พระธรรมเลวีนิติ/2
บทที่: | 1· | 2· | 3· | 4· | 5· | 6· | 7· | 8· | 9· | 10· |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11· | 12· | 13· | 14· | 15· | 16· | 17· | 18· | 19· | 20· | |
21· | 22· | 23· | 24· | 25· | 26· | 27· |
11
แก้ไข- พระราชสุขบัญญัติอาหารในยุคนั้น
- 11:1 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
- 11:2 “จงพูดกับชนชาติอิสราเอลว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสัตว์ต่าง ๆ ท่ามกลางบรรดาสัตว์ในแผ่นดินโลกซึ่งเจ้าทั้งหลายจะรับประทานได้
- 11:3 สัตว์ใดก็ตามที่กีบแยกและมีเท้าแยกและเคี้ยวเอื้อง ในท่ามกลางสัตว์ต่าง ๆ เจ้าทั้งหลายจะรับประทานได้
- 11:4 อย่างไรก็ตามสัตว์ที่เคี้ยวเอื้องหรือสัตว์ที่กีบแยก เจ้าทั้งหลายอย่ารับประทาน เช่นอูฐ เพราะมันเคี้ยวเอื้องแต่กีบไม่แยก เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:5 และกระจงผา เพราะว่ามันเคี้ยวเอื้องแต่กีบไม่แยก เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:6 และกระต่าย เพราะว่ามันเคี้ยวเอื้องแต่กีบไม่แยก เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:7 และหมู ถึงแม้ว่ามันมีกีบแยกและมีเท้าแยก แต่มันไม่เคี้ยวเอื้อง เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:8 เจ้าทั้งหลายอย่ารับประทานเนื้อของสัตว์เหล่านี้เลย และเจ้าทั้งหลายอย่าแตะต้องซากของมัน สัตว์เหล่านี้เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:9 สัตว์ที่อยู่ในน้ำทั้งหมดเหล่านี้เจ้าทั้งหลายจะรับประทานได้ อะไรก็ตามที่มีครีบและมีเกล็ดซึ่งอยู่ในน้ำ ในทะเลและในแม่น้ำ เจ้าทั้งหลายจะรับประทานได้
- 11:10 และทุกอย่างในทะเลและในแม่น้ำ ทุกอย่างที่เคลื่อนไหวในน้ำ และสิ่งมีชีวิตใด ๆ ซึ่งอยู่ในน้ำ ซึ่งไม่มีครีบและเกล็ด สัตว์เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:11 สัตว์เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแก่เจ้าทั้งหลาย พวกเจ้าอย่ารับประทานเนื้อของพวกมัน แต่เจ้าทั้งหลายจงถือว่าซากของพวกมันเป็นที่น่ารังเกียจ
- 11:12 อะไรก็ตามที่อยู่ในน้ำซึ่งไม่มีครีบและเกล็ด จะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:13 และต่อไปนี้เป็นนกซึ่งเจ้าทั้งหลายจงถือว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจท่ามกลางนกทั้งหลาย นกเหล่านี้จะรับประทานไม่ได้ พวกมันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ คือนกอินทรี นกแร้งเครา นกออก
- 11:14 และนกแร้ง นกเหยี่ยวดำ ตามชนิดของมัน
- 11:15 บรรดานกกา ตามชนิดของมัน
- 11:16 และนกเค้าแมว นกเค้าโมง นกนางนวล นกเหยี่ยว ตามชนิดของมัน
- 11:17 และนกเค้าแมวเล็ก นกกาน้ำ นกเค้าแมวใหญ่
- 11:18 และหงส์ นกกระทุง นกแร้งอียิปต์
- 11:19 และนกกระสาดำ นกกระสาตามชนิดของมัน นกหัวขวาน และค้างคาว
- 11:20 และแมลงมีปีกซึ่งคลานสี่ขา จะต้องเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:21 แต่ในบรรดาแมลงมีปีกที่คลานสี่ขานี้ เจ้าทั้งหลายจะรับประทานจำพวกที่มีขาพับเหนือเท้าของมันที่ใช้กระโดดไปบนแผ่นดินได้
- 11:22 ในจำพวกแมลงต่อไปนี้เจ้าทั้งหลายรับประทานได้ ตั๊กแตนวัยบินตามชนิดของมัน จิ้งหรีดตามชนิดของมัน จักจั่นตามชนิดของมัน และตั๊กแตนตามชนิดของมัน
- 11:23 แต่แมลงมีปีกอย่างอื่นซึ่งมีสี่ขา จะต้องเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:24 และสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เจ้าทั้งหลายเป็นมลทินได้ คือผู้ใดก็ตามแตะต้องซากของพวกมันจะต้องเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 11:25 และผู้ใดก็ตามถือซากของพวกมัน จะต้องซักเสื้อผ้าของตน และเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 11:26 ซากของสัตว์ทั้งปวงที่กีบแยกและเท้าไม่แยก ที่ไม่ได้เคี้ยวเอื้องเป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย ทุกคนที่แตะต้องสัตว์เหล่านี้จะเป็นมลทิน
- 11:27 และอะไรก็ตามซึ่งเดินด้วยอุ้งเท้าในท่ามกลางบรรดาสัตว์สี่ขาทุกอย่าง สัตว์เหล่านั้นเป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย ผู้ใดแตะต้องซากสัตว์เหล่านั้นจะต้องเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 11:28 และผู้ใดถือซากของพวกมัน จะต้องซักเสื้อผ้าของตน และเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น สัตว์เหล่านั้นเป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:29 ในท่ามกลางบรรดาสัตว์ที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน ชนิดต่อไปนี้เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลายเช่นเดียวกัน คือ อีเห็น หนู และเต่าตามชนิดของมัน
- 11:30 และตุ๊กแก กิ้งก่า จิ้งจก หอยทากและตัวตุ่น
- 11:31 ในท่ามกลางบรรดาสัตว์เลื้อยคลาน ชนิดเหล่านี้เป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย ผู้ใดแตะต้องพวกมันเมื่อพวกมันตายแล้ว จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 11:32 และเมื่อพวกมันตายตกทับสิ่งใด ๆ ก็ตาม สิ่งนั้นก็จะเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นภาชนะใด ๆ ที่เป็นไม้ หรือเสื้อผ้า หรือหนังสัตว์ หรือกระสอบ หรือภาชนะใด ๆ ก็ตามที่ใช้เพื่องานอย่างหนึ่งอย่างใด ภาชนะนั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น ภาชนะนั้นจะต้องแช่น้ำ ดังนี้แหละภาชนะนั้นก็จะสะอาด
- 11:33 และถ้าพวกมันตกลงไปในภาชนะดินเผาใด ๆ สิ่งใดก็ตามที่อยู่ในภาชนะนั้นจะเป็นมลทิน และเจ้าทั้งหลายจงทุบภาชนะนั้นเสีย
- 11:34 อาหารทุกอย่างที่รับประทานได้ซึ่งมีน้ำดังกล่าวปนอยู่ก็จะเป็นมลทิน และน้ำดื่มทั้งสิ้นซึ่งดื่มได้จากภาชนะนั้นทุกอย่างจะเป็นมลทิน
- 11:35 และถ้าส่วนใดของซากสัตว์ตกใส่สิ่งใด ๆ สิ่งนั้น ๆ ก็จะเป็นมลทิน ไม่ว่าเป็นเตาอบหรือเตาสำหรับหม้อหุงต้ม จะต้องทุบเตาเหล่านั้นเสีย ด้วยว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นมลทิน และจะเป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:36 อย่างไรก็ตามน้ำพุหรือบ่อซึ่งมีน้ำมากมายจะเป็นของสะอาด แต่สิ่งใดที่แตะต้องซากสัตว์เหล่านั้นจะเป็นมลทิน
- 11:37 และถ้าส่วนใดของซากสัตว์เหล่านั้นตกใส่เมล็ดพืชที่จะใช้หว่าน พืชนั้นก็ยังสะอาดอยู่
- 11:38 แต่ถ้าเอาเมล็ดพืชนั้นแช่น้ำไว้ และซากสัตว์ส่วนใดตกใส่น้ำนั้น พืชนั้นก็จะเป็นมลทินแก่เจ้าทั้งหลาย
- 11:39 และถ้าสัตว์ใด ๆ ซึ่งเจ้าทั้งหลายจะรับประทานได้นั้นตายเอง ผู้ที่แตะต้องซากสัตว์นั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 11:40 และผู้ใดที่รับประทานซากสัตว์นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตน และเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น เช่นเดียวกันผู้ใดที่ถือซากสัตว์นั้นไปก็จะต้องซักเสื้อผ้าของตน และเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 11:41 และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปบนแผ่นดินจะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ อย่ารับประทานสัตว์เลื้อยคลานเหล่านั้น
- 11:42 สิ่งใดก็ตามที่เลื้อยไปด้วยท้อง และสิ่งใดก็ตามที่เดินสี่ขา หรือสิ่งใดก็ตามที่มีหลายขา ในท่ามกลางทุกสิ่งที่คลานไปบนแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายอย่ารับประทานสิ่งเหล่านั้น เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
- 11:43 เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำให้ตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจด้วยสัตว์เลื้อยคลานใด ๆ ทั้งอย่ากระทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยสัตว์เหล่านี้เลย เกรงว่าเจ้าทั้งหลายจะเป็นมลทินด้วยสัตว์เหล่านี้
- 11:44 เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย ฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และเจ้าทั้งหลายจะบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์ ทั้งเจ้าทั้งหลายอย่าทำตัวให้เป็นมลทินด้วยสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งคลานไปบนแผ่นดิน
- 11:45 เพราะเราคือพระเยโฮวาห์ผู้นำเจ้าทั้งหลายขึ้นมาจากแผ่นดินแห่งอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจะต้องบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์”
- 11:46 นี่เป็นพระราชบัญญัติเรื่องสัตว์และนก และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เคลื่อนไหวไปมาในน้ำ และสัตว์ทุกชนิดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน
- 11:47 เพื่อจะได้มีความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นมลทินและสิ่งที่ไม่เป็นมลทิน และระหว่างสัตว์ที่รับประทานได้ และสัตว์ที่รับประทานไม่ได้
12
แก้ไข- พระราชสุขบัญญัติเรื่องการคลอดบุตรและการชำระมลทินเด็ก
- 12:1 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
- 12:2 “จงพูดกับชนชาติอิสราเอลว่า ถ้าผู้หญิงคนใดมีครรภ์ และคลอดบุตรเป็นชาย ดังนั้นนางจะต้องเป็นมลทินเจ็ดวัน นางจะเป็นมลทินอย่างเดียวกับเวลาที่นางต้องแยกตัวออกเพราะเหตุมีประจำเดือนนั้น
- 12:3 และในวันที่แปดจงตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเด็กชายนั้นเสียเพื่อเป็นการเข้าสุหนัต
- 12:4 และจงให้นางคอยอยู่อีกสามสิบสามวันด้วยเรื่องชำระโลหิตของนาง อย่าให้นางแตะต้องของบริสุทธิ์อันใด หรือเข้าไปในสถานบริสุทธิ์ จนกว่าจะครบวันชำระของนาง
- 12:5 แต่ถ้านางคลอดบุตรเป็นหญิง ดังนั้นนางจะต้องเป็นมลทินสองสัปดาห์ อย่างเดียวกับเวลาที่นางต้องแยกตัวออกนั้น และนางจะต้องคอยอยู่หกสิบหกวัน ด้วยเรื่องชำระโลหิตของนาง
- 12:6 และเมื่อวันชำระของนางครบแล้ว ไม่ว่าเป็นสำหรับบุตรชายหรือบุตรสาว จงให้นางไปหาปุโรหิตที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมชน นำลูกแกะอายุไม่เกินหนึ่งปีจำนวนหนึ่งตัวไปเป็นเครื่องเผาบูชา และนกพิราบแรกรุ่นหนึ่งตัวหรือนกเขาหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
- 12:7 ผู้ซึ่งจะนำเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นถวายต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ และทำการลบมลทินบาปให้นาง และนางจะสะอาดในเรื่องโลหิตของนางที่หลั่งออก นี่เป็นพระราชบัญญัติเรื่องผู้หญิงที่คลอดบุตร ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง
- 12:8 และถ้านางไม่สามารถนำลูกแกะหนึ่งตัวมาได้ ดังนั้นจงให้นางนำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบแรกรุ่นสองตัวมา ตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาและอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และจงให้ปุโรหิตทำการลบมลทินบาปให้นาง และนางจะสะอาด”
13
แก้ไข- พระราชสุขบัญญัติป้องกันโรคติดต่อทางผิวหนัง
- 13:1 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
- 13:2 “เมื่อผู้ใดเกิดอาการบวมหรือตกสะเก็ดหรือมีรอยด่างที่ผิวหนังของเขา และมันอยู่ในผิวหนังของเขาเหมือนเป็นโรคเรื้อน ดังนั้นจงพาผู้นั้นมาหาอาโรนผู้เป็นปุโรหิต หรือมาหาบุตรชายทั้งหลายของเขาที่เป็นปุโรหิตคนใดคนหนึ่ง
- 13:3 และจงให้ปุโรหิตตรวจดูผิวหนังบริเวณที่เป็นโรค และเมื่อขนในบริเวณที่เป็นโรคนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว และปรากฏว่าโรคนั้นอยู่ลึกกว่าผิวหนังของเขาลงไป ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อน และปุโรหิตจงตรวจดูเขาและประกาศว่าเขาเป็นมลทิน
- 13:4 ถ้าผิวหนังของเขาบริเวณที่มีรอยด่างนั้นเป็นสีขาว และปรากฏว่ากินไม่ลึกไปกว่าผิวหนัง และขนในบริเวณนั้นก็ไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว ดังนั้นจงให้ปุโรหิตกักตัวผู้ที่เป็นโรคนั้นไว้เจ็ดวัน
- 13:5 และจงให้ปุโรหิตตรวจดูเขาในวันที่เจ็ด และดูเถิด ถ้าตามสายตาของเขาเห็นว่าโรคนั้นทรงอยู่ และโรคนั้นไม่ลามออกไปในผิวหนัง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตกักตัวเขาต่อไปอีกเจ็ดวัน
- 13:6 และในวันที่เจ็ดจงให้ปุโรหิตตรวจดูเขาอีก ดูเถิด ถ้าโรคนั้นค่อนข้างจางลง และโรคนั้นไม่ได้ลามออกไปในผิวหนัง จงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาสะอาด เป็นแต่ตกสะเก็ดเท่านั้น และจงให้เขาซักเสื้อผ้าของเขา และเขาก็จะสะอาด
- 13:7 แต่ถ้าบริเวณที่ตกสะเก็ดลามออกไปในผิวหนัง หลังจากที่ปุโรหิตตรวจดูเขาเพื่อชำระให้เขาแล้วนั้น เขาจะต้องกลับไปให้ปุโรหิตตรวจดูเขาอีก
- 13:8 และถ้าปุโรหิตทำการตรวจดูแล้ว ดูเถิด บริเวณที่ตกสะเก็ดนั้นลามออกไปในผิวหนัง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อน
- 13:9 เมื่อผู้ใดเป็นโรคเรื้อน ก็จงพาเขามาหาปุโรหิต
- 13:10 และจงให้ปุโรหิตตรวจดูตัวเขา ดูเถิด ถ้ามีอาการบวมสีขาวเกิดขึ้นที่ผิวหนัง และทำให้ขนที่นั่นเปลี่ยนเป็นสีขาว และมีแผลสดในบริเวณที่บวมนั้น
- 13:11 แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนเรื้อรังที่ผิวหนังของเขา และจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน และอย่ากักตัวเขาไว้ เพราะว่าเขาเป็นมลทิน
- 13:12 และถ้าโรคเรื้อนลามออกไปในผิวหนัง และโรคเรื้อนนั้นแผ่ลามไปในผิวหนังทั่วทั้งตัวของผู้ที่เป็นโรคนั้น ตั้งแต่ศีรษะของเขาจนถึงเท้าของเขา ที่ใด ๆ ก็ตามที่ปุโรหิตตรวจดู
- 13:13 ดังนั้นปุโรหิตจะต้องพิจารณา และดูเถิด ถ้าโรคเรื้อนนั้นแผ่ลามไปทั่วทั้งตัวของเขา จงให้เขาประกาศว่าผู้ที่เป็นโรคนั้นก็สะอาดแล้ว ตัวของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวหมด เขาก็สะอาด
- 13:14 แต่ถ้ามีแผลสดปรากฏขึ้นมาในตัวของเขา เขาก็จะเป็นมลทิน
- 13:15 และจงให้ปุโรหิตตรวจดูที่แผลสด และประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เพราะแผลสดนั้นเป็นมลทิน ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อน
- 13:16 หรือถ้าแผลสดนั้นเปลี่ยนไปอีก และกลายเป็นสีขาว จงให้เขามาหาปุโรหิต
- 13:17 และจงให้ปุโรหิตตรวจดูเขา และดูเถิด ถ้าโรคนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่า ผู้ที่เป็นโรคนั้นสะอาด เขาก็สะอาดแล้ว
- 13:18 เช่นเดียวกัน เนื้อในบริเวณผิวหนังนั้น ที่เป็นฝีและหายแล้ว
- 13:19 และในบริเวณที่เป็นฝีนั้นมีสีขาวบวมขึ้นมา หรือมีรอยด่างขึ้นมาเป็นสีขาวอมแดง และให้ไปสำแดงสิ่งนั้นแก่ปุโรหิต
- 13:20 และเมื่อปุโรหิตจะตรวจดูแล้ว ดูเถิด ถ้าปรากฏว่าบริเวณที่เป็นนั้นลึกกว่าผิวหนัง และขนที่บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว จงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน โรคนั้นเป็นโรคเรื้อนที่แตกออกมาจากฝี
- 13:21 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูแล้ว และดูเถิด ขนที่บริเวณนั้นไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว และถ้าบริเวณที่เป็นนั้นไม่ลึกกว่าผิวหนังแต่ค่อนข้างจางลง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตกักตัวเขาไว้เจ็ดวัน
- 13:22 และถ้าโรคนั้นลามออกไปในผิวหนัง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน ก็นับว่าเป็นโรคแล้ว
- 13:23 แต่ถ้ารอยด่างนั้นคงที่อยู่และไม่ลามออกไป เป็นแต่รอยแผลเป็นของฝี และจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาสะอาด
- 13:24 หรือถ้าส่วนใด ๆ ของเนื้อหนัง คือในบริเวณผิวหนังที่ถูกไฟไหม้ และรอยแผลเป็นที่เคยถูกไฟไหม้นั้นเป็นรอยด่างสีขาวอมแดง
- 13:25 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตตรวจดู และดูเถิด ถ้าขนในรอยด่างนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาวและปรากฏว่าเป็นลึกกว่าผิวหนัง ก็เป็นโรคเรื้อนที่แตกออกมาจากรอยแผลที่เคยถูกไฟไหม้ ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อน
- 13:26 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดู และดูเถิด ขนในรอยด่างนั้นไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว และบริเวณนั้นไม่ลึกกว่าผิวหนัง แต่ค่อนข้างจางลง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตกักตัวเขาไว้เจ็ดวัน
- 13:27 และในวันที่เจ็ดจงให้ปุโรหิตตรวจดูเขา และถ้าบริเวณนั้นลามออกไปในผิวหนัง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อน
- 13:28 และถ้ารอยด่างนั้นคงที่อยู่และไม่ลามออกไปในผิวหนัง แต่ค่อนข้างจางลง บริเวณนั้น บวมเพราะถูกไฟไหม้ และจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาสะอาด เพราะเป็นแต่แผลเป็นของไฟไหม้
- 13:29 ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงคนใดมีโรคที่ศีรษะหรือที่บริเวณหนวดเครา
- 13:30 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตตรวจดูโรคนั้น และดูเถิด ถ้าปรากฏว่าเป็นลึกกว่าผิวหนัง และขนบริเวณนั้นเป็นสีเหลืองและบาง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน ก็นับว่าเป็นโรคคัน คือเป็นโรคเรื้อนที่ศีรษะหรือที่บริเวณหนวดเครา
- 13:31 และถ้าปุโรหิตตรวจดูโรคคันนั้น และดูเถิด ปรากฏว่าเป็นไม่ลึกกว่าผิวหนัง และไม่มีขนสีดำอยู่ในบริเวณนั้น ดังนั้นจงให้ปุโรหิตกักตัวผู้ที่เป็นโรคคันนั้นไว้เจ็ดวัน
- 13:32 และในวันที่เจ็ดจงให้ปุโรหิตตรวจดูโรคนั้น และดูเถิด ถ้าอาการโรคคันนั้นไม่ลามออกไป และไม่มีขนสีเหลืองในบริเวณนั้น และปรากฏว่าอาการโรคคันไม่ลึกกว่าผิวหนัง
- 13:33 จงโกนขนของเขาออกเสีย แต่อย่าให้เขาโกนตรงบริเวณที่เป็นโรคคัน และจงให้ปุโรหิตกักตัวผู้ที่เป็นโรคคันนั้นไว้อีกเจ็ดวัน
- 13:34 และในวันที่เจ็ดจงให้ปุโรหิตตรวจดูบริเวณที่เป็นโรคคันนั้น และดูเถิด ถ้าบริเวณที่เป็นโรคคันนั้นไม่ลามออกไปในผิวหนัง และปรากฏว่าเป็นไม่ลึกไปกว่าผิวหนัง ดังนั้นจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาสะอาด และจงให้เขาซักเสื้อผ้าของเขา และจะสะอาด
- 13:35 แต่หลังจากที่เขาชำระตัวแล้ว ถ้าบริเวณที่เป็นโรคคันนั้นลามออกไปในผิวหนัง
- 13:36 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตตรวจดูเขา และดูเถิด ถ้าบริเวณที่เป็นโรคคันนั้นลามออกไปในผิวหนังแล้ว ปุโรหิตจึงไม่ต้องมองหาขนสีเหลือง เขาก็เป็นมลทินแล้ว
- 13:37 แต่ถ้าตามสายตาของเขาโรคคันนั้นระงับแล้ว และมีขนสีดำงอกอยู่ในบริเวณนั้น โรคคันนั้นก็หายแล้ว เขาก็สะอาด และจงให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาสะอาด
- 13:38 ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงมีรอยด่างที่ผิวหนังของเขา คือรอยด่างสีขาว
- 13:39 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตตรวจดู และดูเถิด ถ้ารอยด่างที่ผิวหนังของเขานั้นเป็นสีขาวคล้ำ ก็นับว่าเป็นโรคกลากเกลื้อนที่เกิดขึ้นในผิวหนัง เขาก็สะอาด
- 13:40 และผู้ชายคนใดที่มีผมร่วงจากศีรษะของเขา เขาเป็นคนศีรษะล้าน แต่เขาก็สะอาด
- 13:41 และผู้ชายคนใดที่มีผมร่วงจากหน้าผากของเขา เขาเป็นคนหน้าผากเถิก แต่เขาก็สะอาด
- 13:42 และถ้าตรงบริเวณศีรษะล้านหรือหน้าผากเถิก มีอาการโรคสีขาวอมแดง ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อนพุขึ้นที่ศีรษะล้านของเขาหรือที่หน้าผากเถิกของเขานั้น
- 13:43 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตตรวจดูสิ่งนั้น และดูเถิด ถ้าอาการโรคสีขาวอมแดงพุขึ้นที่ศีรษะล้านของเขาหรือที่หน้าผากเถิกของเขา เหมือนกับโรคเรื้อนที่ปรากฏตามผิวหนัง
- 13:44 ชายผู้นั้นเป็นโรคเรื้อน เขาเป็นมลทิน จงให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทินอย่างแน่นอน โรคของเขานั้นอยู่ที่ศีรษะของเขา
- 13:45 และคนโรคเรื้อนที่เป็นมลทินนั้น จงฉีกเสื้อผ้าของเขาเสีย และให้ปล่อยผมบนศีรษะของเขา และจงให้เขาป้องริมฝีปากบนของเขาไว้ และร้องว่า ‘มลทิน มลทิน’
- 13:46 ตลอดวันเวลาที่เขาป่วยเป็นโรค เขาก็จะสกปรก เขาเป็นมลทิน เขาจะต้องอยู่โดยลำพัง ที่อาศัยของเขาจะอยู่ข้างนอกค่าย
- 13:47 เช่นเดียวกันเสื้อผ้าที่มีโรคเรื้อน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าทำด้วยขนสัตว์หรือเสื้อผ้าทำด้วยผ้าป่าน
