เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนที่35 ขุนช้างถวายฎีกา

มันจะสอดแนมแกมเท็จ ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษา ดูจะระแวงผิดในกิจจา มารดาก็จะต้องซึ่งโทษภัย คิดแล้วเรียกหมื่นวิเศษผล เอ็งเป็นคนเคยชอบอัชฌาสัย จงไปบ้านขุนช้างด้วยทันใด ไกล่เกลี่ยเสียอย่าให้มันโกรธา บอกว่าเราจับไข้มาหลายวัน เกรงแม่จะไม่ทันมาเห็นหน้า เมื่อคืนนี้ซ้ำมีอันเป็นมา เราใช้คนไปหาแม่วันทอง พอขณะมารดามาส่งทุกข์ ร้องปลุกเข้าไปถึงในห้อง จึงรีบมาเร็วไวดังใจปอง รักษาจนแสงทองสว่างฟ้า ไม่ตายคลายฟื้นขึ้นมาได้ กูขอแม่ไว้พอเห็นหน้า แต่พอให้เคลื่อนคลายหลายเวลา จึงจะส่งมารดานั้นคืนไป ฯ


๏ หมื่นวิเศษรับคำแล้วอำลา รีบมาบ้านขุนช้างงหาช้าไม่ ครั้นถึงแอบดูอยู่แต่ไกล เห็นผู้คนขวักไขว่ทั้งเรือนชาน ขุนช้างนั่งเยี่ยมหน้าต่างเรือน ดูหน้าเฝื่อนทีโกรธอยู่งุ่นง่าน จะดื้อเดินเข้าไปไม่เป็นการ คิดแล้วลงคลานเข้าประตู ฯ


๏ ครานั้นเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง นั่งคาหน้าต่างเยี่ยมหน้าอยู่ เห็นคนคลานเข้ามาเหลือบตาดู นี่มาล้อหลอกกูหรือย่างไร อะไรพอสว่างวางเข้ามา เด็กหวาจับถองให้จงได้ ลุกขึ้นถกเขมรร้องเกณฑ์ไป ทุดอ้ายไพร่ขี้ครอกหลอกผู้ดี ฯ


๏ ครานั้นวิเศษผลคนว่องไว ยกมือขึ้นไหว้ไม่วิ่งหนี ร้องตอบไปพลันในทันที คนดีดอกข้าไหว้ใช่คนพาล ข้าพเจ้าเป็นบ่าวพระหมื่นไวย เป็นขุนหมื่นรับใช้อยู่ในบ้าน ท่านใช้ให้กระผมมากราบกราน ขอประทานคืนนี้พระหมื่นไวย เจ็บจุกปัจจุบันมีอันเป็น แก้ไขก็เห็นหาหายไม่ ร้องโอดโดดดิ้นเพียงสิ้นใจ จึงใช้ให้ตัวข้ามาแจ้งการ พอพบท่านมารดามาส่งทุกข์ ข้าพเจ้าร้องปลุกไปในบ้าน จะกลับขึ้นเคหาเห็นช้านาน ท่านจึงรีบไปในกลางงคืน พยาบาลคุณพระนายพอคลายไข้ คุณอย่าสงสัยว่าปอื่น ให้คำมั่นสั่งมาว่ายั่งยืน พอหายเจ็บแล้วจะคืนไม่นอนใจ ฯ


๏ ครานั้นขุนช้างได้ฟังว่า แค้นดังเลือดตาจะหลั่งไหล ดับโมโหโกรธทำว่าไป เราก็ไม่ว่าไรสุดแต่ดี การไข้เจ็บล้มตายไม่วายเว้น ปัจจุบันอันเป็นทั้งกรุงศรี ถ้าขัดสนสิ่งไรที่ไม่มี ก็มาเอาที่นี่อย่าเกรงใจ ว่าแล้วปิดบานหน้าต่างผาง ขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้ ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทัย ดูดู๋เป็นได้เจียววันทอง เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย มันจึงเหิมใจทำจองหอง พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนอง ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้ อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา ตั้งตัวดังพระยาราชสีห์ อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยทำไมมี เห็นกูนี้ผิดติดโทษทัณฑ์ มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจ จะพึ่งพาใครได้ที่ไหนนั่น ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกัน ถึงฟ้องมันก็จะปิดให้มิดไป ตามบุญตามกรรมได้ทำมา จะเฆี่ยนฆ่าหาชีวิตคิดไม่ ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชนวนมา ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา ลงกระดาษทับไว้มิได้ช้า อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล วันนั้นพอพระปิ่นนรินทร์ราช เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม่ ขุนช้างมาถึงซึ่งวังใน ก็คอยจ้องที่ใต้ตำหนักน้ำ ฯ


๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช เสด็จคืนนิเวศน์พอจวบค่ำ ฝีพายรายเล่มมาเต็มลำ เรือประจำแหนแห่เซ็งแซ่มา พอเรือพระที่นั่งประทับที่ ขุนช้างก็รี่ลงตีนท่า ลอยคอชูหนังสือดื้อเข้ามา ผุดโผล่ดงหน้ายึดแคมเรือ เข้าตรงโทนอ้นต้นกัญญา เพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ ร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา ขุนช้างดึงดื้อมือยึดเรือ มิใช่เสือระหม่อมฉานล้านเกศา สู้ตายขอถวายซึ่งฎีกา แค้นเหลือปัญญาจะทานทน ฯ


๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ทรงพระโกรธาโกลาหล ทุดอ้ายจัญไรมิใช่คน บนบกบนฝั่งดังไม่มี ใช่ที่ใช่ทางวางเข้ามา หรืออ้ายช้างเป็นบ้ากระมังนี่ เฮ้ยใครรับฟ้องของมันที ตีเสียสามสิบจึงปล่อยไป มหาดเล็กก็รับเอาฟ้องมา ตำรวจคว้าขุนช้างหาวางไม่ ลงพระราชอาญาตามว่าไว้ พระจึงให้ตั้งกฎษฎีกา ว่าตั้งแต่วันนี้สืบต่อไป หน้าที่ของผู้ใดให้รักษา ถ้าประมาทราชการไม่นำพา ปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง ระวางโทษเบ็ดเสด็จเจ็ดสถาน ถึงประหารชีวิตเป็นผุยผง ตามกฤษฎีการักษาพระองค์ แล้วลงจากพระที่นั่งเข้าวังใน ฯ


๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ สมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง ลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา ปรนนิบัติวัตถาไม่ห่างข่าง เพลิดเพลินจำเริญใจไม่เว้นวาง คืนนั้นในกลางซึ่งราตรี นางแก้วลาวทองทั้งสองหลับ ขุนแผนกลับผวาตื่นฟื้นจากที่ พระจันทรจรแจ่มกระจ่างดี พระพายพัดมาลีตลบไป คิดคะนึงถึงมิตรแต่ก่อนเก่า นิจจาเจ้าเหินห่างร้างพิสมัย ถึงสองครั้งตั้งแต่พรากจากพี่ไป ดังเด็ดใจจากร่างก็ราวกัน กูก็ชั่วมัวรักแต่สองนาง ละวางให้วันทองน้องโศกศัลย์ เมื่อตีได้เชียงใหม่ก็โปรดครัน จะเพ็ดทูลคราวนั้นก็คล่องใจ สารพัดที่จะว่าได้ทุกอย่าง อ้ายขุนช้างไหนจะโต้จะตอบได้ ไม่ควรเลยเฉยมาไม่อาลัย บัดนี้เล่าเจ้าไวยไปรับมา จำกูจะไปสู่สวาทน้อง เจ้าวันทองจะคอยละห้อยหา คิดพลางจัดแจงแต่งกายา น้ำอบทาหอมฟุ้งจรุงใจ ออกจากห้องย่องเดินดำเนินมา ถึงเรือนลูกยาหาช้าไม่ เข้าห้องวันทองในทันใด เห็นนางหลับใหลนิ่งนิทรา ลดตัวลงนั่งข้างวันทอง เตือนต้องด้วยความเสน่หา สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องอา พี่มาหาแล้วอย่านอนเลย ฯ


๏ นางวันทองตื่นอยู่รู้สึกตัว หมายใจว่าผัวก็ทำเฉย นิ่งดูอารมณ์ที่ชมเชย จะรักจริงหรือจะเปรยเป็นจำใจ แต่นิ่งดูกิริยาเป็นช้านาน หาว่าขานโต้ตอบอย่างไรไม่ ทั้งรักทั้งแค้นแน่นฤทัย ความอาลัยปั่นป่วนยวนวิญญาณ์ ฯ


๏ โอ้เจ้าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย เจ้าหลับใหลกระไรเลยเป็นหนักหนา ดังนิ่มน้องหมองใจไม่นำพา หรือขัดเคืองคิดว่าพี่ทอดทิ้ง ความรักหนักหน่วงทรวงสวาท พี่ไม่คลาดคลายรักแต่สักสิ่ง เผอิญเป็นวิปริตที่ผิดจริง จะนอนนิ่งถือโทษโกรธอยู่ไย ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้าง จูบพลางชวนชิดพิสมัย ลูบไล้พิไรปลอบให้ชอบใจ เป็นไรจึงไม่ฟื้นตื่นนิทรา ฯ


๏ เจ้าวันทองน้องตื่นจากที่นอน โอนอ่อนวอนไหว้พิไรว่า หม่อมน้อยใจหรือที่ไม่เจรจา ใช่ตัวข้านี้จะงอนค่อนพิไร ชอบผิดพ่อจงคิดคะนึงตอง อันตัวน้องมลทินหาสิ้นไม่ ประหนึ่งว่าวันทองนี้สองใจ พบไหนก็เป็นแต่เช่นนั้น