ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 8/ภาค 5/เรื่อง 3
๏ศุภมัศดุ จุลศักราช ๑๒๓๕ กุกฎสังวัจฉะระ กะติกะมาศ กฤษณปักษ พาระสีดิถี รวิวาร ปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุศย์รัตนราชรวิวงษ์ วรุตมพงษ์บริพัฒน์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมบารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมหัยสวริยพิมานโดยสถานอุตราพิมุข พระบรมวงษานุวงษ์แลท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าพร้อมกันโดยลำดับ จึ่งมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาททรงประกาศแก่พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยให้ทราบทั่วกันว่า ตั้งแต่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติมา ก็ตั้งพระราชหฤไทยที่จะทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรให้มีความศุขความเจริญแก่พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งสมณชีพราหมณ์ประชาราษฎรทั้งปวงทั่วไป การสิ่งไรที่เปนการกดขี่แก่กันให้ได้ความยากลำบากนั้น ทรงพระดำริห์จะไม่ให้มีแก่ชนทั้งหลายในพระราชอาณาจักรต่อไป ด้วยได้ทรงพระราชดำริห์เหนว่า ในมหาประเทศต่าง ๆ ซึ่งเปนมหานครอันใหญ่ในทิศตวันออกตวันตกในประเทศอาเซียนี้ ฝ่ายตวันออก คือ ประเทศจีน ประเทศยวน ประเทศยี่ปุ่น แลฝ่ายตวันตก คือ อินเดิย แลประเทศที่ใช้การกดขีให้ผู้น้อยหมอบคลานกราบไหว้ต่อเจ้านายแลผู้มีบันดาศักดิที่เหมือนกับธรรมเนียมในประเทศสยามนั้น บัดนี้ ประเทศเหล่านั้นก็ได้เลิก เปลี่ยน ธรรมเนียมนั้นหมดทุกประเทศด้วยกันแล้ว การที่เขาได้พร้อมกันเลิก เปลี่ยน ธรรมเนียมที่หมอบคลานกราบไหว้นั้น ก็เพราะเพื่อจะให้เหนความดีที่จะไม่มีการกดขี่แก่กันในบ้านเมืองนั้นอิกต่อไป ประเทศใดเมืองใดที่ได้ยกธรรมเนียมที่เปนการกดขี่ซึ่งกันแลกัน ประเทศนั้นเมืองนั้น ก็เหนว่า มีแต่ความเจริญมาทุก ๆ เมืองโดยมาก ก็ในประเทศสยามนี้ ธรรมเนียมบ้านเมืองที่เปนการกดขี่แก่กันอันไม่ต้องด้วยยุติธรรมนั้นก็ยังมีอยู่อิกหลายอย่างหลายประการ จะต้องคิดลดหย่อนผ่อนเปลี่ยนเสียบ้าง แต่การที่จะจัดผลัดเปลี่ยนธรรมเนียมจะให้แล้วไปในครั้งเดียวคราวเดียวนั้นไม่ได้ จะต้องค่อยคิดเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาที่ควรแก่กาลที่จะเปลี่ยนแปลงได้ บ้านเมืองจึ่งจะได้มีความเจริญสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไป แลธรรมเนียมทีหมอบคลานกราบไหว้ในประเทศสยามนี้ เหนว่า เปนการกดขี่แก่กันแขงแรงนัก ผู้น้อยที่ต้องหมอบคลานนั้นได้ความเหน็ดเหนื่อยลำบากเพราะจะให้ยศแก่ท่านผู้ใหญ่ ก็การทำยศที่ให้คนหมอบคลานกราบไหว้นี้ ไม่ทรงเหนว่า