ใจกล้าดังเพชร

๓๗ ขจายขจรอเนกบุญ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรบรมมหา จักรพรรดิศรราชเรื่อยหล้า สุขผ่านฟ้าเบิกสมบูรณ์พ่อสมบูรณ์


  1. บางฉบับเป็น "ผีรว้าอาธาร" และ "ผิรุอวตาร"
  2. บางฉบับเป็น "ไภยมิตรดา"
  3. บางฉบับเป็น "สามัถยาณพร"
  4. บางฉบับเป็น "ปลาดิ้นดาวเดือนแอ่น"
  5. บางฉบับเป็น "จาวชิมดินแสงหล่น"
  6. บางฉบับเป็น "วันเสาร์วันอังคารวันอัยอาจ"
  7. ในสมุดไทย มีฉบับเดียวเป็น "ชื่อพระกรรมบดีปู่เจ้า" แต่คำว่า "พระกรรมบดี" จะได้สัมผัสกับคำว่า "ผี" ในบทก่อน
  8. บางฉบับเป็น "ไตรแดนจักอยู่ด้วย"
  9. บางฉบับเป็น "เอาธงเป็นหมอกห้อย"
  10. บางฉบับเป็น "กรรมรู้คลื่นเป็นเปลว"
  11. บางฉบับเป็น "แรงไก่เอาขวัญ" มีผู้อธิบายว่า อาจหมายถึงประเพณีของชาวบ้านที่ฆ่าไก่เพื่อการสังเวย
  12. บางฉบับเป็น "อรินทรหยาบหลายหล้า"

บรรณานุกรม

แก้ไข
  • กรมศิลปากร. (2540). วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. ISBN 9744190825. หน้า 7–11.
 

งานนี้ ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เพราะลิขสิทธิ์ได้หมดอายุตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุว่า

ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดา
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
  2. ถ้ามีผู้สร้างสรรค์ร่วม ลิขสิทธิ์หมดอายุ
    1. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หรือ
    2. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก ในกรณีที่ไม่เคยโฆษณางานนั้นเลยก่อนที่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายจะถึงแก่ความตาย
ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล หรือถ้าไม่รู้ตัวผู้สร้างสรรค์
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
  2. แต่ถ้าได้โฆษณางานนั้นในระหว่าง 50 ปีข้างต้น ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก