ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4/ภาค 1/เรื่อง 17

๑๗ ประกาศพระราชบัญญัติฝ่ายพระบวรราชวัง
เรื่องเล่นเบี้ยในพระบวรราชวัง
(คัดมาจากหมายรับสั่ง เดือน ๘ อุตราสาธ ปีฉลู จุลศักราช ๑๒๑๕)

ด้วยพระยาเทพมณเฑียรรับพระบวรราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า พระบวรวงศ์เธอชั้น ๒ พระองค์เจ้าอรุณ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุด ลงไปพระบรมมหาราชวัง ออกไปพระเมรุพระศพสมเด็จพระนางนารถโสมนัศวัฒนาวดี มอบลูกกุญแจตำหนักไว้กับขำข้าหลวง แล้วใช้ให้แหข้าหลวงขึ้นมาเอาหมากพลูเสวยที่ตำหนัก แหเอาลูกกุญแจไขประตูตำหนักออก แล้วเปิดบานประตูหาออกไม่ แหจึงเดินไปดูรอบตำหนัก เห็นน่าต่างเฉลียงตำหนักบานเปิดแย้มอยู่ แหจึงเปิดบานน่าต่างเข้าไปในตำหนัก เห็นประตูใส่กลอนไว้ แหจึงรู้ว่าผู้ร้ายเข้าในตำหนัก จึงเอาความไปทูลพระองค์เจ้าหญิงสุดที่พระเมรุ พระองค์เจ้าหญิงสุดกลับเข้าไปบรรธมอยู่ในพระบรมมหาราชวังคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเย็นพระองค์เจ้าหญิงสุดจึงได้กลับเข้ามาในพระบวรราชวัง ตรวจสิ่งของไขลูกกุญแจกำปั่นกุญแจหีบออกดู ทองรูปพรรณหายไปหลายสิ่ง คิดเปนทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท กับข้อความเปนหลายประการ ได้ทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงเห็นว่า ชรอยจะเปนคนนอกพระบวรราชวังเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวังเปนผู้ร้าย จึงคิดการเอาสิ่งของไปได้ดังนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาบริรักษ์ราชา พระพรหมสุรินทร์ พระพรหมธิบาล พระศรีพิทักษ์ เปนตุลาการชำระเอาตัวผู้ร้ายให้จงได้ ตุลาการพิจารณาได้ความว่า อีปริกภรรยานายนุดอยู่นอกพระบวรราชวัง เข้าไปคบหากันกับหม่อมหุ่น หม่อมนวม ในพระบวรราชวัง ตั้งบ่อนไพ่บ่อนถั่วมาหลายครั้ง เสียหายสิ้นทรัพย์สิ่งของจนเปนหนี้ลง อีปริกกับหม่อมหุ่นหม่อมนวมคิดกันว่า พระองค์เจ้าหญิงสุดไม่อยู่ ลูกกุญแจประตูตำหนักอยู่กับขำข้าหลวง ขำหาอยู่ไม่ไปดูงานพระศพ อีปริกกับหม่อมหุ่นหม่อมนวมจึงไปหาลูกกุญแจได้ริมที่นอน เพลา ๕ โมงเช้าอีปริกเอาลูกกุญแจไขประตูตำหนัก ให้หม่อมหุ่นหม่อมนวมเข้าไปในตำหนัก อีปริกลั่นกุญแจประตูไว้ดังเก่า แล้วเอาลูกกุญแจไว้ข้างที่นอนตามเดิม อีปริกจึงมาคอยดูระวังคนข้างนอก หม่อมหุ่นหม่อมนวมจึงลั่นกลอนประตูไว้ แล้วค้นหาลูกกุญแจหีบกำปั่น ได้ลุกกุญแจกำปั่นในหีบหนัง จึงเอาลูกกุญแจไขได้ทรัพย์สิ่งของทองรูปพรรณหลายสิ่งเปนทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท หม่อมหุ่นหม่อมนวมเปิดน่าต่างข้างเฉลียงออกมา แต่กลอนประตูนั้นใส่อยู่หาได้ถอดไม่ หม่อมหุ่นหม่อมนวมพาทองรูปพรรณไปที่เรือนหม่อมหุ่น พอดวงแก้วมารดาหม่อมหุ่นเข้าไปเยี่ยม หม่อมหุ่นอยู่ที่นั้นด้วย หม่อมหุ่นกับหม่อมนวมจึงเอาทองรูปพรรณออกมาตัดแบ่งเปน ๔ ส่วน ให้อีปริกส่วนหนึ่ง ดวงแก้วมารดาหม่อมหุ่นส่วนหนึ่ง ยังอิก ๒ ส่วนนั้นหม่อมหุ่นหม่อมนวมปันกันคนละส่วน ตุลาการให้ชำระเร่งเอาทองรูปพรรณซึ่งผู้ร้ายลักไปถวายพระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุด แล้ว ตุลาการจึงนำเอาข้อความทั้งนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงพระราชดำรัสว่า ในพระบวรราชวังนี้ แต่ก่อนหามีผู้ใดบังคับว่ากล่าวรักษาพระบวรราชวังเด็ดขาดไม่ คนนอกพระราชวังเข้าไปอาศรัยอยู่ในพระบวรราชวังก็มีอยู่มาก ที่เปนคนนักเลงทุจริตก็มี เปนข้าเจ้าบ่าวนายหลบหนีเข้าไปอาศรัยอยู่ก็มีบ้าง คบหากันเข้ากับคนในพระบวรราชวังเล่นเพื่อนตั้งบ่อนถั่วบ่อนแปดเก้าเล่นหวยการพนันต่าง ๆ จนสิ้นทรัพย์สิ่งสิน เกิดโจรผู้ร้ายมาช้านาน ครั้นเสด็จขึ้นพระบวรราชาภิเศกแล้ว ตั้งพระไทยอยู่เปนนิจที่จะทำนุบำรุงพระราชวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจะให้ถาวรขึ้น สิ่งใดที่ชั่วมาแต่ก่อนมิให้ประพฤติ จะให้ประพฤติแต่การที่สิ่งอันดี เปนผลประโยชน์ต่อไปภายน่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งท้าวสัตยานุรักษ์เปนผู้ใหญ่ว่าราชการในพระบวรราชวัง แล้วโปรดตั้งจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลน พระราชทานยศถาศักดิ์ให้ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยครบพนักงานอยู่แล้ว หวังพระไทยจะมิให้คนพาลภายนอกเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวังเปนพาลกระทำความชั่วต่อไป แลท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนมีความประมาท หาตรวจตราราชการในพระบวรราชวังให้รอบคอบไม่ แลให้อีปริกเข้าไปคบหากันกับหม่อมหุ่นหม่อมนวม ตั้งบ่อนเล่นเบี้ยเสียกันลงจนถึงเปนโจรผู้ร้ายให้เคืองใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทดังนี้ โทษท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าทนายเรือนโขลนมีความผิดอยู่ด้วยกันเปนอันมาก ครั้นจะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษเล่า ก็ทรงเห็นว่า ท้าวสัตยานุรักษ์ทนายเรือนโขลนล่วงพระราชอาญาผิดแต่ครั้งเดียว จึงโปรดพระราชทานโทษให้ภาคทันไว้ครั้งหนึ่งก่อน แต่หม่อมหุ่นหม่อมนวมดวงแก้วอีปริกซึ่งคบหากันเปนผู้ร้ายนั้น จะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ

จึงมีพระบวรราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ตั้งแต่ณวันอังคาร เดือน ๘ อุตราสาธ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีฉลูเบญจศก สืบไป ห้ามมิให้พระองค์เจ้าหม่อมเจ้าเจ้าจอมหม่อมพนักงานท้าวนางจ่าโขลนข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยแลข้าเจ้าบ่าวนายที่อยู่ในพระบวรราชวังคบหากันตั้งบ่อนโปบ่อนถั่วบ่อนกำตัดบ่อนเล่นแปดเก้าแทงหวยแลเล่นการพนันต่าง ๆ ซึ่งจะให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กัน นอกจากสงกรานต์ ๔ วัน ตรุสจีน ๓ วันเปนอันขาดทีเดียว ให้ท้าวนางจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนซึ่งเปนพนักงานรักษาพระบวรราชวังหมั่นตรวจตราดูแลให้รอบคอบจงเปนนิจ อย่าได้มีความประมาท ถ้าผู้ใดมิฟังตามพระราชบัญญัติห้ามปราม ขืนคบหาชักชวนกันลักลอบตั้งบ่อนเล่นโปเล่นถั่วเล่นกำตัดเล่นแปดเก้าแทงหวยแลการพนันต่าง ๆ ได้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กันต่อไป เจ้าพนักงานจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนจับได้ด้านผู้ใดก็ดี แลผู้อื่นจับได้ก็ดี มีผู้มาร้องฟ้องชำระเปนสัจ ก็ให้ปรับไหมผู้ที่เปนนายบ่อนแลเจ้าของที่คนละ ๑๐ ตำลึง ผู้ที่เล่นด้วยกันแลจ่าเจ้าของด้านนั้นคนละ ๕ ตำลึง แลทนายเรือนคนละ ๓ ตำลึง ให้แก่ผู้จับได้แลผู้มาร้องฟ้อง แล้วให้นำเอาข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ลอองธุลีพระบาท จะได้โปรดเกล้าฯ ให้ลงพระราชอาญาแก่ผู้ทำผิดให้สาหัส ผู้ที่หาความผิดมิได้จะไม่ได้ดูเยี่ยงอย่างกันต่อไป ถ้าแลมีผู้มาร้องฟ้องกล่าวว่าผู้ใดคบคิดกันตั้งบ่อนขึ้นเล่นการพนันต่าง ๆ ท้าวสัตยานุรักษ์จ่าทนายเรือนโขลนซึ่งเปนพนักงานได้ว่ากล่าวเห็นกับหน้าบุคคลผู้นั้น ปิดบังอำพรางความเสียมิได้นำข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ภายหลังมีผู้มาว่ากล่าวชำระเปนสัจ จะลงโทษเจ้าพนักงานซึ่งปิดบังความเสียเสมอกันกับผู้ที่กระทำผิด

