ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 8/ภาค 6/เรื่อง 3
๏ด้วยพระบาทสมเดจ์พระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุศยรัตนราชรวิวงษ วรุตมพงษบรพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในรัชกาลที่ห้าในพระบรมราชวงษซึ่งได้ดำรงรัตนราไชมหัยสวรรยาธิปัตณกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยา พระเจ้ากรุงสยาม มีพระราชประสงค์จะดำรงรักษาทางพระราชไมตรีให้วัฒนาถาวรยิ่งขึ้นไป ด้วยเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน เปนของฝ่ายไทย แลเขตรแดนซึ่งเปนกอลอนีเมืองขึ้นฝ่ายอังกฤษติดต่อกันกับเมืองเชียงใหม่ ลูกค้าไปมาค้าขายเกิดโจรผู้ร้ายแลเหตุต่าง ๆ จะต้องจัดการระงับโจรผู้ร้ายให้ลูกค้าทั้งสองฝ่ายไปมาค้าขายโดยสดวก ท่านเสนาบดีกรุงสยามแลคอเวอนแมนต์ฝ่ายอินเดียเหนพร้อมกันแล้ว สมเดจ์พระเจ้ากรุงสยามจึ่งโปรดตั้งให้พระยาเจริญราชไมตรีเปนผู้ใหญ่ได้บังคับการสิทธิ์ขาดในสาลต่างประเทศเปนมินิศเตอเปลนิโปเตนติเอริยที่หนึ่ง พระยาสมุทบุรานุรักษ ผู้ได้บังคับการเมืองสมุทปราการ เปนมินิศเตอเปลนิโปเตนติเอริยที่สอง พระมหามนตรีศรีองครักษ สมุหเจ้ากรมพระตำรวจในขวา เปนที่ปฤกษานายหนึ่ง กับหลวงสยามานุเคราะห์ กงสุลเมืองรางงุน นายหนึ่ง ฝ่ายท่านเรตฮอนเนอเรเปลทอมมาศยอศแบริงบารอนนอตบรุกที่สแตรตตอน เปนบารนเนต แลเปนที่ปฤกษาของสมเดจ์พระนางเปนเจ้าแผ่นดินเกรตบริตแตนแลอายริแลนด์ แลเปนแครนตมาศเตอเครื่องอิศริยยศชื่อสะตาร์อินเดียอย่างที่สุด แลเปนไวสรอยคอเวอนเนอเยเนราลอินเดีย อยู่ในที่ประชุม จึ่งได้ตั้งท่านชาเลอัมเฟอสตอนเอดจิซอนกอมแปเนียน ซึ่งได้รับเครื่องอิศริยยศอย่างสูงชื่อสะตาร์อินเดีย เปนเปลนิโปเตนติเอรีย แลผู้ซึ่งมีอำนาจทั้งสองฝ่ายได้ปฤกษาเหนถูกต้อง ตกลงกันตามข้อสัญญาซึ่งจะกล่าวนี้ ๚ะ
๏ข้อ๑ว่า สมเดจพระเจ้าแผ่นดินสยามจะให้เจ้าเชียงใหม่ตั้งด่านกองตระเวนแลให้มีเจ้าพนักงานกำกับริมฝั่งแม่น้ำสะระวิลที่เปนเขตรแดนเมืองเชียงใหม่ซึ่งเปนของฝ่ายสยาม แล้วให้มีโปลิศตั้งอยู่ภอสมควร จะได้ระงับห้ามโจรผู้ร้ายแลการอื่น ๆ ที่เปนสำคัญ ๚ะ
๏ข้อ๒ว่า ผู้หนึ่งผู้ใดเปนโจรผู้ร้ายในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน หนีข้ามไปในเขตรแดนอังกฤษ เจ้าพนักงานอังกฤษแลโปลิศจะช่วยติดตามจับผู้ร้ายโดยแขงแรง ถ้าได้ตัวผู้ร้ายเปนคนในบังคับสยาม ต้องส่งให้เจ้าพนักงานสยามที่เมืองเชียงใหม่ ถ้าเปนคนในบังคับอังกฤษ ให้ขุนนางอังกฤษที่ตั้งอยู่ณเขตรแดนยองสะลินชำระให้ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเปนผู้ร้ายในเขตแดนอังกฤษหนีเข้าไปในเขตแดนเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน เจ้าพนักงานฝ่ายสยามกับโปลิศจะช่วยติดตามจับผู้ร้ายโดยแขงแรง ถ้าได้ตัวผู้ร้ายเปนคนในบังคับอังกฤษต้องส่งให้ขุนนางที่ตั้งอยู่ยองสะลิน ถ้าเปนคนในบังคับสยาม เจ้าพนักงานที่ตั้งอยู่เมืองเชียงใหม่จะชำระให้ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่มีหนังสือเดินทางตามในสัญญาข้อ ๔ ฤๅไม่มีหนังสือเดินทาง เปนโจรผู้ร้ายในเขตรแดนอังกฤษ เขตแดนสยาม ถ้าจับตัวผู้ร้ายได้ ไม่ต้องถามว่า เปนคนชาติของผู้ใด ต้องชำระตัดสินทำโทษตามกฎหมายบ้านเมืองนั้น ถ้าทรัพย์สิ่งของที่ผู้ร้ายลักไป เจ้าพนักงานในเขตรแดนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชำระได้ทรัพย์สิ่งของมาแล้ว ต้องส่งทรัพย์สิ่งของให้แก่เจ้าของฝ่ายนั้น ะฯ
๏ข้อ๓ว่า เจ้าพนักงานสยามที่เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน จะต้องช่วยป้องกันคนในบังคับอังกฤษซึ่งใปมาค้าขายและมีธุระอื่น ๆ ในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน โดยสมควร แลฅอเวอนแมนต์อังกฤษในฝ่ายอินเดียก็จะต้องช่วยป้องกันคนในบังคับสยามซึ่งมาจากเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ไปค้าขายฤๅมีธุระอื่น ๆ เข้าไปในเขตรแดนอังกฤษเหมือนกัน ๚ะ
๏ข้อ๔ว่า คนในบังคับอังกฤษมาแต่เมืองพม่า ฝ่ายอังกฤษเข้าไปเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ต้องมีหนังสือเดินทางสำรับตัวของผู้ครองเมืองพม่าฝ่ายอังกฤษฤๅขุนนางซึ่งผู้ครองเมืองพม่าฝ่ายอังกฤษตั้งให้เปนเจ้าพนักงาน ในหนังสือเดินทางสำรับตัวนั้นให้ใส่ชื่อแลตำนิว่า มาด้วยธุระสิ่งใด ๆ หนังสือเดินทางนั้นต้องเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง แต่หนังสือเดินทางสำรับตัวนั้น เจ้าพนักงานซึ่งตั้งอยู่ในเฃตรแดนชั้นนอกฤๅชั้นในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน จะเรียกดู ต้องให้ดู ถ้าผู้ที่มีหนังสือเดินทางไม่มีสิ่งของต้องห้ามตามหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีซึ่งสมเดจพระเจ้ากรุงสยามกับสมเดจพระนางเจ้ากวินกรุงเองแคลนต์ทำไว้เมื่อวันที่สิบแปด เดือนเอปริล คฤษตศักราช ๑๘๕๕ ปี แลข้อเพิ่มเติมซึ่งฅอเวอนแมนต์สยามกับกอมิศเนอฝ่ายอังกฤษได้ทำไว้เมื่อวันที่สิบสาม เดือนเม คฤษตศักราช ๑๘๕๖ ปี มิให้ขัดขวางไว้ ต้องยอมให้ไปตามระยะทาง ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่มีหนังสือเดินทางสำรับตัว จะให้กลับก็ได้ แต่อย่าให้ทำอันตรายด้วยประการใด ๚ะ
๏ข้อ๕ว่า มีประสงค์ตกลงกันจะระงับความซึ่งคนในบังคับอังกฤษ คนในบังคับสยาม ที่อยู่ในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ซึ่งเปนฝ่ายฃองไทย ที่จะเปนความแก่กันต่อไปข้างน่า มิใช่เปนความตีฟันมหันตโทษ สมเดจพระเจ้ากรุงสยามจะตั้งผู้ซึ่งสมควรให้เปนตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ แลตระลาการนั้นจะมีอำนาจได้ชำระตัดสีนความของคนในบังคับอังกฤษฟ้องคนในบังคับสยามที่เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ถ้าคนในบังคับสยามฟ้องคนในบังคับอังกฤษซึ่งมาแต่พม่า อังกฤษที่เข้าไปในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ซึ่งมีหนังสือเดินทางสำรับตัวตามหนังสือสัญญาข้อ ๔ ถ้าคนในบังคับอังกฤษยอมให้ชำระที่สาลนั้น จึ่งชำระตัดสีนได้ ถ้าคนในบังคับสยามฟ้องคนในบังคับอังกฤษที่มาแต่พม่าฝ่ายอังกฤษเข้าไปที่เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ที่มีหนังสือเดินทางสำรับตัวตามหนังสือสัญญาข้อ ๔ ถ้าไม่ยอมให้ตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ชำระตัดสีน ก็ต้องให้กงสุลอังกฤษในกรุงเทพฯ ฤๅขุนนางอังกฤษที่ตั้งอยู่เขตรแดนที่ยองสะลินชำระตัดสีน ถ้าคนในบังคับสยามฟ้องคนในบังคับอังกฤษเข้าไปอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ถ้าไม่มีหนังสือสำรับตัวตามหนังสือสัญญาข้อ ๔ ความนั้นต้องชำระตัดสีนตามกฎหมายเมืองนั้น ๚ะ
๏ข้อ๖ว่า คนในบังคับสยามอยู่ที่เมืองพม่าฝ่ายอังกฤษ ถ้าเปนความกันเอง จะหาตระลาการฝ่ายอังกฤษในตำบลนั้นให้ชำระความ ตระลาการอังกฤษนั้นจะต้องช่วยว่ากล่าวให้สำเรจตามไมตรี ถ้าโจทจำเลยยอมกัน ความนั้นก็แล้วได้ ถ้าคนในบังคับอังกฤษอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน เปนความกันเอง จะไปหาตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ซึ่งได้ตั้งอยู่ตามหนังสือสัญญาข้อ ๕ ตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ต้องช่วยให้สำเรจตามไมตรี ถ้าโจทจำเลยยอมกันตามตัดสีน ความนั้นก็แล้วแก่กันได้ ๚ะ
๏ข้อ๗ว่า คนเกิดในฝ่ายอินเดียซึ่งอยู่ในบังคับอังกฤษมาแต่พม่าฝ่ายอังกฤษเข้าไปในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ที่ไม่มีหนังสือเดินทางสำรับตัวตามหนังสือข้อ ๔ ถ้าทำความผิดในเฃตรแดนสยาม ต้องชำระตามสาลแลกฎหมายเมืองนั้น ถ้าคนเกิดในฝ่ายอินเดียซึ่งอยู่ในบังคับอังกฤษอย่างที่กล่าวมาแล้ว ถ้ามีหนังสือเดินทางสำรับตัวตามหนังสือสัญญาข้อ ๔ แล้ว ทำความผิด ต้องให้กงสุลอังกฤษในกรุงเทพฯ ฤๅให้ขุนนางอังกฤษที่ตั้งอยู่ในเขตรแดนยองสะลินชำระตามกฎหมายอังกฤษ ๚ะ
๏ข้อ๘ว่า เจ้าพนักงานที่เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ถ้าขุนนางที่ตั้งอยู่เขตรแดรยองสะลิน ฤๅกงสุลในกรุงเทพฯ จะต้องการคำหา คำให้การ คำพยาน และผู้ที่เปนพยาน ซึ่งต้องการจะได้ตัดสีนความมหันตะโทษแลความมิใช่มหันตะโทษที่ยังไม่แล้ว ก็ต้องให้ทุกครั้ง ถ้าตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ต้องการคำหา คำให้การ คำพยาน แลผู้ที่เปนพยาน ต้องให้เหมือนกันทุกครั้ง ๚ะ
