ประกาศภาษีเรือ

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้ประกาศแก่ข้าราชการในกรุงเทพฯ แลผู้สำเร็จราชการเมืองกรมการหัวเมืองปากไต้ฝ่ายเหนือ เจ้าภาษีนายอากร แลผู้รับช่วงไปทำแทนเจ้าภาษีนายอากร แลกำนันนายอำเภอราษฎรในกรุงนอกกรุงทั้งปวงให้รู้ทั่วกันว่า ด้วยทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกตลาด เปลี่ยนเรียกเปนภาษีเรือเรือนโรงร้านตึกแพสืบ ๆ มาหลายปี ความทั้งปวงแจ้งอยู่ในตราตั้งเจ้าภาษีแลหนังสือพิมพ์ประกาศนั้นแล้ว ครั้นล่วงมา มีผู้กราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทราบฝ่าลอองว่า เจ้าภาษีรับทำภาษีแล้วขายช่วงให้ผู้อื่นไปเก็บตามระยะจังหวัดกรุงเทพฯ แลแขวงหัวเมืองปากไต้ฝ่ายเหนือ แลผู้ที่ซื้อช่วงออกไปนั้นหาเรียกภาษีตามพิกัตท้องตราไม่ ไปเรียกภาษีให้เหลือ ๆ เกิน ๆ ฝ่ายราษฎรเล่าก็คิดยักย้ายต่าง ๆ หลีกเลี่ยงให้ผิดจากพิกัต เอารัดเอาเปรียบแก่กัน จึ่งทรงพระราชดำริห์เหนว่า เมื่อเลิกตลาดเปลี่ยนเรียกเปนภาษีเรือนโรงร้านตึกแพที่ไว้สินค้าแลให้เช่าตั้งบ่อนเล่นเบี้ยต่าง ๆ มาหลายปี ก็ไม่สู้มีความถะเลาะวิวาทถุ้มเถียงกัน ครั้งนี้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยกภาษีเรือเร่เรือจรให้แก่ราษฎรไม่ให้ต้องเสียภาษีเปนอันมาก การก็ยังไม่เรียบร้อย ฉันใดจะดี ให้ท่านเสนาบดีปฤกษาหาฤๅกันจัดการเสียไหม่ให้สมควร ท่านเสนาบดีปฤกษาพร้อมกันเหนว่า ให้ยกเรือเร่เรือจรเสียนั้น คงไว้แต่เรือประจำฃายฃองเหมือนกับโรงร้าน แลเรือบันทุกอิฐบันทุกทรายบันทุกกระเบื้องซึ่งไม่ได้เสียภาษี แลเรือบันทุกเครื่องคชาเดิมไปเที่ยวฃายในจังหวัดกรุงเทพแลหัวเมือง ฤๅเรือนโรงร้านตึกแพที่ให้เช่าแลที่ไว้สินค้าต่าง ๆ แลโรงคนชั่วซึ่งเปนสินค้าอย่างหนึ่ง แลที่ตั้งบ่อนเล่นเบี้ยเขียนหวยนั้น ควรให้เสียภาษีตามพิกัด ตีพิมพ์ประกาศให้ผู้สำเร็จราชการเมืองกรมการกำนันนายอำเภอแจกให้ราษฎรในกรุงนอกกรุงให้รู้ทั่วกันว่า กำหนดพิกัดให้เรียกภาษีดังนี้ เรือบันทุกอิฐ เรือบันทุกทราย บันทุกกระเบื้อง ซึ่งไม่ได้เสียภาษี และเรือบันทุกเครื่องคชาเดิมไปเที่ยวฃายในจังหวัดกรุงเทพและแขวงหัวเมือง ให้เรียกภาษีเรือสอกละสลึง วาละบาท แลเรือหัวเมืองบันทุกสินค้าต่าง ๆ เข้ามาขายในจังหวัดกรุงเทพและแขวงหัวเมืองอื่น ๆ แลเรือที่กรุงเทพบันทุกสินค้าต่าง ๆ ประจำขายของอยู่ที่แขวงเมืองใดตั้งแต่ ๒ เดือนขึ้นไป ให้เรียกภาษีเรือศอกละเฟื้องวาละสลึง ถ้าประจำฃายสินค้าอยู่ที่แขวงเมืองใดเมืองหนึ่งตั้งแต่ ๑๒ เดือนขึ้นไป ให้เรียกภาษีเรือสอกละสลึงวาละบาท ถ้าราษฎรเจ้าของเรือสาบาลได้ว่า ประจำฃายอยู่ในจังหวัดกรุงเทพแลแขวงเมืองนั้นต่ำกว่า ๒ เดือนลงมา เรืออย่างนี้เปนเรือจร ไม่ต้องเสียภาษี เรือช่วงบันทุกสินค้าส่งเรือใหญ่แลส่งขึ้นโรงร้านตึกแพ แลเรือรับถ่ายสินค้าที่โรงร้านตึกแพบันทุกเรือไปเที่ยวเร่ฃายสิ้นเวลาแล้วกลับมาขนของขึ้นโรงร้าน เปนเรือเร่ ไม่ต้องเสียภาษี กำหนดให้เรียกภาษีแพที่ไว้สินค้าขายในจังหวัดกรุงเทพ ถ้ามีสินค้าสิ่งหนึ่งสองสิ่งสามสิ่งเปนสินค้าราคาน้อย ให้เรียกภาษีแพห้องละหกสลึง สองห้องสามบาท สามห้องตำลึงสองสลึง ถ้าสินค้าราคาน้อย มีสินค้าอยู่ ๔ สิ่ง ๕ สิ่ง ๖ สิ่ง ให้เรียกภาษีห้องละกึ่งตำลึง สองห้องตำลึงหนึ่ง สามห้องหกบาท แพที่มีสินค้าราคามาก คือ ผ้าแลแพรต่าง ๆ แลเครื่องทองเหลืองทองขาว เครื่องแก้วเครื่องเหล็กแลปืน หนังเขานองา สุรายาฝิ่น แต่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แพให้เช่าแลเขียนหวยตั้งบ่อนเล่นเบี้ยต่าง ๆ แลแพคนเช่า ให้เรียกภาษีห้องละสามบาท สองห้องหกบาท สามห้องเก้าบาท เรือโรงร้านตึกที่ให้เช่าไว้สินค้าตั้งบ่อนเล่นเบี้ยเขียนหวย แลคนเช่าอยู่ แลเรือนโรงตึกคนชั่ว แลเรือนโรงร้าน ตึกที่ไม่ได้ให้เช่า ไว้สินค้าของตัวเอง ซึ่งอยู่ในท้องที่โปลิศลาดตระเวน ให้เทียบเหมือนค่าเช่า ให้เรียกภาษี ๑๒ ชัก ๑ กึ่ง คือ สิบสองตำลึงชักหกบาท แต่เรือนโรงร้านตึกแพที่ให้เช่าแลไว้สินค้าของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในท้องที่โปลิศลาดตระเวน ให้เรียกภาษี ๑๒ ชัก ๑ แลโรงร้านตึกแพซึ่งอยู่ตามแถวท้องตลาด แทรกปนอยู่ในระหว่างโรงร้านตึกแพที่มีสินค้าขาย ไม่ประกอบการซื้อขายให้มีผลประโยชน์จำเริญแก่แผ่นดินนั้นไม่ชอบ ให้เรียกภาษีเท่ากับโรงร้านตึกแพที่ไว้สินค้าขายเหมือนกัน แลให้เจ้าภาษีเรียกภาษีแต่ผู้ที่อยู่ในโรงร้านตึกแพนั้น ๆ ครั้นจะให้ผู้ที่อยู่ในโรงร้านตึกแพนั้นนำไปหาเจ้าของโรงร้านตึกแพก็ยาก บางทีก็อยู่ไกล บางทีก็อยู่ใกล้ ไปไม่ภพบ้าง มักวิวาทกัน จึงให้เรียกภาษีเอาแก่ผู้ที่อยู่ในโรงร้านตึกแพนั้น ๆ แล้วจึงให้ผู้เช่าไปหักเอาเงินค่าเช่าโรงร้านตึกแพซึ่งได้เสียไปตามมากแลน้อย