ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒
ด้วยปรากฏว่าได้มี กลุ่มบุคคลดำเนินการปลุกระดม เชิญชวน ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ การสื่อสาร หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายใน ที่จะมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายของแผ่นดิน หรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นใน ราชอาณาจักรไทย และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะกระทำที่มีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยการยุยงให้มีการกระทำความผิดต่อกฎหมายซึ่ง การชุมนุมดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรง และเกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกส่วนหนึ่ง ดังเช่นการปิดถนน โดยมุ่งหมายให้เกิดความวุ่นวาย จนกระทั่งรัฐบาลต้องประกาศหยุดราชการ ในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๒ มีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่บริหารราชการสำคัญของประเทศ เข้าทำการขัดขวางและบุกยึดโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุม "สุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๑๔" (๑๔ ASEAN Summit and its Related Summits) ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ มีการขัดขวางการปฏิบัติราชการ และพยายามทำร้ายนายกรัฐมนตรีและหมิ่นประมาท ดูหมิ่นสถาบันสูงสุด และบุคคลสำคัญของประเทศการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นการชุนนุ มโดยไม่สงบ ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจอันเป็นการกระทำที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของประชาชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย และกระทบต่อการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติโดยเร็ว
อาศัย อำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการ เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๕ และมาตรา ๖๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอพระประแดง อำเภอบางบ่อ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก อำเภอลำลูกกา อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และอำเภอวังน้อย อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เชิงอรรถ
แก้ไข- ↑ ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษที่ ๕๕ ง/หน้า ๑ - ๒/๑๔ เมษายน ๒๕๕๒
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"