ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1 จุลศักราช 1166 พิมพ์ตามฉะบับหลวงตรา 3 ดวง/เล่ม 1/ส่วนที่ 2
งานนี้ยังไม่เสร็จ สามารถดูและร่วมพัฒนาได้ที่ดัชนีนี้: 1 |
- นตฺวา พุทฺธํ โลกาทิจฺจํ ธมฺมญฺจาทิจฺจมณฺฑลํ
- จกฺขุมาปุริสํ สํฆนฺตรายํ เตน ฆาฏยึ
- วิฆาติตนฺตรายสฺส โสตฺถิ เม โหตุ สพฺพทา
- ยญฺ จ โลกหิตํ สตฺถํ ธมฺมสตฺถนฺ ติ ปากฏํ
- ภาสิตํ มนุสาเรน มูลภาสาย อาทิโต
- ปรมฺปราภตํ ทานิ รามญฺเญสุ ปติฏฺฐิตํ
- รามญฺญสฺส จ ภาสาย ทุคฺคาฬฺหํ ปุริเสนิห
- ตสฺมา ตํ สามภาสาย รจิสฺสนฺ ตํ สุณาถ เม ติ
อหํ อันว่าข้า นตฺวา ถวายนมัศการแล้ว พุทฺธํ ซึ่งสมเดจ์พระพุทธิเจ้าอันตรัสรู้พระอริยสัจ ๔ โลกาทิจฺจํ อันยังโลกยทังสามให้สว่างดูจดวงพระอาทิตยอันส่องโลกย ธมฺมํจ ซึ่งพระโลกุดรธรรม ๙ ปรการ ๑๐ กับพระบริยัติก็ดี อาทิจฺจมณฺฑลํ อันมีบริมณทลแห่งพระคุณปรดูจบริมณทลแห่งพระอาทิตย สํฆญฺจ ซึ่งพระอัษฎาริยสงฆแลสมมุติสงฆก็ดี จกฺขุมาปุริสํ อันเปนอาริยสัปรุษยผู้มีญาณจักษุ วิฆาฏยึ ขจัดแล้ว อนฺตรายํ ซึ่งอันตราย เตน รตนตฺตยปฺปณามานุภาเวน ด้วยอานุภาพแห่งประนามซึ่งพระรัตนไตรนั้น โสตฺถิ อันความศิริสวัสดิ โหตุ จงมี เม แก่เรา วิฆาติตนฺตรายสฺส อันมีอันตรายอันปรนามพระรัตนไตรขจัดแล้ว สพฺพทา ในกาลทังปวง ยญฺจ สตฺถํ อันว่าคำภีรอันใด โลกหิตํ เปนปรโยชนแก่สัตวโลกย ปากฏํ ปรากฎิ ธมฺมสตฺถํ อิติ ชื่อว่าคำภีรพระธรรมสาตร มนุสาเรน อันพระมโนสารฤๅษี ภาสิตํ กล่าว อาทิโต ในต้น มูลภาสาย ด้วยมคธภาษา ปรมฺปราภตํ อันปรำปราจารยนำสืบกันมา ปติฏฺฐิตํ ตั้งอยู่ รามญฺเญสุ ในรามัญปรเทษ ภาสาย ด้วยภาษา รามญฺญสฺส จ แห่งรามัญก็ดี อิทานิ ในกาลบัดนี้ ปุริเสน อันบุรุษผู้เปนวินิจฉัยอำมาตย ทุคฺคาฬฺหํ จะยังรู้เปนอันยาก อิห สามเทเส ในสยามปรเทษนี้ ตสฺมา เหดุดั่งนั้น อหํ อันว่าข้า รจิสฺสํ จักตกแต่ง ตํธมฺมสตฺถํ ซึ่งคำภีร์พระธรรมสาตรนั้น สามภาสาย ด้วยสยามภาษา ตุมฺเห อันว่าท่านทังหลาย สุณาถ จงฟัง ตํ สตฺถํ ซึ่งคำภีร์พระธรรมสาตรนั้น สนฺติกา แต่สำนักนิ เม แห่งเรา
ตตฺรายมนุปุพพิกถา อยํ อนุปุพฺพิกถา อันว่ากล่าวแต่ต้นให้เปนลำดับไปนี้ ปณฺฑิเตน อันนักปราชผู้วินิจฉัยคดี เวทิตพฺพา พึงรู้ ตตฺร ธมฺมสตฺเถ ในคำภีร์พระธรรมสาตรนั้น อิติ ด้วยปรการอันกล่าวไปนี้