มีประโยชน์แก่บ้านเมืองแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ผู้น้อยที่ต้องมาหมอบคลานกราบไหว้ให้ยศต่อท่านผู้ที่เปนใหญ่นั้นก็ต้องทนลำบากอยู่ จนสิ้นวาระของตนแล้วจึ่งจะได้ออกมาพ้นท่านผู้ที่เปนใหญ่ ธรรมเนียมอันนี้แล เหนว่า เปนต้นแห่งการที่เปนการกดขี่แก่กันทั้งปวง เพราะฉนั้น จึ่งจะต้องละพระราชประเพณีเดิมที่ถอว่า หมอบคลานเปนการเคารพอย่างยิ่งในประเทศสยามนี้เสีย ด้วยทรงพระมหากรุณาที่จะให้ท่านทั้งหลายได้ความศุข ไม่ต้องทนยากลำบากหมอบคลานเหมือนอย่างแต่ก่อน แลธรรมเนียมที่หมอบคลานนั้นให้เปลี่ยนอิริยาบทเปนยืนเปนเดิน ธรรมเนียมที่ถวายบังคมแลกราบไหว้นั้นให้เปลี่ยนอิริยาบทเปนก้มสีสะ ธรรมเนียมที่ยืน ที่เดิน แลก้มศีสะนี้ ใช้ได้เหมือนกับธรรมเนียมที่หมอบคลานถวาย บังคมลาแลกราบไหว้ บางทีท่านผู้ที่มีบันดาศักดิ์ซึ่งชอบธรรมเนียมที่หมอบคลานกราบไหว้ตามเดิมเหนว่าดีนั้น จะมีความสงไสยสนเท่ห์ว่า การที่เปลี่ยนธรรมเนียมหมอบคลานให้ยืนให้เดินจะเปนการเจริญแก่บ้านเมืองด้วยเหตุไร ก็ให้พึงรู้ว่า การที่เปลี่ยนธรรมเนียมใหม่เลิกหมอบคลานให้ยืนให้เดินนั้นเพราะจะให้เหนเปนแน่ว่า จะไม่มีการกดขี่แก่กันในการที่ไม่เปนยุติธรรมอิกต่อไป เมืองใดประเทศใดผู้ที่เปนใหญ่มิได้ทำการกดขี่แก่ผู้น้อย เมืองนั้นประเทศนั้นก็คงมีความเจริญเปนแน่ ตั้งแต่นี้สืบไป พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งจะเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งแลที่เสด็จออกแห่งหนึ่งใด จงประพฤติ์ตามพระราชบัญญัติที่ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดไว้เปนข้อบัญญัติสำรับข้าราชการต่อไปจงทุกข้อทุกประการ จึ่งได้โปรดเกล้าฯ ให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ สมันตพงษ์พิสุทธ มหาบุรุศย์รัตนโรดม ผู้สำเรจราชการแผ่นดิน ตั้งเปนข้อพระราชบัญญัติไว้สำรับแผ่นดินต่อไปดัง
ข้อ๑ว่า พระบรมวงษ์ษานุวงษ์แลข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง เมื่อจะเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งฤๅที่เสด็จออกแห่งใด ๆ ก็ดี เมื่อเดินเข้าไปถึงน่าพระที่นั่งแล้ว ให้ก้มศีสะถวายคำนับครั้งหนึ่ง แล้วจึ่งเดินไปยืนที่ตำแหน่งของตนเฝ้า เมื่อไปถึงที่ยืนเฝ้าแล้ว ให้ก้มศีสะถวายคำนับอีกครั้งหนึ่ง แล้วยืนให้เรียบร้อยเปนปรกติ ห้ามมิให้เดินไปเดินมาแลยืนหันหน้าหันหลังในเวลาที่เสด็จออก แลมิให้ยืนเอามือไพล่หลัง แลท้าวเอว แลเอามือไปท้าวผนังแลเสาฤๅที่ต่าง ๆ แลสูบบูหรี่ หัวเราะพูดกันเสียงดัง ต่อน่าพระที่นั่ง ให้ยืนให้เรียบร้อยเปนลำดับตามบันดาศักดิ์ผู้ใหญ่ผู้น้อย ถ้ามีกิจราชการที่จะต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาแล้ว ให้เดินออกมาจากที่เฝ้า ยืนตรงน่าพระที่นั่ง ก้มศีสะถวายคำนับ แล้วจึ่งกราบบังคมทูลพระกรุณา เมื่อสิ้นข้อความที่กราบบังคมทูลพระกรุณาแล้ว ให้ก้มศีสะลงถวายคำนับ จึงให้เดินถอยหลังมาที่ยืนเฝ้าอยู่ตามเดิม ถ้าจะถวายหนังสือฤๅสิ่งของสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อพระหัถสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ให้ถือสองมือเดินตรงเข้าไปถึงหน้าพระที่นั่งภอสมควร ก้มศีสะลงถวายคำนับก่อน จึ่งถวายของนั้นต่อพระหัถ ถ้าถวายของนั้นเสร็จแล้ว ให้เดินถอยหลัง ถ้าเปนที่ใกล้ ให้ถอยหลัง ๓ เก้าฤๅ ๕ เก้าพอสมควร ถ้าเปนที่ไกล ให้ถอยหลังออกมา ๗ เก้า จึ่งกลับหน้าเดินไปยืนตามที่ ถ้าจะมีพระบรมราชโองการดำรัสด้วยผู้หนึ่งผู้ใดที่ยืนอยู่ในที่เฝ้านั้น ก็ให้ผู้นั้นยืนคงอยู่ตามที่ ก้มศีสะถวายคำนับ แล้วจึ่งรับพระบรมราชโองการ เมื่อรับพระบรมราชโองการ กราบบังคมทูลสิ้นข้อความแล้ว ก็ให้ก้มศีสะลงถวายคำนับ อนึ่ง พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงที่ได้เข้ามายืนเฝ้าในเวลาที่เสด็จออกอยู่นั้น ถ้ามีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานเก้าอี้ให้นั่ง จึงนั่งได้ ห้ามมิให้นั่งลงกับพื้น แลนั่งบนเก้าอี้ ฤๅนั่งที่แห่งใด ๆ ตามชอบใจในเวลาที่เสด็จออกต่อน่าพระที่นั่ง แลผู้ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดให้นั่งเก้าอี้เฝ้าอยู่นั้น นั่งให้เปนปรกติ ห้ามมิให้ยกเท้าขึ้นภับบนเก้าอี้ แลไขว่ห้างเหยียดท้าวตะแคงตัวทำกิริยาหาความสบายให้เกินกิริยาที่นั่งเปนปรกติเปนอันขาด เมื่อเวลาเสด็จขึ้น ก็ให้ยืนขึ้นถวายคำนับให้พร้อมกัน แต่แขกเมืองประเทศราช เมื่อจะเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ให้ทำกิริยาคาระวะตามเพศบ้านเมืองของตนก่อน เมื่อทรงพระกรุณาโปรดให้ยืน จึ่งยืนได้
ข้อ๒พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกประทับอยู่ที่แห่งใด ๆ ก็ดี ข้าราชการแลมหาดเล็กซึ่งเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ในที่นั้น ถึงเสด็จออกประทับอยู่ช้าหลายชั่วโมง ก็ห้ามมิให้ข้าราชการแลมหาดเล็กที่ยืนเฝ้าอยู่นั้นนั่งลงในที่แห่งใด ๆ เปนอันขาด เว้นไว้แต่เปนที่กำบังลับพระเนตรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึ่งนั่งได้ แลในเวลาที่เสด็จออก ทรงประทับอยู่ณที่แห่งใด ๆ นั้น ข้าราชการแลมหาดเล็กยืนเฝ้าอยู่ในที่โดยลำดับแล้ว ผู้ซึ่งจะเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทภายหลัง ที่มิได้มีราชการที่จะกราบบังคมทูลพระกรุณา ห้ามมิให้เดินผ่านน่าพระที่นั่งแลเดินผ่านหน้าข้าราชการที่ยืนเฝ้าอยู่ก่อนนั้น ให้เดินหลีกเลี่ยงเข้ายืนตามตำแหน่งของตนที่ควรจะยืน เว้นไว้แต่ผู้ที่รับพระบรมราชโองการ จึ่งเดินผ่านหน้าเพื่อนข้าราชการไปมาได้