- 13:48 ไม่ว่าโรคเรื้อนนั้นอยู่ที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรืออยู่ที่ผ้าป่านหรือผ้าขนสัตว์ ไม่ว่าอยู่ในหนังสัตว์ หรือสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์
- 13:49 และถ้าโรคนั้นทำให้เสื้อผ้ามีสีอมเขียวหรืออมแดง ทั้งที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือที่หนังสัตว์หรือสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์ ก็นับว่าเป็นโรคเรื้อน และจะต้องนำไปแสดงต่อปุโรหิต
- 13:50 และจงให้ปุโรหิตตรวจดูโรคนั้น และให้กักสิ่งที่เป็นโรคนั้นไว้เจ็ดวัน
- 13:51 และในวันที่เจ็ดจงให้เขาตรวจดูโรคนั้น ถ้าโรคนั้นลามออกไปในเสื้อผ้า ไม่ว่าที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือที่หนังสัตว์หรือสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์ โรคนั้นเป็นโรคเรื้อนอย่างร้ายแรง ก็นับว่าเป็นมลทิน
- 13:52 ฉะนั้นจงให้เขาเผาเสื้อผ้านั้นเสีย ไม่ว่าเป็นโรคที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือเป็นที่ผ้าขนสัตว์หรือผ้าป่าน หรือสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์ เพราะเป็นโรคเรื้อนอย่างร้ายแรง จงเผาเสียด้วยไฟ
- 13:53 และถ้าปุโรหิตตรวจดู และดูเถิด โรคนั้นไม่ได้ลามออกไปในเสื้อผ้า ไม่ว่าที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือในสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์
- 13:54 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตสั่งพวกเขาให้ซักสิ่งที่เป็นโรคนั้นเสีย และจงให้เขากักสิ่งนั้นไว้อีกเจ็ดวัน
- 13:55 และหลังจากซักสิ่งนั้นแล้ว จงให้ปุโรหิตตรวจดูบริเวณที่เป็นโรคนั้น และดูเถิด ถ้าบริเวณที่เป็นโรคนั้นสีของมันไม่เปลี่ยนไป และโรคนั้นไม่ลามออกไป ก็นับว่าเป็นมลทิน เจ้าจงเผาสิ่งนั้นเสียด้วยไฟ ก็นับว่าเป็นโรคอย่างร้ายแรงซึ่งอยู่ภายใน ไม่ว่าบริเวณที่ถูกทำลายนั้นจะอยู่ด้านในหรือด้านนอก
- 13:56 และหลังจากซักสิ่งนั้นแล้ว ถ้าปุโรหิตตรวจดู และดูเถิด โรคนั้นค่อนข้างจางลง ดังนั้นจงให้เขาฉีกบริเวณนั้นออกเสียจากเสื้อผ้าหรือออกเสียจากหนังสัตว์ หรือออกเสียจากด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง
- 13:57 และถ้าโรคนั้นยังปรากฏอยู่ในเสื้อผ้านั้น ไม่ว่าที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือในสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์ ก็นับว่าเป็นโรคที่ลามออกไป เจ้าจงเผาสิ่งที่เป็นโรคนั้นเสียด้วยไฟ
- 13:58 และเสื้อผ้านั้น ไม่ว่าที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือสิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์ ซึ่งเจ้าจะซักนั้น ถ้าโรคนั้นหายไปจากสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นก็จงซักสิ่งนั้นเป็นครั้งที่สอง ก็จะสะอาด”
- 13:59 นี่เป็นพระราชบัญญัติเรื่องโรคเรื้อนในเสื้อผ้าที่ทำด้วยขนสัตว์หรือผ้าป่าน ไม่ว่าเป็นที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือเป็นที่สิ่งใด ๆ ที่ทำด้วยหนังสัตว์ เพื่อให้ประกาศว่าอย่างใดสะอาดหรืออย่างใดเป็นมลทิน
14
แก้ไข- การชำระหลังหายจากโรคผิวหนังเพื่อกลับชุมนุมชน
- 14:1 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
- 14:2 “นี่จะเป็นพระราชบัญญัติเรื่องคนเป็นโรคเรื้อนในวันชำระตัวของเขา จงพาเขามาหาปุโรหิต
- 14:3 และจงให้ปุโรหิตออกไปนอกค่าย จงให้ปุโรหิตทำการตรวจดู และดูเถิด ถ้าผู้ป่วยหายจากโรคเรื้อนแล้ว
- 14:4 ดังนั้นจงให้ปุโรหิตสั่งเขาให้จัดเตรียมของสำหรับผู้จะรับการชำระ คือนกสะอาดที่มีชีวิตสองตัว และไม้สนซีดาร์ กับด้ายสีแดง และต้นหุสบ
- 14:5 และจงให้ปุโรหิตสั่งให้ฆ่านกหนึ่งในสองตัวนั้นในภาชนะดินเผาเหนือน้ำที่กำลังไหลอยู่
- 14:6 สำหรับนกตัวที่ยังเป็นอยู่นั้น จงให้เขาเอานกตัวนั้น กับไม้สนซีดาร์ ด้ายสีแดง และต้นหุสบ และจุ่มสิ่งเหล่านั้นพร้อมกับนกตัวที่ยังเป็นอยู่นั้น ลงไปในเลือดของนกที่ถูกฆ่าเหนือน้ำที่กำลังไหลอยู่
- 14:7 และจงให้เขาประพรมคนที่จะรับการชำระจากโรคเรื้อนนั้นเจ็ดครั้ง และประกาศว่าเขาสะอาด และจงปล่อยนกตัวที่ยังเป็นอยู่นั้นไปในท้องทุ่ง
- 14:8 และจงให้ผู้ที่จะรับการชำระนั้นซักเสื้อผ้าของเขา และให้โกนผมกับขนของเขาทั้งหมดเสีย และให้เขาอาบน้ำ เพื่อเขาจะสะอาด และหลังจากนั้นจงให้เขาเข้าค่ายได้ และจงให้นอนอยู่นอกเต็นท์ของเขาเจ็ดวัน
- 14:9 แต่ในวันที่เจ็ดจงให้เขาโกนผมจากศีรษะของเขาให้หมด ทั้งหนวดเคราและขนคิ้วของเขา คือโกนแม้กระทั่งผมกับขนของเขาทั้งหมดออกเสีย และจงให้เขาซักเสื้อผ้าของเขา และจงให้เขาอาบน้ำด้วย และเขาก็จะสะอาด
- 14:10 และในวันที่แปดจงให้เขาเอาลูกแกะตัวผู้สองตัวปราศจากตำหนิ และลูกแกะตัวเมียหนึ่งตัวอายุไม่เกินหนึ่งปีที่ปราศจากตำหนิ และแป้งละเอียดคลุกด้วยน้ำมันสามในสิบเอฟาห์เป็นเครื่องธัญญบูชา กับน้ำมันหนึ่งลก
- 14:11 และจงให้ปุโรหิตผู้ทำการชำระให้เขา นำผู้ที่จะรับการชำระกับสิ่งของเหล่านั้นมาต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมชน
- 14:12 และจงให้ปุโรหิตนำลูกแกะตัวผู้หนึ่งตัว และถวายแกะนั้นเป็นเครื่องบูชาไถ่การละเมิดพร้อมกับน้ำมันหนึ่งลก และให้โบกพัดไปมาเป็นเครื่องบูชาโบกพัดถวายต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:13 และจงให้ปุโรหิตฆ่าลูกแกะตัวนั้นในสถานที่ที่เขาจะฆ่าเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบูชา คือในสถานที่บริสุทธิ์ เพราะว่าเครื่องบูชาไถ่การละเมิดก็เหมือนเครื่องบูชาไถ่บาป คือเป็นของปุโรหิต เป็นของบริสุทธิ์ที่สุด
- 14:14 และปุโรหิตจะนำเลือดส่วนหนึ่งของเครื่องบูชาไถ่การละเมิดมา และปุโรหิตจะเจิมที่ปลายใบหูข้างขวาของผู้ที่จะรับการชำระ และเจิมที่หัวแม่มือข้างขวาและที่หัวแม่เท้าข้างขวาของเขา
- 14:15 และปุโรหิตจะนำน้ำมันหนึ่งลกนั้นมาบางส่วน และเทน้ำมันนั้นใส่ฝ่ามือข้างซ้ายของตนเอง
- 14:16 และปุโรหิตจะเอานิ้วมือข้างขวาของเขาจุ่มลงในน้ำมันซึ่งอยู่ในมือข้างซ้ายของเขา และประพรมน้ำมันนั้นด้วยนิ้วของเขาเจ็ดครั้งต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:17 และน้ำมันที่เหลืออยู่ในมือของเขานั้น ปุโรหิตจะเอามาบางส่วน เจิมที่ปลายใบหูข้างขวาของผู้ที่จะรับการชำระ และเจิมที่หัวแม่มือข้างขวาและที่หัวแม่เท้าข้างขวาของเขา ทับบนเลือดแห่งเครื่องบูชาไถ่การละเมิด
- 14:18 และน้ำมันที่ยังเหลืออยู่ในมือของปุโรหิตนั้น เขาจะเทบนศีรษะของผู้ที่จะรับการชำระ และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปให้เขาต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:19 และปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชาไถ่บาป และทำการลบมลทินบาปให้ผู้ที่จะรับการชำระให้พ้นจากมลทินของเขา และภายหลังเขาจึงจะฆ่าเครื่องเผาบูชา
- 14:20 และปุโรหิตจะถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องธัญญบูชาบนแท่นบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปให้เขา และเขาก็จะสะอาด
- 14:21 และถ้าผู้นั้นเป็นคนยากจนและไม่สามารถหาสิ่งของเหล่านั้นมาได้ ดังนั้น จงให้เขานำลูกแกะหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่การละเมิดเพื่อโบกพัดไปมา เพื่อทำการลบมลทินบาปให้เขา และนำแป้งละเอียดหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุกด้วยน้ำมัน เป็นเครื่องธัญญบูชากับน้ำมันหนึ่งลก
- 14:22 พร้อมกับนกเขาสองตัว หรือนกพิราบแรกรุ่นสองตัว ตามที่เขาสามารถหามาได้ และนกตัวหนึ่งจะเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และนกอีกตัวหนึ่งจะเป็นเครื่องเผาบูชา
- 14:23 และในวันที่แปดจงให้เขานำสิ่งของเหล่านั้นมาให้แก่ปุโรหิตเพื่อการชำระของตนที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมชน ถวายต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:24 และปุโรหิตจะนำลูกแกะสำหรับเครื่องบูชาไถ่การละเมิดและน้ำมันหนึ่งลกนั้น และปุโรหิตจะโบกพัดไปมาเป็นเครื่องบูชาโบกพัดถวายต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:25 และเขาจะฆ่าลูกแกะสำหรับเครื่องบูชาไถ่การละเมิด และปุโรหิตจะเอาเลือดส่วนหนึ่งของเครื่องบูชาไถ่การละเมิดมา และเจิมที่ปลายใบหูข้างขวาของผู้ที่จะรับการชำระ และเจิมที่หัวแม่มือข้างขวา และที่หัวแม่เท้าข้างขวาของเขา
- 14:26 และปุโรหิตจะเทน้ำมันบางส่วนใส่ฝ่ามือข้างซ้ายของตนเอง
- 14:27 และปุโรหิตจะเอาน้ำมันบางส่วนที่อยู่ในมือข้างซ้ายของเขานั้น ประพรมด้วยนิ้วมือข้างขวาของเขาเจ็ดครั้งต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:28 และปุโรหิตจะเอาน้ำมันบางส่วนที่อยู่ในมือของเขาเจิมที่ปลายใบหูข้างขวาของผู้ที่จะรับการชำระ และเจิมที่หัวแม่มือข้างขวาและที่หัวแม่เท้าข้างขวาของเขา ทับบนบริเวณที่เจิมด้วยเลือดแห่งเครื่องบูชาไถ่การละเมิด
- 14:29 และน้ำมันที่เหลืออยู่ในมือของปุโรหิตนั้น เขาจะเทใส่บนศีรษะของผู้ที่จะรับการชำระ เพื่อทำการลบมลทินบาปให้เขาต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:30 และเขาจะถวายนกเขาหรือนกพิราบแรกรุ่นหนึ่งตัวตามที่เขาสามารถหามาได้
- 14:31 คือตามที่เขาสามารถหามาได้ให้ถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และนกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา พร้อมกับเครื่องธัญญบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปให้ผู้ที่จะรับการชำระต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์
- 14:32 นี่เป็นพระราชบัญญัติสำหรับผู้ที่เป็นโรคเรื้อน ซึ่งเขาไม่สามารถหาสิ่งที่เป็นเครื่องบูชาเพื่อการชำระของตนได้”
- 14:33 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
- 14:34 “เมื่อเจ้าทั้งหลายเข้าไปในแผ่นดินแห่งคานาอัน ซึ่งเราให้แก่พวกเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์นั้น และเราใส่โรคเรื้อนไว้ในบ้านหลังใดหลังหนึ่งในแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายถือกรรมสิทธิ์นั้น
- 14:35 และผู้ใดที่ถือกรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนั้นจะต้องมาและบอกปุโรหิตว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นดูเหมือนมีโรคอะไรอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในบ้านนั้น’
- 14:36 แล้วปุโรหิตจะสั่งให้พวกเขาขนสิ่งของออกจากบ้านหลังนั้นให้หมด ก่อนที่ปุโรหิตจะเข้าไปเพื่อตรวจดูโรคในบ้านนั้น เกรงว่าสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในบ้านนั้นจะนับว่าเป็นมลทิน และภายหลังปุโรหิตจะเข้าไปตรวจดูบ้านนั้น
- 14:37 และเขาจะตรวจดูโรค และดูเถิด ถ้าโรคนั้นอยู่ที่ผนังของบ้านเป็นรอยสีอมเขียวหรืออมแดง และปรากฏว่าอยู่ลึกกว่าผิวของผนัง
- 14:38 แล้วปุโรหิตจะออกจากบ้านหลังนั้นไปอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และปิดบ้านนั้นเสียเจ็ดวัน
- 14:39 และในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะกลับมาอีกและจะตรวจดู ดูเถิด ถ้าโรคนั้นลามออกไปในผนังของบ้านนั้น
- 14:40 แล้วปุโรหิตจะสั่งให้เอาก้อนหินที่ติดโรคนั้นออกเสีย และพวกเขาจะนำก้อนหินเหล่านั้นไปโยนทิ้งในสถานที่ที่เป็นมลทินภายนอกนคร
- 14:41 และเขาจะสั่งให้ขูดข้างในตัวบ้านหลังนั้นโดยรอบ และฝุ่นผงที่พวกเขาขูดออกมานั้น จงให้พวกเขานำไปทิ้งเสียในสถานที่ที่เป็นมลทินภายนอกนคร
- 14:42 และพวกเขาจะหาหินก้อนอื่นมา และใส่ก้อนหินเหล่านั้นแทนก้อนหินที่นำออกไปทิ้งนั้น และเขาจะเอาปูนขาวอื่นมาและจะโบกตัวบ้านนั้น
- 14:43 และหลังจากเขาเอาก้อนหินเหล่านั้นออกแล้ว ภายหลังนั้นเขาขูดตัวบ้าน และหลังจากบ้านนั้นโบกปูนขาวใหม่แล้ว ถ้าโรคนั้นเกิดขึ้นอีกและลามออกไปในบ้านหลังนั้น
- 14:44 แล้วปุโรหิตจะไปตรวจดู และดูเถิด ถ้าโรคนั้นลามออกไปในบ้านนั้น ก็นับว่าในบ้านนั้นเป็นโรคเรื้อนอย่างร้ายแรง บ้านหลังนั้นก็เป็นมลทิน
- 14:45 และจงให้เขาทำลายบ้านหลังนั้นลงเสีย หิน ไม้และปูนขาวที่ก่อสร้างบ้านนั้น และจงให้ขนสิ่งเหล่านั้นไปทิ้งเสียภายนอกนครในสถานที่ที่เป็นมลทิน
- 14:46 ยิ่งกว่านั้น ผู้ใดเข้าไปในบ้านหลังนั้นขณะบ้านปิดอยู่ จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 14:47 และผู้ใดที่นอนลงในบ้านหลังนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของเขา และผู้ที่รับประทานสิ่งใด ๆ ในบ้านนั้นต้องซักเสื้อผ้าของเขา
- 14:48 และหากว่าปุโรหิตจะเข้าไปและตรวจดูบ้านนั้น และดูเถิด หลังจากโบกปูนขาวใหม่ในบ้านนั้นแล้ว โรคนั้นไม่ได้ลามออกไปในบ้าน ดังนั้นปุโรหิตจะประกาศว่าบ้านหลังนั้นสะอาด เพราะโรคนั้นหายแล้ว
- 14:49 และเพื่อจะชำระบ้านหลังนั้น จงให้เขานำนกสองตัวกับไม้สนซีดาร์ ด้ายสีแดง และต้นหุสบ
- 14:50 และจงให้เขาฆ่านกหนึ่งในสองตัวนั้นในภาชนะดินเผาเหนือน้ำที่กำลังไหลอยู่
- 14:51 และจงให้เขาเอาไม้สนซีดาร์ ต้นหุสบและด้ายสีแดง พร้อมกับนกตัวที่ยังเป็นอยู่นั้น และจุ่มสิ่งเหล่านั้นลงไปในเลือดของนกที่ถูกฆ่าและในน้ำที่กำลังไหลอยู่นั้น และประพรมบ้านหลังนั้นเจ็ดครั้ง
- 14:52 และเขาจะได้ชำระบ้านนั้นด้วยเลือดของนก และด้วยน้ำที่กำลังไหลอยู่และด้วยนกที่ยังเป็นอยู่ ด้วยไม้สนซีดาร์ ต้นหุสบ และด้ายสีแดง
- 14:53 แต่จงให้เขาปล่อยนกที่ยังเป็นอยู่ออกจากนครไปยังท้องทุ่ง และทำการลบมลทินให้บ้าน และบ้านหลังนั้นก็จะสะอาด”
- 14:54 นี่เป็นพระราชบัญญัติเกี่ยวกับโรคเรื้อนต่าง ๆ และโรคคัน
- 14:55 และโรคเรื้อนในเสื้อผ้า และในบ้าน
- 14:56 และอาการบวม ตกสะเก็ด และมีรอยด่าง
- 14:57 เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าเมื่อไรเรียกว่าเป็นมลทิน และเมื่อไรเรียกว่าสะอาด นี่เป็นพระราชบัญญัติเรื่องโรคเรื้อน
15
แก้ไข- พระราชสุขบัญญัติป้องกันโรคติดต่อจากน้ำคัดหลั่งบนบ้านเรือน ภาชนะ เสื้อผ้าและร่างกาย
- 15:1 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
- 15:2 “จงพูดกับชนชาติอิสราเอลและกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า เมื่อผู้ใดมีสิ่งไหลออกจากร่างกายของเขา เพราะเหตุสิ่งที่ไหลออกนั้น เขาเป็นมลทิน
- 15:3 และนี่จะเป็นกฎเกณฑ์เกี่ยวด้วยเรื่องมลทินของเขาเนื่องด้วยสิ่งที่ไหลออกของเขา ไม่ว่าร่างกายของเขามีสิ่งไหลออกหรือสิ่งที่ไหลออกคั่งอยู่ในร่างกายของเขา ก็นับว่าเป็นมลทินแก่เขา
- 15:4 เตียงทุกเตียงซึ่งผู้ที่มีสิ่งไหลออกขึ้นไปนอนก็เป็นมลทิน และทุกสิ่งที่เขาใช้รองนั่งก็จะเป็นมลทิน
- 15:5 และผู้ใดก็ตามที่แตะต้องเตียงของเขาจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:6 และผู้ใดนั่งลงบนสิ่งใด ๆ ที่ผู้มีสิ่งไหลออกได้นั่งแล้ว ผู้นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:7 และผู้ใดแตะต้องร่างกายของผู้ที่มีสิ่งไหลออก ผู้นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:8 และถ้าผู้ใดที่มีสิ่งไหลออกนั้นถ่มน้ำลายรดผู้ที่สะอาด ดังนั้น ผู้ที่ถูกน้ำลายรดจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:9 และอานรองนั่งใด ๆ ซึ่งผู้มีสิ่งไหลออกนั่งอยู่ ก็จะเป็นมลทิน
