ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9ฯ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นคราวที่ ๕ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น
โดยที่รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด - 19 เพื่อให้บรรดาสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมที่อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการระบาดของโรคโควิด - 19 สามารถเปิดดำเนินการได้ และได้ดำเนินการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมบางประเภทให้สามารถทดลองเปิดดำเนินการได้ภายใต้มาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค ตามข้อเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ซึ่งจากการประเมินผลพบว่า สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมนั้นมีความเหมาะสมที่สามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การเปิดดำเนินการสถานที่ กิจการ และกิจกรรมต่าง ๆ ให้สถานที่ กิจการ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยผ่อนคลายหรืออนุญาตให้เปิดดำเนินการไว้แล้วคงดำเนินการได้ต่อไปภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา รวมทั้งมาตรการป้องกันโรค การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ ตามที่ทางราชการกำหนดไว้เดิม และให้สถานที่ กิจการ และกิจกรรมที่นายกรัฐมนตรีได้เคยอนุญาตให้เปิดดำเนินการในขั้นทดลองดังต่อไปนี้ สามารถเปิดดำเนินการได้ต่อเนื่องตามความสมัครใจและความพร้อม
(๑)การเปิดโรงเรียน สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย โรงเรียนหรือสถาบันกวดวิชา และการจัดให้มีการเรียนการสอนแบบครบจำนวน ครบห้องเรียน ครบชั้นเรียน
(๒)สนามกีฬาหรือสถานที่ที่เคยผ่อนคลายให้สามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้ ให้มีผู้ชมการแข่งขันอยู่ในสนามแข่งขันได้ โดยผู้จัดการแข่งขันต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
(๓)พาหนะเพื่อการขนส่งสาธารณะทั้งทางบกและทางน้ำสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้เต็มตามความจุมาตรฐานของพาหนะนั้น ๆ ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบและกำกับดูแลของหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการ กิจกรรมและสถานที่ดังกล่าวต้องจัดให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เงื่อนไขการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ คำแนะนำของทางราชการ รวมทั้งกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบการดำเนินการและหากพบการกระทำที่อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค พนักงานเจ้าหน้าที่อาจให้คำแนะนำ ตักเตือน ห้ามปราม และมีอำนาจกำหนดช่วงระยะเวลาเพื่อให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรวมทั้งเสนอให้ผู้มีอำนาจมีคำสั่งปิดสถานที่ไว้เป็นการชั่วคราวและดำเนินคดีต่อผู้ฝ่าฝืนด้วยก็ได้
ข้อ ๒ การบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้เจ้าของ ผู้ประกอบการ หรือผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่ กิจกรรมและกิจการต่าง ๆ จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดและให้ผู้ใช้บริการหรือเข้าไปยังสถานที่หรือร่วมทำกิจกรรมเช่นว่านั้นสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากทางเลือก รักษาระยะห่าง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด ตลอดจนเข้าระบบแอปพลิเคชันที่กำหนด และต้องยอมรับการกักกันตามระยะเวลาและในสถานที่ที่รัฐกำหนดหากอยู่ในช่ายที่ต้องรับการกักกัน
ข้อ ๓ การประสานงาน ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งในส่วนของประชาชนและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อกำหนดนี้ ให้หารือหรือประสานงานกับคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 เป็นประธาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
- ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
- พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
- นายกรัฐมนตรี
บรรณานุกรม
แก้ไข- "ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563". (2563, 31 สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 137, ตอน พิเศษ 199 ง. หน้า 27–28.
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"