ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 18/เรื่องที่ 1
รายงานการค้าขายกรุงสยาม ได้เขียนในปีคฤศตศักราช ๑๖๗๘ ฤๅจุลศักราช ๑๐๔๐ แปลจากหนังสืออังกฤษเกี่ยวข้องด้วยกรุงสยามครั้งโบราณ ใช้ด้วยตัวอักษรแลตัวสกดผิดกว่าปัตยุบันนี้ เมื่อเทียบสมัยตามศักราช ก็ตกเปนในปลายแผ่นดินพระนารายน์มหาราชครั้งกรุงทวาราวดีศรีอยุทธยาโบราณ ๒๑๕ ปีมานี่แล้ว
ผู้เขียนหนังสือเรื่องการค้าขายในกรุงสยามฉบับนี้ (หมายเลขที่แลตัวอักษร โอ.ซี. ๔๖๙๖) เปนลายมือเดียวเหมือนกันกับหนังสือฉบับหมาย โอ.ซี. ๔๖๔๑, กล่าวความว่า ตัวเขาได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำการในบริษัทอินเดียทิศตวันออกแล้ว, แลว่า ตัวเขาได้อยู่ในกรุงศรีอยุทธยามาสี่ปีแล้ว. บุทคลผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องเปนคนเขียนหนังสือฉบับนี้ ก็คือ ยอชไวต์,[1] แลการข้อนี้อาจที่จะชี้แจงให้เห็นชัดได้ว่า เหตุใดจึงได้เห็นว่า หนังสือทั้งสองฉบับนั้นเปนลายมือคนเขียนผู้เดียวกัน
ถึงท่านผู้สมควรเปนที่เคารพนับถือ โรเบอตปาเกอ ผู้รับธุระสำหรับกิจการต่างของบริษัทอินเดียทิศตวันออกอังกฤษอันมีเกียรติยศ ที่ประชุมปฤกษาตั้งอยู่ณเมืองบันตัม[2]
ดูกร ท่านผู้สมควรเปนที่เคารพนับถือแลมีชื่อเสียงเกียรติยศ เจ้าข้า
ท่านได้มีกรุณาอนุเคราะห์ตามน้ำใจที่ข้าพเจ้าสมัคอาสาเข้าทำการในบริษัทอันมีเกียรติยศของข้าพเจ้า โดยการที่อนุญาตให้ข้าพเจ้าเข้าทำการงานของท่านทั้งหลายนั้น ชักให้ข้าพเจ้ายินดีที่จะพากเพียรใช้ความพยายามอุสาหะของข้าพเจ้าเพื่อจะให้เกิดคุณประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายทวียิ่งขึ้นไป, แลข้าพเจ้าจะทำการโดยซื่อสัตย์สุจริต, แลตั้งใจมั่นเอาใจใส่ทำการน่าที่สำคัญโดยเต็มกำลังแลสติปัญญาสามารถของข้าพเจ้าเปนอย่างดีที่สุด, เพราะฉนั้น ก่อนที่ข้าพเจ้าจะสามารถยื่นรายงานสำคัญที่จะได้เปนเครื่องให้ท่านเห็นความสวามิภักดิ์ของข้าพเจ้าดีกว่านี้ขึ้นไปอิกบ้าง, ครั้งนี้ ข้าพเจ้าขอส่งรายงานเรื่องการค้าขายทั้งปวงในพระราชอาณาจักรสยามนี้มากำนันท่านก่อน, หวังใจว่า รายงานฉบับนี้คงจะเปนคุณบ้างในทางดำริห์หารือเรื่องกิจการของบริษัทมีเกียรติยศในที่นี้, ล้วนเปนความจริงแท้ทุกข้อความตามที่ข้าพเจ้าได้สืบสวน, แลสังเกตตลอดเวลาสี่ปีที่ข้าพเจ้าได้อยู่ที่นี่นั้น ทำให้ข้าพเจ้าได้ทราบ
(ข้อแรก เขากล่าวด้วยเรื่องเงินตราสำหรับบ้านเมือง, แลถ้อยคำของเขาพรรณาในการข้อนี้ปรากฎยาวกว่าสองสามน่ากระดาษ แต่อ่านเอาความไม่ได้, ด้วยว่าหนังสือนั้นชำรุดเสียมาก, แท้จริง กระดาษทั้งห้าน่าที่เขียนรายงานเต็มไปนั้นชำรุดเสียมาก เพราะชื้นฤๅเพราะเพลิงในตอนล่างกึ่งหนึ่ง, แลยังต้องปิดกระดาษใหม่ทับให้แน่นหนา ก็ทับตัวอักษรเสียน่าหนึ่งอิกด้วย)
เมืองสยามนี้บริบูรณ์ด้วยสิ่งสินค้าต่าง ๆ ซึ่งเปนประโยชน์ แลมีค่าอย่างยิ่งเกิดขึ้นในบ้านเมืองเอง การบรรทุกสินค้าออกไปจำหน่ายถึงหัวเมืองต่างประเทศนั้น, อาจที่จะทำการค้าขายที่นี่ได้มากทีเดียว, สิ่งสินค้าต่าง ๆ นั้น คือ เนื้อไม้, หมาก, ดีบุก, ฝาง, ช้าง, เกลือสินเธาว์, ตะกั่ว, งาช้าง, สินค้าทั้งปวงเหล่านี้ พระมหากระษัตริย์รวบรัดเอาเสียหมด, แลมอบให้เจ้าพนักงานคลังสินค้าของพระองค์เปนผู้จำหน่ายขาย คนอื่นทั้งปวงนอกนั้นห้ามอย่างกวดขันมิให้ซื้อสินค้าเหล่านั้นจากมือคนอื่น, แลข้าพเจ้าได้เห็นการลงโทษอย่างแรงได้ทำแก่ราษฎรบางคนในการที่บังอาจล่วงพระราชโองการ, แต่ถ้าคนต่างประเทศล่วงละเมิดเช่นนั้นบ้าง เจ้าพนักงานมักจะทำเปนไม่รู้ไม่เห็นเสียโดยความกรุณา
เนื้อไม้เมืองนี้เปนอย่างเอก ที่ฝรั่งเรียกกันว่า เนื้อไม้บันนา เปนอย่างวิเศษ นับถือกันยิ่งกว่าเมืองไหนในโลกนี้หมด, เครื่องหอมอย่างอุดมนี้มีในป่าใกล้เขตรกัมโพชา, การค้าเนื้อไม้นี้ตกอยู่ในเงื้อมมือแขกเปอเซียนผู้มีบันดาศักดิ์ผู้หนึ่งซึ่งได้รับยศเปนที่ออกพระศรีมโนราช เปนคนพระมหากระษัตริย์ทรงชุบเลี้ยง, แลได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานอนุญาตให้ทำการค้าขายเฉภาะสินค้าอย่างนี้ ได้พ้นจากเปนของต้องห้ามนับในสินค้าของหลวงมาหลายปี, แต่ต่อมา ก่อนเวลาท่านที่ล่วงแล้วถึงแก่กรรม การรับผูกขาดนั้นต้องคืน, แลการค้าเนื้อไม้เดี๋ยวนี้เปนน่าที่เจ้าพนักงานคลังสินค้าของพระเจ้าแผ่นดินค้าขายเปนของหลวง เนื้อไม้นี้พวกแขกมัรส์ใช้กันมากในเมืองฮินดูสตาน เมืองไฮโดรบัด แลเมืองเบงคอล, แต่ในเมืองเตอกีแลซีอาเรเบียยังยิ่งใช้มากขึ้นไปอิก, แลการที่เฉภาะต้องใช้มากนั้น ก็คือ ในการบูชาพระมะหะหมัดในเมืองเมดีนา, แลเมืองเมกกะ (ฤๅที่แขกเมืองไทยเรียกว่า กบิลพัสดุ์) ท่านออกพระใช้จำหน่ายขายเปนราคาต่าง ๆ สุดแท้แต่ชนิดเนื้อไม้ดีเพียงใด อย่างดีที่สุดนั้นราคาหาบละ ๑๖ ชั่ง เนื้อไม้ที่ยังไม่ได้จำหน่ายอิกมาก ข้าพเจ้าได้ทราบว่า ส่งไปขายที่เมืองโมกาในทเลแดง เปนราคาแฟรสเสลต่อ ๓๐๐ ปอนด์ จำนวนนี้เกือบตรงต่อหาบละ ๑๕๐๐ ปอนด์ (ต่อไปในน่านี้ยังมีความอิกมากว่าด้วยเรื่องต้องการดีบุก, แต่ลบเลือนไปเสียหมด เอาความติดต่อกันไม่ได้ ถัดนั้นไป สังเกตเค้าว่าด้วยเรื่องช้าง พรรณาถึงการบรรทุกลงกำปั่นที่เมืองตะนาวศรี, แต่ก็อ่านไม่ได้ถนัดอิก. เรื่องหมากนั้นเปนข้อความที่กล่าวถัดนั้นไป.)