กิร ดั่งจได้ฟังมา ในปถมกัลปแรกตั้งแผ่นดินนั้น มีกำแพงจักรวาฬ แลเฃาพระสุเมรุราช แลสัตะปะริภัณทะบรรพตทัง ๗ ทวีปใหญ่ ๔ ทวีปน้อย ๒๐๐๐ มหาสมุท ๔ แลไม้ใหญ่ประจำที่ทัง ๗ คือ ศิริศะพฤกษอันประจำในบุพวิเท่หะ แลไม้กระทุ่มประจำในอะมระโคญานะ แลไม้กรรมพฤกษประจำทวีปอุดรกาโร แลไม้หว้าประจำชมภูทวีป แลไม้แคฝอยประจำในอสูระพิภพ แลไม้งิ้วประจำทวีปสุบรรณราชพิภพ แลไม้ปาริกะชาติอยู่ในดาวดิงษาสวรรค แลในปถมกัลปเกีดกอบัวมีดอกห้า บอกสัญานิมิตรอันจะอุบัติแห่งสมเดจ์พระพุทธิเจ้าทังห้าพระองคอันจได้ตรัสในพัทกัลปนิ้ แลพรหมทังปวงหอมอายดินลงมากินพะสุธารศ ครั้นนานมา ทิพยระสาหารก็อันตระธานถอยรศ รูปทิพยที่ปรากฎิก็เสี่อมลง ๆ มิได้คงโดยเพศวิไสยพรหม ครั้นนานมา ก็บริโภคชาติษาลีเปนอาหาร สรรพะอันตระธานเสี่อมสิ้น ศักดาเดชเพศพรหมก็หาย กลายเปนเพศบุรุษเพศษัตรี บังเกีดมีฉรรทราค ส้องเสพยอัศธรรม เกีดบุตรนัดดาสืบสืบกันมา แล้วจึ่งตั้งเปนคามเขตเคหา ในที่สานุทิศประเทศต่างต่าง
ครั้งนั้นสมเดจ์พระบรมโพธิสัตวเจ้าได้มาบังเกีดเปนพระมหาบุรุษในต้นพัทกัลป ครั้นอยู่มาก็เกีดวิวาทแก่กัน หาผู้ใดจบังคับบัญชามิได้ ฝูงชนทังหลายมาสะโมสรประชุมพร้อมกัน จึ่งตั้งสมเดจ์พระมหาบุรุษราชเจ้าขึ้นเปนอธิบดีมีพระนามกรชื่อว่าพระเจ้ามหาสมมุติราช กอบไปด้วยสัตะพิธรัตน ๗ ปรการได้ผ่านทวีปทัง ๔
แลอยู่มา เกีดพระราชกุมาร ๔ พระอง แลเชษฐโอรสนั้นได้เสวยราชสมบัติในชมภูทวีป แลพระราชกุมารองคหนึ่งเสวยราชสมบัติในอุดรกาโร แลพระราชกุมารองคหนึ่งได้เสวยราชสมบัติในอมรโคญาณ แลพระราชกุมารองคหนึ่งนั้นเสวยราชสมบัติในบุพวิเท่หะ แลพระราชกุมารทัง ๔ พระองคก็ย่อมเหาะมาเฝ้าพระราชบิดาทุก ๆ วัน
ครั้นนานมาพระราชบิดานั้นชิวงคต แลพระราชกุมารทัง ๔ พระองคก็ต่างองคต่างอยู่ ย่อมมีไม้ตรีจิตไปมาหากัน ครั้นนานมา ๆ ต่างองคต่างนานไปมา ทางพระราชไม้ตรีสำพันทญาติก็ค่อยขาดสูญไปตราบเท้าทุกวันนิ้
แลพระเชษฐาธิราชผู้เสวยราชสมบัติในชมภูทวีปนั้น ก็มีพระราชกุมารสิบพระองค แลในชมภูทวีปแบ่งเปนสิบเอ็ดส่วน ๆ หนึ่งพระองคอยู่ สิบส่วนนั้นให้พระราชโอรสอยู่องคลส่วน พระราชกุมารผู้ใหญ่นั้นเปนมหาอุปราช อยู่จำเนียรนานมาพระราชบิดาถึงชิวงคต พญาอุปราชก็ได้เสวยราชสมบัติแทนพระบิดานั้น แลพระราชกุมารทัง ๑๐ พระองคก็ไปมาหากันเป็นนิจ ครั้นนานมาพระราชกุมารทังปวงมิได้ไปมาหากัน ต่างองคต่างอยู่ แลอยู่มาพระนัดดาพญามหาสมมุติราชทัง ๑๐ พระองค มีพระราชกุมารองคละสิบพระองคเล่า แลเชษฐกุมารนั้นตั้งเปนอุปราช แลกุมารอันดัพนั้นก็แต่งให้เสวยราชในประเทศต่าง ๆ กัน ครั้นนานมาพระราชบิดาถึงชิวงคต แลพญาอุปราชได้มุรธาภิเศกเอกะราชสมบัติแทนพระราชบิดา ก็ยังไปมาหากันเปนนิจ แลพระมหากระษัตรทังร้อยเอ็ดพระองคนั้นเปนสำพันทญาติราชสุริวงษเดียวกัน ครั้นนานมาต่างองคต่างทรงพระชะราภาพ จะไปมาหากันนั้นมิได้ ต่างองคต่างใช้ให้แต่มหาอำมาตไปมาจำทูลทางพระราชหน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/23หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/24หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/25หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/26หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/27หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/28หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/29หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/30หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/31หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/32หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/33หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/34หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/35หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/36หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/37หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/38หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/39หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/40หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/41หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/42หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/43หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/44หน้า:Prachum Kotmai Ratchakan Thi Nueng 2482 (1).djvu/45เลื่องชื่อฦๅนามในสำนักนิพระมหากระษัตรพึง[2] ตั้งตนไว้ให้พระองควางพระไทยต่างพระเนตรพระกรรณ์ ด้วยมีสันดานอันซื่อ แลตั้งอยู่ในศีล ๕ ประการ ศีล ๘ ประการ แลวะจีสัจสุริต คิดกลัวบาปละอายบาป เปนหิริโอตัปธรรมโลกยบาลราศรี มีศรัทธาเชื่อผลศีลผลทานการกุศลแลคุณพระศรีรัตนไตรย ปวตฺตยนฺโต สกโล ปิ นิจฺจํ พึงตั้งเมตตาจิตรเปนบุเรจาริกในสัตวทังปวง แลมีกะตัญุตาสวามีภักดิจงรักษในพรมหากระษัตรซึ่งเปนจ้าวแห่งตน อันทรงบำเพญผลโพทธิญาณ สิกฺเขยฺยมีมํ มหาตา คุเณน เมื่อมีสันดานจิตรคิดถึงพระเดชพระมหากระษัตรดั่งนี้แล้ว พึงอุสาหะศึกสาเล่าเรียนให้รอบรู้ ดูแลเอาใจใส่ในคำภีรพระธรรมสาตร อันอาจให้มีคุณวิเสศ คือเปนพระเนตรแห่งพระมหากระษัตร จะได้ตัดข้อคดีแห่งอนาประชาราษฎรในขอบเขตขันทเสมาพระราชอาณาจักรให้ปราศจากหลักตอเสี้ยนหนาม คือ ความมูลวิวาทแห่งพาลชาติบุทคลอันมีสันดานเปนทุจริต ให้เปนหิตานุหิตประโยชน์สิ้นมูลวิวาททุกข ประกอบศุขสถาพรเกษมสารในกาลทุกเมื่อ