- 15:10 และผู้ใดก็ตามที่แตะต้องสิ่งใด ๆ ที่รองเขาอยู่นั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น และผู้ใดที่หยิบถือสิ่งใด ๆ เหล่านั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:11 และผู้ที่มีสิ่งไหลออกแตะต้องผู้ใดก็ตาม และไม่ได้ล้างมือของตนในน้ำก่อน ผู้ถูกแตะต้องนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:12 และภาชนะดินซึ่งผู้มีสิ่งไหลออกแตะต้องจงทุบเสีย และภาชนะไม้ทุกอย่างก็จงให้ชำระด้วยน้ำ
- 15:13 และเมื่อผู้มีสิ่งไหลออกได้ชำระสิ่งไหลออกของเขาแล้ว ดังนั้น เขาจะต้องนับการชำระของเขาให้ครบเจ็ดวัน และซักเสื้อผ้าของตน และให้เขาอาบน้ำด้วยน้ำที่กำลังไหลอยู่ และก็จะสะอาด
- 15:14 และในวันที่แปดจงให้เขานำนกเขาสองตัว หรือนกพิราบแรกรุ่นสองตัว มาต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมชน และให้สิ่งของเหล่านั้นแก่ปุโรหิต
- 15:15 และจงให้ปุโรหิตถวายสิ่งของเหล่านั้น คือนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และนกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปให้เขาต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ ด้วยเรื่องสิ่งไหลออกของเขา
- 15:16 และถ้าผู้ชายคนใดมีน้ำกามไหลออกจากเขา ดังนั้นจงให้เขาอาบน้ำชำระล้างร่างกายทั้งหมดของเขา และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:17 และเสื้อผ้าทุกชิ้นและผิวหนังทุกส่วนที่น้ำกามไหลรดนั้นจะต้องชำระล้างเสียในน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:18 และผู้ชายคนใดร่วมหลับนอนกับผู้หญิงคนใด ทั้งมีน้ำกามไหลออก ทั้งสองคนจะต้องอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:19 และถ้าผู้หญิงคนใดมีสิ่งไหลออก และสิ่งซึ่งไหลออกในร่างกายของนางนั้นเป็นโลหิตประจำเดือน นางจะต้องอยู่ต่างหากเจ็ดวัน และผู้ใดก็ตามแตะต้องนาง จะต้องเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:20 และทุกสิ่งที่นางนอนทับในเวลาที่นางแยกตัวออกนั้นก็จะเป็นมลทิน เช่นเดียวกันทุกสิ่งที่นางนั่งทับสิ่งนั้นก็จะเป็นมลทิน
- 15:21 และผู้ใดก็ตามแตะต้องที่นอนของนาง จะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:22 และผู้ใดก็ตามแตะต้องสิ่งใด ๆ ที่นางนั่งทับ จะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:23 และถ้าสิ่งนั้นอยู่บนที่นอนของนางหรือบนสิ่งใด ๆ ที่นางนั่งทับ เมื่อผู้ใดแตะต้อง ผู้นั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:24 และถ้าผู้ชายคนใดร่วมหลับนอนกับนางและมลทินของนางมาติดอยู่ที่ชายคนนั้น ชายคนนั้นจะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน และเขาไปนอนที่เตียงใด เตียงนั้นก็จะเป็นมลทิน
- 15:25 และถ้าผู้หญิงคนใดมีโลหิตไหลออกหลายวัน ไม่ใช่เป็นเวลาที่นางต้องแยกตัวออก หรือถ้านางมีโลหิตไหลออกเลยเวลาที่นางต้องแยกตัวออกนั้น ทุกวันที่มีโลหิตไหลออกนางจะเป็นมลทินอย่างเดียวกับเวลาที่นางต้องแยกตัวออกนั้น นางจะต้องเป็นมลทิน
- 15:26 เตียงทุกเตียงที่นางนอนในเวลาที่นางมีสิ่งไหลออก เตียงนั้นจะเป็นเหมือนเตียงในเวลาที่นางต้องแยกตัวออกนั้น และสิ่งใดก็ตามที่นางนั่งทับจะเป็นมลทิน อย่างเดียวกับมลทินในเวลาที่นางต้องแยกตัวออกนั้น
- 15:27 และผู้ใดก็ตามที่แตะต้องสิ่งเหล่านั้น ก็จะเป็นมลทิน และจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและให้เขาอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
- 15:28 แต่ถ้านางถูกชำระจากสิ่งไหลออกของนางแล้ว ดังนั้นจงให้นางนับเองจนครบเจ็ดวัน และหลังจากนั้นนางก็จะสะอาด
- 15:29 และในวันที่แปดจงให้นางนำนกเขาสองตัว หรือนกพิราบแรกรุ่นสองตัว และนำนกเหล่านั้นไปให้ปุโรหิตที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมชน
- 15:30 และปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และนกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปให้นางต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ ด้วยเรื่องสิ่งไหลออกที่เป็นมลทินของนาง
- 15:31 ดังนี้แหละพวกเจ้าจะให้ชนชาติอิสราเอลแยกออกจากมลทินของเขาทั้งหลาย เพื่อว่าพวกเขาจะไม่ต้องตายด้วยมลทินของเขา เมื่อเขาทั้งหลายทำให้พลับพลาของเราที่อยู่ท่ามกลางพวกเขาเป็นมลทิน”
- 15:32 นี่เป็นพระราชบัญญัติเรื่องผู้ที่มีสิ่งไหลออกและเรื่องผู้ที่มีน้ำกามไหลออก และกระทำให้ตัวเป็นมลทิน
- 15:33 และเกี่ยวกับผู้หญิงที่ป่วยด้วยมลทินของนาง และเกี่ยวกับผู้ที่มีสิ่งไหลออกไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง และเกี่ยวกับผู้ชายที่ร่วมหลับนอนกับผู้หญิงที่เป็นมลทิน
บทที่: | 1· | 2· | 3· | 4· | 5· | 6· | 7· | 8· | 9· | 10· |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11· | 12· | 13· | 14· | 15· | 16· | 17· | 18· | 19· | 20· | |
21· | 22· | 23· | 24· | 25· | 26· | 27· |
อ้างอิง
แก้ไขดูเพิ่ม
แก้ไขวิกิพีเดีย มีบทความเรื่อง: