ประชุมจดหมายเหตุสมัยอยุธยา/เรื่องที่ 33

งานพระบรมศพ ปีฉลู เบญจศก (พุทธศักราช ๒๒๓๖)

[1] แกลํงเสีย เอาาม่รออกไปยไว้นอกพระเมรุกอร แล้วจิงเชีนสมเดจ์พระบรํมโกฏขึ้นตั้งบํนพระเชีงส่กอร ครั้นเพลาบายแล้ว
โมงขุนโชด
นายแรม โหร
ให้ปรโคมฆ้องกลองแตรสังแล้ว ครั้นเพลา
โมงจึงสำเมรจ์ เสดจ์กลับมาณพระธินังจักระหวัด ต่อเพลาตีห้าทุ้ม เพลีงสงํบแล้ว พระรัตณโกษาแลขุนพิพิทสมบัตให้สนํมพนักงานเอาอยวกเข้าประคองถานเพลีงไว้ แล้วให้ ๔ ตำมรวจ์เอาฉากแผงเข้าบังเพลีงไว้ แล้วขุนบำเมร่อภักให้นายดานลํดเพดานอยวกลง จึงให้ช้าวม่านเอาเพดารกำมญีพืนแดงแลม้านใหญ่ปรดับแว้นศรีแดงออกไปไว้นอกพระเมรุนั้นยังเกา ขึ้นผูกไว้ จิงชักม่านรอบทัง ๔ ทิตย

ครั้นรุ่งขึ้น ณวัน + ค่ำ เพลาย่ำฆ้องแล้ว ๓ บาท ฯเสดจ์ฯ ออกไปณ่พระเมรุ ทรํงตักบาดพระสงฆแลสดับพระกอร ๑๐๐ รูป มีกรจาด ๑๐๐ นึงด้วย แลพระสงฆสดับพระกอรแล้ว ครั้นเพลา ๖ บาด สงพระบรํมธาตุะแล้ว เชีนขึ้นพระบรํมโกฏไสยพานทอง พระรัตนโกษาขึ้นพระพิไชยราชรฏเพลา
โมง จึงเสดจ์ฯ แลเสดพระอังคารนั้น ขุนพิพิมสมบัตห่อผ้าขาวไสภานทองเชีนขึ้นพญานุมาดสามคานตามพระพิไชยราชรฎ ม่หาดไทยกรลาโหมเกนแห เมีอรแหสมเดจ์พระบรํมศภออกไปณ่พระเมรุนั้น แลพระพิไชยราชรฎโยงปรายเข้าตอกอานหนั้งสือ แลรูปสัตวทังปวงนั้นแหกลับไปตามกระบวญ แลครันพระพิไชยราชรฎไปตรํงหน้าวัดพระศรีสรรเพช อยุดพระพิไชยราชรฎไว้ จิงเชีนพญานุมาดสองคานเข้ารับพระบรํมโกฎไสพระธาตุนั้นเข้าไปยังวัดพระศรีสรรเพญช เกนแหแลเคริองแหนั้นแหเข้าไปจนถึงวัดพระศรีสรรเพญช แล้วกลับออกมาแหเสดพระอังคานลํงไปเรีอขนาญปรตูท้าปราบ จิงเอาเรีอพระทือนังสุวัณหงษเข้ามารับเสดพระอังคานแหไปตามกระบวญ ม่หาดไทก่รลาโหมเกนไปลอยณวัดพุไทยสวรร แลม่านใหญ่ยนั้นปิดไว้ทั้ง ๔ ทิตย แล้วจํนพระสงฆฉันสามหาบ สำเมรจ์การพระบรํมศพณ่ปีฉลู เบญจศก แต่เท่านี้ แลเครื่องปรดับนอกพระเมรุนั้นแจ้งอยู่ไนยแผนทือนั้นแล้ว ฯ[2]


  1. ตามต้นฉบับเรื่องงานพระเมร มีต่อท้ายไว้ดังนี้
  2. จาก จดหมายเหตุ สมัยกรุงศรีอยุธยา เรื่อง รายงานพระเมรุครั้งกรุงเก่า (ต่อท้าย) จ.ศ. ๑๐๙๗ (พ.ศ. ๒๒๗๘) เลขที่ ๑๔ สมุดไทยดำ