อนึ่ง มีพระราชบัญญัติห้ามมิให้คนภายนอกพระบวรราชวังเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวัง ห้ามมิให้เจ้าจอมหม่อมพนักงานท้าวนางจ่าโขลนผู้ใหญ่ผู้น้อยแลข้าหลวงพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าข้าทาษทั้งปวงซึ่งอยู่ในพระบวรราชวังคบหาคนนอกพระบวรราชวังแลบุตรภรรยาข้าทาษลูกหนี้หลบหนีเจ้าหนี้สามีนายเงินเข้ามาไว้หลับนอนค้างวันค้างคืนแอบแฝงคิดการประทุษฐร้ายต่าง ๆ ให้เคืองใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ถ้าผู้ใดมิกระทำตามพระราชบัญญัติห้ามปราบทั้งนี้ ยังคบหาคนนอกพระบวรราชวังเข้ามาไว้นอนค้างวันค้างคืน จะเอาตัวเจ้าของเรือนผู้คบหาไว้ลงโทษโดยพระราชบัญญัติจงหนัก

อนึ่ง คนซึ่งอยู่ในบวรราชวังทุกวันนี้ คนเก่าคนใหม่ระคนกันอยู่โดยมาก หาทรงทราบว่าจะเปนคนดีคนชั่วประการใดไม่ ให้ท้าวสัตยานุรักษ์เรียกเอาบาญชีจำนวนคนซึ่งอยู่ในตำหนักพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าแลเรือนเจ้าจอมหม่อมพนักงานข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจงทุกเรือน แล้วให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ผู้น้อยในพระตำหนักพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าแลเจ้าจอมหม่อมพนักงานข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเจ้าของตำหนักเจ้าของเรือนทำบาญชีญาติพี่น้องผู้คนข้าทาษเข้ามาอยู่ด้วยผู้ซึ่งทำราชการในพระบวรราชวัง จะเปนตำหนักกี่คนเรือนหนึ่งกี่คน มายื่นกับท้าวสัตยานุรักษ์ให้สิ้นเชิง ท้าวสัตยานุรักษ์ได้บาญชีเสร็จแล้ว ท้าวสัตยานุรักษ์ได้ตรวจดูผู้คนว่าผู้ใดที่นอกจากเจ้านายที่ยื่นบาญชีจะมาแอบแฝงอยู่สักกี่คนจะได้รู้ ถ้าเจ้านายได้ยื่นบาญชีแล้ว แลข้าทาษได้ใช้สอยอยู่ในพระบวรราชวังนั้นเจ้านายให้ไปทำการนอกพระบวรราชวังก็ดี แลทาษจะส่งเงินไปก็ดี ให้เจ้านายหักบาญชีซึ่งยื่นไว้ตามเดิมนั้นลง ถ้าเจ้านายจะเอาข้าคนซึ่งอยู่นอกพระราชวังแลช่วยทาษขึ้นใหม่จะเอาเข้ามาไว้ใช้สอยในพระบวรราชวังให้มากขึ้นไปกว่าแต่ก่อน ก็ให้ไปบอกศาลาบอกบาญชีเดิมยื่นนั้นขึ้นตามจำนวนคนซึ่งได้ใช้สอยประจำอยู่ในพระบวรราชวัง

อนึ่ง ผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งทำราชการอยู่ในพระบวรราชวัง จะมีญาติพี่น้องแลสมัคพรรคพวกอุปการะกันมาแต่ก่อนแต่อยู่นอกพระบวรราชวังจะเข้าไปเยี่ยมเยียนสู่หาพยาบาลไข้เจ็บแก่กัน ควรจะค้างวันค้างคืนอยู่ตำหนักอยู่เรือนใดในพระบวรราชวัง ก็ให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ในตำหนักพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเจ้าของเรือนไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์แลจ่าศาลาให้รู้ก่อน จึงให้อยู่แรมวันแรมคืน เมื่อจะกลับไปจากพระบวรราชวัง ก็ให้ไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์จ่าศาลาให้รู้ด้วย

ให้กรมวังเขียนพระราชบัญญัติส่งให้ท้าวสัตยานุรักษ์ประกาศข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายในให้รู้จงทั่วกัน อย่าให้ผู้ใดกระทำความผิดจากพระราชบัญญัติห้ามปรามนี้เปนอันขาดทีเดียว ถ้ามิฟังจับได้รับเปนสัจ ให้ลงโทษเปนตะพุ่นเกี่ยวหญ้าม้าตามพระราชบัญญัติ ๆ ให้ไว้ณวันอังคารขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๘ อุตราสาธ ปีฉลูเบญจศก.