หมากนั้นมีที่สวนสำหรับเปนที่เพาะปลูกในระหว่างเมืองนนทบุรี (ชื่อเมืองนี้สงไสยสำเนียงไม่ชัด แต่ใกล้กว่าอื่น) นี้ แลปากแม่น้ำใกล้เมืองบางกอก ในสวนเหล่านี้เก็บได้ปีหนึ่งประมาณ ๒๕๐๐๐ หาบ เจ้าของสวนนั้นถูกบังคับอย่างกวดขันต้องให้ขายหมากของตัวทั้งสิ้นแก่พระมหากระษัตริย์เปนราคาหาบละ ๖ สลึง แลพระองค์โปรดให้ขายอิกต่อหนึ่งเปนราคาหาบละ ๑ ตำลึงให้แก่โปตุเกตที่เมืองมะเกา, แลจีนที่เมืองกึงตั๋ง. มีเรือกำปั่นมาจากท่าเมืองทั้งสองนี้ปีละ ๕ ฤๅ ๖ ลำ แลรับบรรทุกสินค้าต่าง ๆ มีสินค้าอย่างนี้เปนสินค้าสำคัญ, แลยังมีพ่อค้าราษฎรในเมืองนี้อิกบ้างทำการค้าขายอย่างนั้นด้วย
ไม้ฝางนั้นมีชุกชุมในหัวเมืองต่าง ๆ ในพระราชอาณาจักรสยามมาก สินค้าอย่างนี้บรรทุกออกไปจำหน่ายเมืองยี่ปุ่น, แลเมืองจีน พระมหากระษัตริย์ทรงรับซื้อจากราษฎรของพระองค์, ราษฎรขนมาส่งที่คลังสินค้าของพระเจ้าอยู่หัวเปนราคาหาบละ ๒ สลึง ๑ เฟื้อง แลพระองค์โปรดให้จำหน่ายขายอิกเปนราคาตามธรรมดาหาบละ ๖ สลึง, แต่ในปีคฤศตศักราช ๑๖๗๗ (ฤๅจุลศักราช ๑๐๓๙) พระองค์โปรดให้ขึ้นราคาเปนหาบละ ๒ บาท ด้วยทราบข่าวว่า ราคาในเมืองจีนขึ้น, ครั้นต่อมา ก็กลับลดราคาลงอิกคงเท่าราคาเดิม ๖ สลึง
เกลือสินเธาว์ของเมืองนี้นั้นเปนชนิดอย่างดีทีเดียว, แลทำมาอย่างดีตั้งแต่ข้าพเจ้าเคยเห็น, พระมหากระษัตริย์ขายพระราชทานแก่ราษฎรของพระองค์เปนราคาหาบละ ๕ บาท แต่เมื่อจำหน่ายจากพระเจ้าอยู่หัว สินค้าอย่างนี้เปนราคาถึง ๑๗ บาท ราคานี้เปนพิกัดราคาหลวง, แลตามราคานั้นได้ขายไปทุก ๆ ปี ๆ ละมาก ๆ ให้แก่นายห้างหลวงของเจ้าแผ่นดินที่เมืองเอ้หมึง, แลเมืองสำหรับให้เจ้าในเมืองนั้นใช้ในการสงครามที่รบพุ่งกันติดต่อในระหว่างเมืองเอ้หมึง แลพวกตาด, แลเมืองญวน กับเมืองตั้งเกีย
ตะกั่วในเมืองนี้มีไม่สู้มาก เหมือนดีบุกเปน (อ่านไม่ออก) มีพิกัดราคาหาบละ ๑๐ บาท
งาช้างนั้น ราษฎรเที่ยวแสวงหากันในป่า (อ่านไม่ออก) ปีหนึ่งพาลงมายังพระนครประมาณ ๖๐๐ ฤๅ ๗๐๐ หาบ ผู้ที่พาลงมา (อ่านไม่ออก) โดยเจ้าพนักงานคลังสินค้าของพระองค์ เปนราคาดังต่อไปนี้ คือ
งา | ๒ | กิ่ง | ราคาหาบ | ละ | ๑๖ | ตำลึง | ||||
" | ๓ | " | " | ๑๔ | " | |||||
" | ๔ | " | " | ๑๒ | " | |||||
" | ๕ | " | " | ๑๐ | " | |||||
" | ๖ | " | " | –๘ | " | |||||
(ต่อไปนี้อิกสามบรรทัดอ่านไม่ออกทีเดียว) |
สินค้าที่เลวลงไปดังต่อไปนี้นั้น คนทั้งปวงมีอิศรภาพที่จะค้าขายได้ คือ เหล็ก น้ำตาล ไม้ซุง เกลือ น้ำมันมะพร้าว เชรูน (ไม่รู้ว่าอะไร) เขาสัตว์
แร่เหล็กนั้นมีในแขวงเมืองเหนืออันเปนพระราชอาณาจักรราวแถบเมืองศุโขไทยแลเมืองพิศณุโลก ทำได้พอใช้สอยในบ้านเมือง, แลปีหนึ่ง ๆ ยังได้บรรทุกออกไปจำหน่ายณเมืองมะนิลาบ้าง ราคาตามธรรมดานั้น ๖ ถึง ๗ บาทต่อหาบ