ข้อ๓สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรไปทางสถลมารค ข้าราชการแลราษฎรชายหญิงที่จะมาคอยดูกระบวนเสด็จพระราชดำเนิรก็ดี จะทรงช้าง ทรงม้า ทรงรถ ฤๅจะทรงพระที่นั่งอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี เมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนิรมาถึงหน้าผู้ที่ยืนคอยดูกระบวนเสด็จพระราชดำเนิรอยู่นั้น ให้คนเหล่านั้นก้มศีสะถวายคำนับจงทุกคน ห้ามมิให้นั่งมิให้ยืนดูกระบวนเสด็จพระราชดำเนิรบนชานเรือน บนน่าต่างเรือน แลบนที่สูง ที่ไม่ควรจะนั่งจะยืน ถ้าทรงม้า ทรงรถ ไม่มีกระบวนนำกระบวนตามเสด็จพระราชดำเนิร ผู้ซึ่งอยู่บนเรือนแลบนที่สูง ไม่ทันรู้ว่า เสด็จพระราชดำเนิร แต่ภอแลเหนว่า เปนรถพระที่นั่งฤๅม้าพระที่นั่ง ก็ให้ยืนขึ้นถวายคำนับ ห้ามมิให้นั่งมิให้หมอบเปนอันขาด แลในเวลาที่เสด็จพระราชดำเนิรทรงช้าง ทรงม้า ทรงรถ ฤๅทรงพระที่นั่งอย่างหนึ่งอย่างใดมาในทางสถลมารค ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดไปบนหลังม้าฤๅไปบนรถ พบปะกระบวนนำเสด็จพระราชดำเนิร ก็ให้หยุดม้าหยุดรถริมทาง ถ้าเสด็จพระราชดำเนิรมาถึงตรงหน้าแล้ว ให้ถอดหมวกก้มศีสะถวายคำนับอยู่บนรถบนหลังม้า ไม่ต้องลงจากรถจากหลังม้า ต่อเสด็จพระราชดำเนิรไปสิ้นกระบวนแล้ว จึ่งให้ออกรถเดินเดินม้าต่อไป ถ้าเสด็จพระราชดำเนิรทางชลมารค ข้าราชการแลราษฎรชายหญิงที่อยู่แพอยู่เรือนริมน้ำ ให้ยืนขึ้นก้มศีสะถวายคำนับจงทุกคน ถ้ามาด้วยเรือ พบกระบวนเสด็จพระราชดำเนิร ถ้าเรือเล็ก ยืนไม่ได้ ก็ให้ถอดหมวกก้มศีสะถวายคำนับในเรือ ไม่ต้องยืน ถ้าเปนเรือใหญ่ ควรจะยืนได้ ก็ให้ยืนขึ้นถวายคำนับตามธรรมเนียม
ข้อ๔ข้าราชการ เมื่อจะเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง แลจะออกจากพระบรมมหาราชวัง ฤๅจะไปกิจธุระแห่งหนึ่งแห่งใดก็ดี ถ้าพบท่านผู้มีบันดาศักดิ์ที่ได้เคยทำคำนับยำเกรงตามธรรมเนียมเก่าฉันใด ก็ให้ทำคำนับยำเกรงอย่างธรรมเนียมใหม่ให้เหมือนกัน ธรรมเนียมที่ยืนเหมือนกับนั่งเหมือนกับหมอบ ธรรมเนียมที่เปิดหมวกก้มศีสะเหมือนกับกราบไหว้อย่างแต่ก่อนนั้น ถ้าผู้หญิงจะไปในที่เฝ้าแลพบท่านผู้ใหญ่ ไม่ต้องเปิดหมวก เปนแต่ก้มศีสะลงคำนับ เมื่อกระทำคำนับแล้ว หมวกนั้นจะเปิดก็ได้ไม่เปิดก็ได้ แลผู้คนข้าทาษที่ไช้การงานอยู่ในบ้านเรือนนั้น ก็อย่าให้ท่านผู้ที่เปนเจ้าเปนนายบังคับให้ข้าทาษหมอบคลาน ให้บังคับให้ข้าทาษใช้ยืนใช้เดินตามพระราชบัญญัติซึ่งทรงพระกรุณาโปรดให้ตั้งไว้นี้ ให้พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนฝ่ายน่าฝ่ายในในพระบรมมหาราชวังบวรให้กระทำตามพระราชบัญญัติประกาศนี้จงทุกประการ ๚ะ
ประกาศมาณวันอาทิตย เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ ปีระกา เบญจศก ศักราช ๑๒๓๕