๏ข้อ๙ว่า ความซึ่งขุนนางอังกฤษที่ตั้งอยู่เขตรแดนยองสะลินชำระก็ดี ฤๅตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ก็ดี ซึ่งได้ตั้งไว้ตามหนังสือสัญญาข้อ ๕ นี้ ถ้าคนในบังคับสยามเปนความเกี่ยวข้องกับคนในบังคับอังกฤษ ฤๅคนในบังคับอังกฤษเกี่ยวข้องกับคนในบังคับสยาม เจ้าพนักงานสยามฤๅเจ้าพนักงานอังกฤษทั้งสองฝ่ายจะใช้ขุนนางนายหนึ่งไปฟังชำระความก็ได้ ถ้าต้องการคำหา คำให้การ คำพยาน เจ้าพนักงานสยามฤๅเจ้าพนักงานอังกฤษจะคัดส่งให้ อย่าให้คิดเอาค่าจ้างแต่สิ่งใด ๚ะ
๏ข้อ๑๐ว่า คนบังคับอังกฤษที่มีหนังสือเดินทางสำรับตัวตามหนังสือสัญญาข้อ ๔ ถ้าผู้หนึ่งผู้ไดจะซื้อไม้ ดัดไม้ กานไม้ ที่ป่าเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ต้องทำหนังสือสัญญาต่อเจ้าของป่าให้มีกำหนดปี หนังสือสัญญานั้นทำเปนสองฉบับ เอาไว้คนละฉบับ ต้องประทับตราตระลาการไทยที่เมืองเชียงใหม่ซึ่งได้ตั้งไว้ตามหนังสือสัญญาข้อ ๕ แลประทับตราเจ้าเชียงใหม่ด้วย แลตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ต้องส่งสำเนาหนังสือสัญญาซื้อไม้นั้นให้แก่ขุนนางอังกฤษที่ตั้งอยู่เขตรแดนยองสะลินฉบับหนึ่งทุกครั้ง ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่เปนคนในบังคับอังกฤษมีหนังสือสำรับตัว ตัดไม้ กานไม้ ในป่าตำบลหนึ่งตำบลใด เจ้าของป่าไม่ยอม ฤๅเกินกำหนดหนังสือสัญญาที่ทำไว้แล้วนั้น ต้องใช้ราคาผลประโยชน์ที่เสียไปให้แก่เจ้าของป่าตามกงสุลอังกฤษในกรุงเทพฯ ฤๅขุนนางอังกฤษที่เขตรแดนยองสะลินเหนสมควร ถ้าผู้นั้นไม่มีหนังสือสำรับตัวแล้ว ต้องชำระตามสาลแลกฎหมายเมืองนั้น ๚ะ
๏ข้อ๑๑ว่า ตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ซึ่งได้ตั้งไว้ตามหนังสือสัญญาข้อ ๕ แลเจ้าเชียงใหม่ต้องห้ามอย่าให้เจ้าของป่าทำหนังสือสัญญาฃายไม้ฤๅป่าไม้ในตำบลเดียวเปนสองรายสามราย แลห้ามอย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดไปตีตราฤๅลบตราที่เปนเจ้าของแท้ได้ตัดตีตราไว้ แลต้องช่วยลูกค้าที่ตัดไม้ซื้อไม้ตามสมควร จะได้เกบไม้ของตัวได้ ถ้าเจ้าของป่าไม่ให้ตัดไม้ กานไม้ ฤๅไม่ให้ถอยไม้ตามหนังสือสัญญาซื้อไม้ที่ว่าไว้ในหนังสือสัญญาข้อ ๑๐ ให้ตระลาการที่เมืองเชียงใหม่ซึ่งตั้งไว้ตามหนังสือสัญญาข้อ ๕ กับเจ้าเชียงใหม่บังคับให้เจ้าของป่าเสียค่าป่วยการให้กับผู้ซึ่งได้ทำหนังสือสัญญานั้นภอสมควรตามกฎหมายฝ่ายสยาม ๚ะ
๏ข้อ๑๒ว่า คนในบังคับอังกฤษซึ่งมาแต่พม่าฝ่ายอังกฤษเข้าในเขตรแดนสยาม สิ่งของต้องพิกัดภาษีต้องเสียภาษีตามธรรมเนียมเมืองนั้น ถ้าคนในบังคับสยามเข้าไปในเขตรแดนอังกฤษ สิ่งของต้องพิกัดภาษีต้องเสียภาษีตามฅอเวอนแมนต์ได้ตั้งไว้ ๚ะ
๏ข้อ๑๓ว่า ขุนนางอังกฤษซึ่งตั้งอยู่ที่เขตแดนยองสะลินจะมีอำนาจตามหนังสือสัญญานี้ แลมีอำนาจทุกอย่างเหมือนกงสุลอังกฤษนายหนึ่งตามหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรืสมเดจ์พระนางเจ้ากวินกรุงเองแคลนด์ที่ได้ทำไว้ต่อสมเดจ์พระเจ้าแผ่นดินสยามเมื่อวันที่สิบแปด เดือนเอปริล คฤษตศักราช ๑๘๕๕ ปี แลข้อเพิ่มเติมซึ่งฅอเวอนแมนต์ฝ่ายสยามกับกอมิศเนอฝ่ายอังกฤษได้ทำไว้ในวันที่สิบสาม เดือนเม คฤษตศักราช ๑๘๕๖ ปี ๚ะ
๏ข้อ๑๔ว่า ไม่มีข้อหนึ่งข้อใดในหนังสือสัญญานี้จะยกข้อความหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีฤๅหนังสืออื่น ๆ ซึ่งใช้อยู่ในระวางฅอเวอนแมนต์อังกฤษ คอเวอนแมนต์สยามปัจจุบันนี้ได้ แต่ฃ้อความที่มีอยู่ในสัญญานี้ใช้ได้เฉพาะที่ได้สัญญาตกลงกันเตมในหนังสือสัญญาใหม่นี้ ๚ะ
๏ข้อ๑๕ว่า เมื่อพ้นเจดปีนับตั้งแต่วันได้ใช้หนังสือสัญญานี้ ฝ่ายประเทศอังกฤษฤๅประเทศสยามจะฃอตรวจแก้หนังสือสัญญานี้ ให้บอกล่วงน่าสิบสองเดือน แลตั้งขุนนางทั้งสองฝ่ายให้มีอำนาจในการนี้ แล้วจึ่งได้แก้หนังสือสัญญาได้ตามที่จะเหนขาดเหนเกินประการใด ๚ะ
๏ข้อ๑๖ว่า หนังสือสัญญานี้ทำไว้เปนภาษาอังกฤษแลภาษาสยาม เนื้อความอันเดียวต้องกัน แต่ผู้ซึ่งมีอำนาจเตมในฝ่ายอังกฤษไม่รู้ภาษาไทย ได้ตกลงกัน ถ้าเปนเหตุการทุ่มเถียงกันในสัญญานี้ ต้องเอาคำอังกฤษเปนแน่ ๚ะ
๏ข้อ๑๗ว่า ท่านไวสรอยคอเวอนเนอเยเนราลอินเดียได้รัติฟายหนังสือสัญญานี้ ได้ให้ผู้มีอำนาจเตมฝ่ายสยามทราบแล้ว หนังสือสัญญานี้ขอให้สมเดจ์พระเจ้าแผ่นดินสยามรัติฟายแล้ว ให้ส่งให้แก่สะเกรศตารีคอเวอนแมนต์ฝ่ายอินเดียที่ว่าการต่างประเทศเมืองกาละกัดตาในกำหนดสี่เดือนเข้ามา หนังสือสัญญานี้ เมื่อรัติฟายแล้ว จึ่งใช้ได้ ในวันที่หนึ่ง เดือนยันนุวารี คฤษตศักราช ๑๘๗๕ ปี ตรงกับวันศุกร แรม ๙ ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ฉศก จุลศักราช ๑๒๓๖ ปี แลท่านผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายได้ลงชื่อประทับตราในหนังสือสัญญาสองฉบับ เปนอักษรอังกฤษอังษรสยามไว้เปนสำคัญ หนังสือสัญญานี้ทำที่เมืองกาละกัตตา ลงวันที่สิบสี่ เดือนเยนุวารี คฤษตศักราช ๑๘๗๔ ปี ตรงกับวันพุฒ เดือนยี่ แรมสิบสองค่ำ จุลศักราช ๑๒๓๕ ปีรกา เบญจศก ๚ะ
๏ หนังสือสัญญาฉบับนี้ได้ลงชื่อพระยาเจริญราชไมตรี ประทับตราเทวดานั่งแท่นถือดอกบัว พระยาสมุทบุรานุรักษ ประทับตราชื่อตัวมีช้างอยู่กลาง มิศเอศจิซอน ผู้รับอำนาจเตมแต่ท่านไวสรอย ประทับตราครั่งดวงตราชื่อตัว รวมตราสามดวง ได้ประทับไว้ท่ายหนังสือสัญญาที่อักษรอังกฤษแห่งหนึ่ง ที่อักษรไทยแห่งหนึ่ง ทั้งสองฉบับ หนังสือสัญญานี้รักษาไว้ณกรุงเทพฯ ฉบับหนึ่ง ที่หูผูกกระดาษ หนังสือสัญญาประทับตราประจำครั่งของมิศเอศจิซอน ฉบับหนึ่ง ที่หูผูกกระดาษ หนังสือสัญญาประทับตราประจำครั่งรูปพระขรรค์มีเครือดอกไม้ของพระยาเจริญราชไมตรี รักษาไว้ณเมืองกาละกัดตา ๚ะ