เมืองนี้เปนเมืองอุดมสำหรับการเพาะปลูก ถ้าไม่ดีกว่าเมืองอื่น ๆ หมดทั่วพิภพบรรดาที่บริบูรณ์ด้วยพืชพรรณ ก็นับเปนเมืองที่มีเข้ามากอย่างยิ่ง, หัวเมืองที่ใกล้เคียงแถบแหลมมลายูก็ได้ใช้เข้าเมืองนี้ทุก ๆ ปี จำหน่ายออกไปไกลจนกระทั่งเมืองมะลากา, แลเมื่อปีใดพเอิญเข้ามีน้อย, แลเข้าแพงไปถึงเมืองชวา เหมือนเช่นได้เคยมีในปีคฤศตศักราช ๑๖๗๖ แล ๑๖๗๗ (ฤๅจุลศักราช ๑๐๓๘ แล ๑๐๓๙) นั้น ชาววิลันดาแลชาติอื่น ๆ พากันพาเรือกำปั่นเข้ามาบรรทุกเข้าในเมืองนี้ออกไปจำหน่ายเปนหลายลำ, สินค้าอย่างนี้ขายกันที่นี่ตามมาตราอย่างหนึ่ง เรียกกันว่า ภารา ๘๐ ภาราเปน ๑ เกวียน ถ้าคิดเปนน้ำหนักพอตรงกันกับ ๓๐ หาบพอดี, ว่าตามธรรมดาที่เคยมา ราคาอยู่ในเกวียนละ ๑๐ ตำลึง ๑๒ บาท, แต่ปีนี้ ราคาเข้าขึ้นมาก แพงถึงอิกเท่าตัว แลการบรรทุกออกไปจำหน่ายในหัวเมืองต่างประเทศ ห้ามขาดอย่างกวดขันทีเดียว, เพราะว่า น้ำท่วมครั้งนี้มากเกินที่เคยได้พบได้รู้ในความจำของมนุษย์, ทำให้เข้าซึ่งได้หว่านไว้แล้วในแผ่นดินฉิบหายไปเสียมาก.
น้ำตาลนั้นทำกันชุมมากที่เมืองพิศณุโลก เมืองกำแพงเพ็ชร แลเมืองศุโขไทย ได้บรรทุกไปจำหน่ายณเมืองยี่ปุ่นแลเมืองมะลากาทุก ๆ ปี เปนอันมาก ราคาธรรมดานั้นหาบละ ๒ บาท ๓ สลึง
เมืองนี้เปนเมืองที่ในป่าทั่วไป (อ่านไม่ออก) เต็มไปด้วยไม้ซุง ที่ล่องมาแล้ว (อ่านไม่ออก) พวกวิลันดาบรรทุกเอาออกไปจำหน่ายเมืองมะลากา (อ่านไม่ออก) (ต่อนี้ไปอิกสิบเอ็ดฤๅสิบสองบรรทัด มีเค้าตัวอักษร แต่อ่านไม่ออกแท้ทีเดียว)
เขากระบือ, โค, เนื้อ แลกวาง ลงมาจากเมืองข้างเหนือ ๆ มาก, แลพวกวิลันดาเขากว้านซื้อเอาหมด ด้วยเขาได้รับผูกขาดที่จะเปนผู้ซื้อได้คนเดียว
เรือกำปั่นที่ใช้นั้น พวกต่างประเทศที่คุ้นเคยไปมาค้าขายต่อท่าเมืองนี้ ก็คือ มาจากเมืองกึงตั๋ง, เมืองมะเกา, เมืองเอ้หมึง, เมืองญวน, เมืองสุรัต, แลเมืองคอร์แมนเดล
สิ่งสินค้าที่บรรทุกมาจากเมืองกึงตั๋งแลเมืองมะเกานั้น คือ ไหมดิบ แลแพรไหม, ปรอท, ทองขาว, ถ้วยชาม, ทองแดงแท่ง, แลเครื่องเหล็กเปนกะทะแลอื่น ๆ
ไหมดิบนั้น ตามธรรมเนียมขายกันประมาณราคาหาบละ ๕๐๐ บาท จนถึงคราวเข้ามามากเกินธรรมดา เช่นมีมาเมื่อปีกลายนี้ ทำให้ราคาถูกลง คงหาบละ ๔๕๐ บาท, สินค้าอย่างนี้ พระมหากระษัตริย์, แลพ่อค้าจีน รับซื้อไว้สำหรับเปนสินค้าส่งไปเมืองยี่ปุ่น, ที่ใช้ในพระราชอาณาจักรนี้นั้นน้อยทีเดียว, ถึงแพรก็เหมือนกันอย่างนั้น, คือ แพรหนังไก่, แพรต่วน, แพรดอก, แลแพรหลิน, ก็บรรทุกออกไปด้วยเหมือนกัน
เครื่องทองเหลืองทองขาวก็บรรทุกออกไปจากเมืองนี้สู่ตลาดเมืองนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ที่บรรทุกสิ่งสินค้าอย่างนี้ออกไปจำหน่ายมากนั้นมักบรรทุกไปพร้อมกันกับปรอท, แลเครื่องถ้วยชามอย่างดีนั้น ไปเมืองสุรัต, เมืองคอร์แมนเดล, แลเมืองเบงคอล