ถ้าผู้เช่าเปนคนอยู่ต่างประเทศ ให้เรียกภาษีเอาแก่เจ้าของโรงร้านตึกแพผู้ได้ค่าเช่า แลเรือนโรงร้านตึกที่ไว้สินค้าของตัวเอง ไม่ได้ให้เช่า แลอยู่ใกลกับที่เช่า จะเทียบเปนค่าเช่าไม่ได้ ให้เรียกภาษีภาษีเปนห้อง ๆ ได้มีสินค้าสิ่งหนึ่งสองสิ่งสามสิ่ง ราคามากกว่าตำลึงหนึ่งขึ้นไป ให้เรียกภาษาที่ไว้สินค้าห้องละสองสลึง ถ้ามีสินค้าราคาน้อย ๔ สิ่ง ๕ สิ่ง ๖ สิ่ง ให้เรียกภาษีห้องละหกสลึง ถ้ามีสินค้าราคามากต้องพิกัตแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้เรียกภาษีห้องละกึ่งตำลึง แลเรือนโรงร้านตึกแพซึ่งอยู่ตามหักเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือนั้น ด้วยราคาสินค้าไม่เหมือนกรุงเทพ ต้องลดหย่อนผ่อนราคาลงบ้าง กำหนดให้เรียกภาษีแพที่อยู่หัวเมืองซึ่งมีสินค้าราคาน้อยห้องละหกสลึง สองห้องสามบาท สามห้องตำลึงสองสลึง แพให้เช่าตั้งบ่อนเล่นเบี้ยต่าง ๆ แลแพที่มีสินค้าราคามากต้องพิกัตแตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้เรียกภาษีแพห้องละกึ่งตำลึง สองห้องตำลึงหนึ่ง สามห้องหกตำลึง แต่เรือนโรงร้านตึกที่ให้เช่าเปนราคาเท่าใด ให้เรียกภาษี ๑๒ ชัก ๑ ถ้าราษฎรตีเหล็กแลหล่อเครื่องทองเหลืองทองขาวปั้นม่อทำครามทำปอใต้ทำตะลุ่มแลที่ไว้ใต้น้ำมันสานงอบสานสื่อธอเสื่อต่าง ๆ เย็บจากเย็บกระแซง ฤๅไปซื้อหารับสินค้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่ผู้อื่น ๆ มาไว้ขายที่เรือนโรงร้าน สินค้ามีอยู่สิ่งหนึ่งสองสิ่งสามสิ่ง ราคามากกว่าตำลึงหนึ่งขึ้นไป ให้เรียกภาษีที่ไว้สินค้าห้องละสองสลึง ถ้าสินค้า ๔ สิ่ง ๕ สิ่ง ๖ สิ่ง เปนสินค้าราคาน้อย ให้เรียกภาษีห้องละบาท ถ้าสินค้าราคามากต้องในพิกัตแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้เรียกภาษีห้องละหกสลึง ถ้าสินค้าเปนของในสวนในไร่ของตัว ไม่ต้องเสียภาษีที่ไว้สินค้า แต่โรงเลื่อยไม้โรงสีเข้าโรงทำน้ำมันขาย ให้เรียกภาษีห้องละบาท โรงเลี้ยงสุกรขายสุกรตั้งแต่ ๑๐ ตัวขึ้นไป โรงเลี้ยงเปดเลี้ยงไก่ตั้ง ๕๐ ตัวขึ้นไป ให้เรียกภาษีโรงเลี้ยงเปนที่ไว้สินค้าหลังละบาท ถ้าสุกรต่ำกว่า ๑๐ ตัว เปดไก่ต่ำกว่า ๕๐ ตัวลงมา แลเปนที่กลางแจ้งไม่ได้เลี้ยงในโรง ไม่ต้องเสียภาษี ถ้าราษฎรมีตึกเรือนโรงแลทำเพิงเฉลียงน่าตึกข้างตึกเรือนโรงห้องหนึ่งสองห้องสามห้องก็ดี