ทองแดงแท่งนั้น, ใช้ทำของหลายอย่าง เช่น ขันน้ำ, แลโตกถาด สำหรับใช้เปนเครื่องเรือน เหมือนดังเครื่องเหล็กก็ใช้เปนเครื่องเรือนกันด้วยเหมือนกับที่เมืองนี้ แลบรรทุกออกไปจำหน่ายยังหัวเมืองแขกมลายูด้วย
สินค้าต่าง ๆ ที่ส่งออกไปจำหน่ายเมืองกึงตั๋งแลมะเกา นอกจากสิ่งสินค้าที่เกิดในพื้นบ้านพื้นเมืองนั้น ๆ ซึ่งกำปั่นเหล่านี้ต้องการบรรทุก, ตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้ว, เขาก็ซื้อสิ่งสินค้าต่าง ๆ บรรทุกออกจากเมืองนั้น ๆ เหมือนเช่นกฤษณา จากเมืองตีมอร์, พริกไทย, การะบูน, แลรังนก, (อ่านไม่ออก) จากที่นี้ โดยพวกแขกมลายูในเรือสำเภาย่อม ๆ, แลผ้าต่างเมืองสุรัตบ้าง (อ่านไม่ออก) ก็ซื้อโดยจีนเมืองกึงตั๋งด้วยเหมือนกัน (อ่านไม่ออก)
เรามีปีหนึ่ง ๒ ฤๅ ๓ ลำ สำเภามาจากเมืองเอหมึง (ต่อไปนี้อ่านเอาความไม่ได้เลย)
เรือกำปั่นที่มาจากเมืองญวนนั้นเปนของกษัตริย์เมืองนั้น, มาเพราะมุ่งหมายเพื่อจะซื้อเกลือสินเธาว์, แลตะกั่ว, สินค้าที่เขาพามานั้นมักเปนทองคำ, กับมีกลำพักบ้าง ไม้อย่างนี้ใช้อบร่ำเปลืองมากกว่าเนื้อไม้, ใช้กันมากในเมืองยี่ปุ่น, ขายได้ที่นั้นแพง ๒ ฤๅ ๓ หนักกว่าน้ำหนักเงิน
เรือกำปั่นที่มาจากเมืองสุรัต, แลเมืองคอร์แมนเดลนั้น, บรรทุกสินค้าผ้าต่าง ๆ หลายชนิดสำหรับใช้ในบางเมืองนั้น ๆ แลบรรทุกไปยังเมืองยี่ปุ่น, เมืองจีน, แลเมืองมนิลา, ซึ่งเขาแลกเอาดีบุก ทองแดง, ทองเหลือง, ทองขาว, แลเครื่องถ้วยชาม, แต่ผ้าเปนอันมากที่เรือกำปั่นเหล่านี้บรรทุกมายังท่านั้น ๆ, พระมหากระษัตริย์เมืองนี้โปรดให้เอามา แลยังมีเรือกำปั่นเปนหลายลำของพวกแขกมัวร์ มาจากเมืองเบงคอล, แลเมืองเมตชเลปะตัน มายังท่าเมืองตะนาวศรี, ถึงแล้วขนขึ้นเดินบกมายังเมืองนี้, แลการค้าขายอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกแขกเปอเซียนแลพวกแขกมัวร์รวบรัดทำเสียหมด, ด้วยพวกแขกเหล่านี้เขากำลังมีอำนาจเปนเจ้าเปนนายเมืองแถบนั้นเสียทีเดียว เปนทั้งเจ้าการค้าขายด้วย การที่เขามีกำลังขึ้นได้ก็เพราะความกรุณาเกื้อหนุนของท่านออกพระศรีมโนราชซึ่งข้าพเจ้าได้เอ่ยถึงนามท่านมาแล้ว, ท่านผู้นี้ ๓๐ ปีมานี่แล้ว, ได้เปนที่ปฤกษาราชการแผ่นดิน ของพระมหากระษัตริย์กรุงสยาม, ท่านตั้งความเพียรพยายามเปนอย่างยิ่งยวด ถึงจะเปนการเสียหายแก่ตัวท่านเองอย่างไรบ้างก็ไม่ว่า คิดแต่จะช่วยให้คนร่วมชาติในบ้านเมืองเดิมของท่านค้าขายดีทวีผลประโยชน์ยิ่งขึ้นอย่างเดียว, แลทั้งตั้งใจอุดหนุนแขกพวกที่นับถือสาสนามะหะหมัดด้วยกัน, ความมาดหมายของท่านสำเร็จได้ดีทีเดียว, หัวเมืองที่ท่านตั้งใจเพาะปลูกพวกชาติของท่านลงไว้ในเมืองแถบนั้นจนมีผู้คนมากมายเกือบจะเท่ากับพลเมืองเดิม