บันทุกสินค้าไว้แต่ที่เพิงเฉลียงแห่งเดียว แต่ในตึกในโรงในเรือนไม่มีสินค้า ให้เรียกภาษีเพิงเฉลียงเปนที่ไว้สินค้าอย่างเดิยวห้องละสองสลึง ถ้าไว้สินค้าที่ตึกที่เรือนที่โรงก็ดี แลเพิงเฉลียงก็ไว้สินค้าต่าง ๆ หลังใดหลังหนึ่ง ให้เรียกภาษีหลังนั้นทั้งเพิงเฉลียงเปนที่ไว้สินค้าด้วย รวมกันห้องละสามบาท สองห้องหกบาท สามห้องเก้าบาท แลราษฎรผู้เดียวบันทุกสินค้าใว้ที่เรือนโรงร้านตึกแพหลายหลัง ห้องใดเปนที่ไว้สินค้า ก็ให้เรียกภาษีห้องนั้นทุกหลังตามมากแลน้อย ถ้าเจ้าของสาบาลได้ว่า สินค้าราคาไม่ถึงตำลึง แลห้องเปล่าไม่มีสินค้า ไม่ต้องเสียภาษี พิกัดในท้องตรากำหนดให้เรียกภาษีดังกล่าวมานี้ ถ้าเจ้าของผู้ได้ค่าเช่าแลผู้เช่าเรือนโรงร้านตึกแพนั้น ๆ ปิดบังค่าเช่าไว้ ไม่บอกโดยตรง เจ้าภาษีแลพวกเจ้าภาษีจับได้ ชำระได้ความจริง ก็ให้ปรับไหมแก่ผู้บังภาษีสามต่อตามราคาเช่ามากแลน้อย แลเงินสินบนเท่าใดก็ให้เอาแก่ผู้บังคับให้แก่ผู้รับสินบน ให้เจ้าภาษีบลจับผู้คับค่าเช่าเปนเงินสิบตำลึงลงมา แลให้เจ้าภาษิเรียกภาษีแต่ราษฎรตามพิกัดประกาศ ถ้าเจ้าภาษีคิดยักย้ายเรียกภาษาเหลือ ๆ เกิน ๆ ก็ให้ราษฎรผู้ที่มีเรือเรือนโรงร้านตึกแพทั้งปวงพิเคราะดูในพิกัดหมายประกาศนี้ให้ถ้วนถี่ จะใด้เสียภาษีตามพิกัดกำหนดในท้องตรา ถ้าเจ้าภาษีเรียกเหลือเกินขึ้นไป อย่าให้ราษฎรยอมเสียภาษี ให้ร้องทุกข์เอาเถิด ให้ผู้สำเร็จราชการเมืองกรมการมีใจเมตตากรุณาแก่ราษฎร รับหมายประกาศแจกไปให้รู้ทั่วกัน อย่าได้เปนใจด้วยเจ้าภาษียอมให้เจ้าภาษีเกบภาษิให้เหลือ ๆ เกิน ๆ ในพิกัดท้องตราแลหมายประกาศนี้ ถ้าผู้สำเร็จราชการเมืองกรมการขมเหงราษฎรให้เสียภาษีเกินพิกัต ได้ความจริงจะให้มีโทษด้วย ฝ่ายเจ้าภาษีเล่าจงมีความเมดตากรุณาแก่ราษฎร ภาษก็จะมีประโยชน์กำไร ก็เพราะราษฎรทำมาหากิน อย่าให้เรียกเหลือเกินผิดจากพิกัดท้องตราแลหมายประกาศนี้ให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ฝ่ายราษฎรทั้งปวงเล่า จงยอมเสียภาษีให้เจ้าภาษิตามพิกัดแลหมายประกาศนี้แต่โดยดี อย่าให้ล่วงปีไปได้ ถ้าสงไสยข้อใด ก็ให้ถามผู้รักษาเมืองกรมการให้ทราบ จะได้เสียภาษีตามพิกัด แลไห้เจ้าภาษีกับราษฎรมีความอ่อนน้อมต่อกัน ความเฉลาะวิวาทก็จะไม่บังเกิดมี ประกาศไว้ณวันพฤหัศบดี เดือนเจด ขึ้นสี่ค่ำ ปีมเมียโทศก ศักราช ๑๒๓๒ ในรับราชกาลปัตยุบันนี้ ๚ะ