แต่ยังยิ่งดีกว่าพลเมืองขึ้นไปเสียอิก โดยขบวนมีทรัพย์สมบัติแลอำนาจ ผู้สำเร็จราชการเมืองตะนาวศรีแล (อ่านไม่ออก) แลเมืองมะริดก็เปนแขกชาวเปอเซียน, แลยังหัวเมืองใหญ่ ๆ แถบนั้นทางที่จะผ่านเข้ามาศรีอยุทธยา เช่น เมืองเพ็ชรบุรี, เมืองปราณบุรี, เมืองกุยบุรี, แลเมืองอื่น ๆ ก็เปนแขกเปอเซียนด้วย นายเรือของพระมหากระษัตริย์ที่ใช้ใบจากเมืองตะนาวศรีไปยังเมืองมะเกาแลเมืองเบงคอลก็เปนแขกเปอเซียน, นายห้างของพระเจ้ากรุงสยามซึ่งโปรดให้ไปอยู่ในเมืองโน้น ๆ สำหรับเปนธุระดูแลราชภาระก็เปนแขกเปอเซียนอิกด้วย. การที่จะเอาใจให้มีมานะอุสาหะทเยอทยานหาความชอบให้ได้ราชการนั้น ทรงยกย่องให้มีเกียรติยศเปนถึงที่ราชทูต (อ่านไม่ออก) ในเมืองนนทบุรี (สงไสย) ที่นี้ก็มีพ่อค้ามาก (อ่านไม่ออก)
(ต่อนี้ไปอิกประมาณหลายสิบบรรทัด, เลือนเต็มที เหลือนิไสยซึ่งจะอ่านเอาความได้)
มีเรือสำเภาปีละลำหนึ่งบ้าง สองลำบ้าง ส่งไปยังเมืองยี่ปุ่น, แลเมืองกึงตั๋ง, แลบางทีไปยังเมืองเอ้หมึง, แต่พระมหากษัตริย์แต่ชั่วส่งไปยังเมืองมนิลาปีละหนึ่งลำทุกปี, การแต่งเรือทั้งการเดินเรือแลการค้าขายนั้น ให้จีนจัดการทั้งที่ในเมืองนี้ก็เหมือนกันกับที่เมืองต่างด้าว ผู้จัดการนั้นเปนนายห้างต้นเรือนฤๅผู้รับใช้อิกต่อหนึ่ง ท่านเจ้าพนักงานใหญ่นั้นเปนข้าราชการของพระมหากษัตริย์ เปนคนมีบุญอำนาจวาศนามาก ตำแหน่งยศของท่านนั้น ออกยาศรีพิพัฒน์
เรือสำเภาอื่น ๆ ในท่าเมืองนี้เปนของเจ๊กแทบทั้งสิ้น เว้นไว้แต่ ๒ ลำฤๅ ๓ ลำ เปนของพ่อค้าชาติอื่น
เรือสำเภาที่ไปเมืองยี่ปุ่นนั้นออกในเดือนมิถุนายนแลกลับในเดือนมกราคม สินค้าที่เกิดในเมืองนี้ที่บรรทุกระวางเรือนั้น ก็ตามที่ได้กล่าวแล้ว, คือ ฝาง, น้ำตาล, เชรูน, (ไม่รู้ว่าอะไร) งาช้าง, แลเขาต่าง ๆ บ้าง พวกจีนก็สามารถที่จะหาอำนาจแย่งพวกบริษัทวิลันดาที่ผูกขาดได้บ้างเหมือนกัน, นอกนั้น ยังบรรทุกผ้าต่าง ๆ เมืองสุรัตแลเมืองคอร์แมนเดลไปเปนอันมาก, แลเกือบจะขนสรรพสิ่งทั้งปวงที่ทำในประเทศยุโรปส่งเข้ามาที่นี่กลับทวนส่งออกไปด้วยหมด, เมื่อขากลับ เขาบรรทุกสินค้ายี่ปุ่นมา, คือ โกแปง (ไม่รู้ว่าอะไร) ทองคำ, ทองแดง, แลเครื่องถ้วยชาม
ราคาโกแปง (ไม่รู้ว่าอะไร) ทองคำที่เมืองนี้นั้นตกอยู่ในระหว่างท่อนฤๅอันละ ๑๓. แล ๑๔. บาท
ทองแดงของพวกพ่อสำเภานั้นมักเคยถูกเวลาจำเปนที่ต้องรีบร้อนขายจะได้ซื้อสินค้าอื่นรีบกลับให้ทันฤดูกาล, เมื่อแรก ๆ มาถึง อาจที่จะซื้อได้หาบละ ๖ ตำลึง ๑ บาทเปนเงินสด, แลในเวลาเดียวกัน เรียกราคาหาบละ ๘ ตำลึงในการที่จะแลกกับสินค้าอื่น ๆ, แลสินค้าอย่างนี้เคยราคาขึ้นในการซื้อขายด้วยเงินสดอิกทุกคราว เมื่อถึงฤดูที่จะขึ้นในปีหนึ่งปีหนึ่ง, คือ เมื่อเวลาจะบรรทุกสินค้าอย่างนี้ออกไปจำหน่ายที่เมืองสุรัตแลเมืองคอร์แมนเดล, แต่ก่อน พระมหากษัตริย์ทรงรวบกว้านซื้อสินค้าอย่างนี้เอาเสียพระองค์เดียวมาก, แลใช้สินค้าแลกเปลี่ยนต่อสินค้าอย่างอื่นเปนราคาหาบละ ๑๒ ตำลึง, แต่ต่อมาอิกสองปี ออกพระศรีมโนราชกราบทูลให้พระพุทธเจ้าอยู่หัวลดพิกัดราคาลงเปนหาบละ ๘ ตำลึง แลยอมอนุญาตให้คนทั้งปวงมีอำนาจซื้อขายได้โดยใจปราถนา, แลคิดใช้พระราชทรัพย์ที่ขาดไปนี้ด้วยจัดเปนวิธีชักภาษีสิบลดหนึ่ง เอาตามทองแดงทั้งปวงที่บรรทุกเข้ามา
เดี๋ยวนี้ พวกพ่อค้าสำเภาเขาพากันบรรทุกเครื่องถ้วยชามเมืองยี่ปุ่นเข้ามามาก ข้าพเจ้าได้เลือกเอาเครื่องถ้วยชามอย่างดีต่ออย่างดี ฤๅเลวต่อเลวด้วยกัน มาเทียบกันกับของเมืองจีนปีก่อน เห็นปรากฎชัดได้ว่า ดีสู้ของจีนไม่ได้เลย แลเมื่อปีก่อนนี้ พากันแตกตื่นบรรทุกเข้ามามากมายผิดปรกติ ราคาตกถูกลงมากทีเดียว
เรือสำเภาของพระมหากษัตริย์ที่แต่งไปเมืองมะนิลาปีละครั้งนั้นบรรทุก (อ่านไม่ออก) ของเมืองสุรัตแลเมืองคอร์แมนเดล ไหมดิบ แลแพรต่าง ๆ ของเมืองจีน (อ่านไม่ออก) เหล็ก, แลขากลับบรรทุก (ต่อนี้ไปมีสองบรรทัดอ่านไม่ออก)
ในเมืองนี้ ไม่มีภาษีเข้าออกที่ต้องเสีย, จะบรรทุกสินค้าอะไรเข้ามา, ฤๅบรรทุกสินค้าอะไรออกไปก็ได้ เว้นไว้แต่สิบลดที่ได้ชักเอาแต่ทองแดงเมื่อก่อนนี้มาแล้ว, แต่ไทยได้เรียนวิธีมาจากจีนที่จะเก็บภาษีวัดปากเรือ ไม่ว่าใครต้องเสียภาษีหมด เว้นไว้แต่อังกฤษกับวิลันดา
พวกบริษัทวิลันดาเข้ามาทำการค้าขายในเมืองนี้ราวปีคฤศตศักราช ๑๖๗๐ (ฤๅจุลศักราช ๑๐๓๒), ที่พักของเขาตั้งห้างอยู่ริมแม น้ำ, มีคนไว้ใจเชื่อถือเขามาก, แลคุ้นเคยกันอย่างธรรมเนียมบ้านเมืองเรียบร้อยดีทีเดียว จำนวนฝรั่งในห้างของเขามีประมาณ ๒๕ คน, คนเหล่านี้เปนจำพวกช่างแลคนเรือเสียกว่าครึ่ง, แลนายห้างของเขามีช่วงออกไปตั้งอยู่ที่ท่าอิกเมืองหนึ่งในพระราชอาณาจักรของพระมหากษัตริย์สยาม เรียกกันว่า เมืองนครศรีธรรมราช ห่างกรุงศรีอยุทธยาออกไปทางทิศใต้ประมาณราว ๑๒๐๐๐ เส้น
การค้าขายในเมืองนี้ แต่ก่อนเปนผลประโยชน์แก่พวกวิลันดามาก, เขาบรรทุกผ้าต่าง ๆ เปนอันมากมาจากเมืองสุรัต, แลเมืองคอร์แมนเดล ขายได้รวดเร็วมีกำไรมาก, แลทั้งได้กำไรในสินค้าดีบุกที่เขากว้านจัดซื้อเตรียมไว้ที่เมืองนี้สำหรับบรรทุกกลับออกไปจำหน่ายในท้องตลาดเมืองนั้น ๆ, แต่กำไรที่หาได้ในสินค้าทั้งสองอย่างนี้เสื่อมโทรมลง, ด้วยสินค้าผ้าต่าง ๆ ก็จืดจาง เพราะการค้าขายของพวกแขกมัวร์เมืองตะนาวศรีทวียิ่งขึ้น, แลเรือกำปั่นออกจากเมืองสุรัตก็ใช้ใบตรงมาเมืองนี้ทีเดียว, แลซ้ำทำให้มีผ้ามากมายหลายอย่างต่าง ๆ นา ๆ เหลือเฟือเกินปราถนา, แลลดตัดราคาลงต่ำกว่าผ้าพวกวิลันดาสั่งมาจากเมืองบะเตเวียมาก ทั้งได้ทราบว่า ผ้าของชาววิลันดาที่ส่งเข้ามาก็ยังกำหนดราคาให้ขายราคาเท่านี้เท่านั้น สู้การค้าขายของพวกแขกเขาไม่ไหว, ข้าพเจ้าได้ทราบความจากผู้ควรเชื่อถือได้แน่ว่า จำนวนเงินที่เขาขายผ้าได้ทั้งปีเดียวนี้ไม่คุ้มค่าต้นทุนเสียอิก
(ต่อนี้ไปอิกกว่าสิบเจ็ดบรรทัด, ลบเลือนเสียหมด อ่านไม่ออกมาก เอาความไม่ได้เลย)
เขามีอำนาจผิดกว่าคนสามัญในการที่จะให้การค้าขายของเขามีผลได้, อำนาจเหล่านั้น หัวข้อก็ผูกขาดปิดซื้อปิดขายดีบุกที่เมืองนครศรีธรรมราช, แลมีอำนาจที่จะซื้อดีบุกจากราษฎรที่นี่เปนราคาภาราละ ๑๕ ตำลึง ๒ บาท ซึ่งทำให้เขารวยมาก ด้วยอำนาจรังแกราษฎรนี้ เขาได้ด้วยความเกื้อหนุนของออกยาพิชิต (สงไสย) แต่ได้เท่านี้ยังไม่พอโลภเจตนาของเขา, ด้วยว่า เขายังได้พยายามอิกเปนหลายครั้งหลายคราเพื่อจะเขยิบอำนาจเอื้อมออกไปอิก, แลอยากที่จะตั้งตัวเปนเจ้าการค้าขายทั้งปวงเสียทีเดียว, เขากราบทูลวิงวอนรบกวนพระเจ้าอยู่หัวจะให้โปรดบังคับให้ดีบุกหลวงทั้งปวงตกมาเปนของเขาด้วย, ตั้งแต่ข้าพเจ้ามาอยู่ในกรุงศรีอยุทธยาแล้ว ครั้งหนึ่ง เขากราบทูลขอรับเหมาซื้อดีบุกทั้งบ้านทั้งเมืองบรรดาที่จะถลุงได้เปนราคาภาราละ ๑๖ ตำลึง เปนเงินสดฤๅภาราละ ๑ ชั่ง กำหนดใช้เงินต่อปีหนึ่ง, แลการรับเหมานี้จะขอสัญญาติดต่อไปสิบปี, แต่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงรับ, แลกลับเปนเคราะห์ดีของเขาในการที่พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิเสธเสีย, ด้วยสินค้าอย่างนั้นราคาตกลงมากที่เมืองสุรัตแลเมืองอื่น ๆ เปนการสุดกำลัง ไม่มีทางที่เขาจะหากำไรได้เลย, แต่เปนบุญที่เขายังมีสติพอที่ไม่คิดพยายามที่จะรวบซื้อเอาคนเดียวหมดในคราวนี้ ข้าพเจ้าซ้ำได้ทราบว่า เขาบอกเปิดไม่รับซื้อดีบุกที่ผู้มาขายให้เสียอิก, จำนวนดีบุกที่เขาได้จัดซื้อที่นี่, แลที่เมืองนครศรีธรรมราช มีอยู่แล้วไม่เกิน ๘๐๐ ภารา, ซื้อที่เมืองนครศรีธรรมราชราคาภาราละ ๑๕ ตำลึง, แต่ซื้อที่นี่ เคยซื้อเปนพิกัดราคาภาราละ ๑๕ ตำลึง ๒ บาท จนถึงเวลานี้ นายห้างจึงขอร้องลดราคาลง ทั้งที่เมืองนครศรีธรรมราชด้วย, แลยังได้ยินพูดว่า จะต้องลดราคาที่นี่แลที่โน่นลงอิก, ข้าพเจ้าตรองเห็นอยู่แล้วว่า เปนการสำคัญของเขา จำเปนจริง ๆ ที่จะต้องทำเช่นนั้น เพราะราคาที่ซื้อที่นี่ภาราละ ๑๕ ตำลึง แลที่สุรัต ปอนด์ละ ๙ รูปี, ฤๅ ๒๙ ปะโกดาส์ แกนดีที่เมืองเมตชเลเปตัน (ด้วยว่า ในบัดนี้ เปนราคาในท้องตลาดเมืองเหล่านั้น) คงจะไม่ใคร่พอที่จะเขม็ดแขม่เสียค่าระวาง นอกนั้น ยังถูกค่าที่ซื้อด้วยเงินสดดองไว้อิก. เดี๋ยวนี้ พวกวิลันดาเขากำลังลงเงินลงทองซื้อเขาต่าง ๆ ซึ่งยังคงเปนกำไรให้ทำการค้าขายใหญ่อยู่ที่นี่ได้แทนการค้าใหญ่ สองอย่างที่ไม่เปนผล (อ่านไม่ออก)
(เหลือนี่อ่านไม่ออกทีเดียว)