พระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค รัตนโกสินทรศก 127


ตราราชโองการ
ตราราชโองการ
พระราชบัญญัติป้องกัน
สัญจรโรค
รัตนโกสินทร ๑๒๗

มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศจงทราบทั่วกัน ด้วยทรงพระราชดำริห์เห็นว่า ทุกวันนี้ หญิงบางจำพวกประพฤติตนอย่างที่เรียกว่า หญิงนครโสเภณี มีหัวหน้ารวบรวมกันตั้งโรงหาเงินขึ้นหลายตำบล แต่ก่อนมา การตั้งโรงหญิงนครโสเภณี นายโรงช่วยไถ่หญิงมาเปนทาษ รับตั๋วจากเจ้าภาษีแล้วตั้งเปนโรงขึ้น ครั้นต่อมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกทาษเสียแล้ว หญิงบางจำพวกที่สมัคเข้าเปนหญิงนครโสเภณีก็รับตั๋วจากเจ้าภาษีแล้วมีหัวหน้ารวบรวมกันตั้งโรงขึ้นในท้องที่อันควรบ้างมิควรบ้าง กระทำให้มีเหตุเกิดการวิวาทขึ้นเนือง ๆ อีกประการหนึ่ง หญิงบางคนป่วยเปนโรคซึ่งอาจจะติดต่อเนื่องไปถึงผู้ชายที่คบหาสมาคมได้ ก็มิได้มีแพทย์ตรวจตรารักษา โรคร้ายนั้นอาจจะติดเนื่องกันไปจนถึงเปนอันตรายแก่ร่างกายและชีวิตมนุษย์เปนอันมาก และยังหาได้มีกฎหมายและข้อบังคับอย่างใดสำหรับจะป้องกันทุกข์โทษไภยแห่งประชาราษฎรทั้งหลายเหล่านี้ไม่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้สืบไปดังนี้



มาตรา  พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค รัตนโกสินทร ๑๒๗

มาตรา  พระราชบัญญัตินี้ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เมื่อใด ในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองมณฑลใด จะได้ประกาศกำหนดวันในหนังสือราชกิจจานุเบกษาภายหลัง ส่วนหัวเมืองมณฑลใดที่ไม่ได้ประกาศให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ ห้ามมิให้ตั้งโรงหญิงนครโสเภณีเปนอันขาด

มาตรา  เมื่อได้ใช้พระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้เลิกวิธีเก็บภาษีบำรุงถนนแต่เดิมนั้นเสีย



มาตรา  คำว่า “เสนาบดี” หมายความว่า เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย หรือเสนาบดีกระทรวงนครบาล ผู้บังคับบัญชาการท้องที่ซึ่งได้ใช้พระราชบัญญัตินี้

คำว่า “เจ้าพนักงาน” หมายความว่า เจ้าพนักงานต่าง ๆ ซึ่งเสนาบดีเจ้ากระทรวงได้มอบให้มีหน้าที่ทำการตามพระราชบัญญัตินี้

คำว่า “หญิงนครโสเภณี” หมายความว่า หญิงที่รับจ้างทำชำเราสำส่อนโดยได้รับเงินผลประโยชน์เปนค่าจ้าง

มาตรา  ถ้าผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งไดตั้งโรงหญิงนครโสเภณีอยู่แล้วหรือจะตั้งขึ้นใหม่ณตำบลใดตำบลหนึ่ง ควบคุมหญิงนครโสเภณีคนหนึ่งหรือหลายคนก็ดี ผู้นั้นชื่อว่า นายโรงหญิงนครโสเภณี ตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ผู้ซึ่งจะเปนนายโรงนั้น อนุญาตให้เปนได้เฉภาะแต่ผู้ที่เปนหญิงด้วยกัน



มาตรา  ห้ามมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งตั้งโรงหญิงนครโสเภณีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเปนอันขาด

มาตรา  ถ้าผู้ใดผู้หนึ่งที่ตั้งโรงอยู่ก่อนแล้วก็ดี หรือที่จะตั้งใหม่ก็ดี ปราถนาจะตั้งโรงหญิงนครโสเภณี ก็ให้ผู้นั้นทำเรื่องราวมายื่นขออนุญาตต่อเจ้าพนักงาน เมื่อเจ้าพนักงานเห็นสมควรออกใบอนุญาตให้แล้ว จึงจะตั้งโรงหญิงนครโสเภณีได้ ใบอนุญาตนั้น ใช้ได้แต่เฉภาะนายโรงผู้นั้นผู้เดียว ห้ามมิให้เอาใบอนุญาตไปให้ผู้อื่นใช้ หรือเอาใบอนุญาตของผู้อื่นมาใช้เปนอันขาด

มาตรา  นายโรงผู้ใดได้รับอนุญาตตั้งโรงหญิงนครโสเภณีในตำบลใดแล้ว ถ้าจะย้ายไปตั้งที่ตำบลอื่น ก็ให้ชี้แจงเหตุผลที่จะต้องย้ายไปนั้นต่อเจ้าพนักงานก่อน เมื่อเจ้าพนักงานตรวจเห็นชอบเปลี่ยนตำบลในใบอนุญาตให้แล้ว จึงจะย้ายไปได้

มาตรา  ถ้านายโรงผู้ใดประพฤติการให้เปนที่เดือดร้อนรำคานแก่มหาชน หรือก่อเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ซึ่งเจ้าพนักงานเห็นว่า ไม่เปนการสมควร เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะถอนใบอนุญาตนั้นคืนเสียทีเดียว หรือจะเรียกใบอนุญาตคืนเสียชั่วคราวหนึ่งก็ทำได้

มาตรา ๑๐ นายโรงทั้งปวงจะรับเลี้ยงหญิงนครโสเภณีไว้ได้ก็เฉภาะแต่หญิงนั้นมีความสมัค ถ้าหญิงนครโสเภณีผู้ใดไม่สมัคอยู่ด้วย นายโรงไม่มีอำนาจที่จะกักขังขัดขวางหญิงนครโสเภณีผู้นั้นไว้ได้ นายโรงหญิงนครโสเภณีจะต้องทำบาญชีคนที่มีประจำ หรือที่เข้ามาอยู่ใหม่ หรือไปจากโรง หรือมีเหตุล้มตายประการใด ๆ ก็ดี ยื่นชี้แจงต่อเจ้าพนักงานให้ทราบภายในกำหนด ๒๔ ชั่วโมง ตามแบบที่เจ้าพนักงานจะกำหนดให้

มาตรา ๑๑ ผู้เปนนายโรงหญิงนครโสเภณีนั้น จะต้องปกครองและควบคุมหญงนครโสเภณีที่อยู่ในโรงของตนให้เปนการเรียบร้อย ห้ามมิให้นายโรงรับหญิงนครโสเภณีที่มิได้มีใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานไว้ และห้ามมิให้นายโรงทำสัญญากับหญิงนครโสเภณีด้วยเรื่องออกเงินล่วงหน้าให้รับจ้างเปนหญิงนครโสเภณีอยู่กับตนเปนอันขาด ถ้าสัญญาเช่นนี้มีขึ้น ก็เปนอันใช้ไม่ได้

มาตรา ๑๒ นายโรงหญิงนครโสเภณีจะต้องตรวจตราดูแลรักษาและจัดโรงของตนให้เปนไปดังนี้ คือ—

 หน้าโรงต้องเปนที่กำบังปกปิดมิดชิด อย่าให้คนเดิรทางไปมาแลเห็นตลอดเข้าไปในโรงนั้นได้

 หน้าโรง หลังโรง และบริเวณของโรงนั้นต้องให้สอาด ปราศจากสิ่งโสโครกและสิ่งที่รกรุงรังต่าง ๆ

 ต้องมีโคมแขวนไว้หน้าโรงเปนเครื่องหมายด้วย

 ห้ามมิให้นายโรงทำที่กักขังหญิงนครโสเภณี

 ห้ามมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งเลี้ยงเด็กหญิงอันมีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปีลงมาไว้ในโรงของตนเปนอันขาด

มาตรา ๑๓ ถ้านายโรงหญิงนครโสเภณีจัดเครื่องทองเงินรูปภัณฑ์ หรือเครื่องประดับเพ็ชร์พลอย เครื่องนุ่งห่ม ให้หญิงนครโสเภณีตกแต่งหรือยืมใช้ แม้ของเหล่านั้นจะเปนอันตรายสูญหายไป นายโรงจะฟ้องหาว่า หญิงนครโสเภณีลักขะโมยหรือยักยอก ไม่ได้

มาตรา ๑๔ ผู้จะตั้งโรงหญิงนครโสเภณีต้องเสียเงินค่ารับใบอนุญาตเปนนายโรงฉบับละ ๓๐ บาท ในใบอนุญาตนั้น ให้มีกำหนดเวลาไม่เกินกว่า ๓ เดือนนับตั้งแต่วันที่ได้ลงในใบอนุญาตและได้จดทะเบียนไว้เป็นต้นไป



มาตรา ๑๕ ถ้าหญิงผู้ใดสมัคเปนหญิงนครโสเภณี ให้หญิงผู้นั้นมาขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ก่อน เมื่อเจ้าพนักงานเห็นสมควรและออกใบอนุญาตให้แล้ว จึงจะไปเปนหญิงนครโสเภณีได้ และใบอนุญาตนั้นให้ใช้ได้แต่เฉภาะตัว ห้ามมิให้ใช้ใบอนุญาตของผู้อื่น หรือเอาใบอนุญาตของตัวไปให้ผู้อื่นใช้เปนอันขาด

มาตรา ๑๖ ห้ามมิให้หญิงนครโสเภณีผู้ใดผู้หนึ่งแสดงกิริยาอาการให้เปนที่รำคานแก่ผู้คนที่เดิรผ่านไปมาภายนอกโรง เช่น ยื้อแย่งฉุดคร่าล้อเลียน เปนต้น

มาตรา ๑๗ ถ้าหญิงนครโสเภณีผู้ใดสมัคจะเข้าอยู่ในโรงใดแล้ว ภายหลังไม่พอใจจะอยู่ในโรงนั้น จะย้ายไปอยู่ในโรงอื่น ก็ให้หญิงผู้นั้นชี้แจงขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานก่อน เมื่อเจ้าพนักงานเห็นสมควรและอนุญาตให้แล้ว จึงจะย้ายไปได้

มาตรา ๑๘ ถ้าหญิงนครโสเภณีผู้ใดกลับใจจะละความประพฤติเปนหญิงนครโสเภณีมาขอถอนใบอนุญาตและหักทะเบียน ก็ให้เจ้าพนักงานถอนใบอนุญาตและหักทะเบียนให้ตามควรประสงค์ของหญิงผู้นั้น

มาตรา ๑๙ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเปนหญิงนครโสเภณีจะต้องเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฉบับละ ๑๒ บาท และให้มีกำหนดเวลาอนุญาตไม่เกินกว่า ๓ เดือนครั้งหนึ่งนับตั้งแต่วันที่ลงใบอนุญาตเปนต้นไป



มาตรา ๒๐ เมื่อมีผู้มาขอตั้งโรงหญิงนครโสเภณีณท้องที่ตำบลใด ให้เจ้าพนักงานสอบสวนก่อนว่า ที่นั้นจะควรอนุญาตให้ตั้งหรือไม่ เมื่อเห็นสมควรและได้รับอนุมัติจากเสนาบดีหรือข้าหลวงเทศาภิบาลแล้ว จึงให้ออกใบอนุญาตให้

มาตรา ๒๑ ให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตทำบาญชีโรงหญิงนครโสเภณีที่ได้ออกใบอนุญาตยื่นต่อเสนาบดีกระทรวงนครบาลหรือข้าหลวงเทศาภิบาลผู้บังคับบัญชาการท้องที่ซึ่งได้ใช้พระราชบัญญัตินี้ทุก ๆ เดือน เพื่อได้ทราบว่า ผู้ใดได้ตั้งโรงหญิงนครโสเภณีที่ตำบลใด มีจำนวนหญิงนครโสเภณีเท่าใด ได้ถอนใบอนุญาตเสียหรือเลิกไปโดยเหตุประการใดเท่าใด คงมีตั้งอยู่เท่าใด เจ้าพนักงานจะต้องคอยคะวังแก้ไขให้ถูกต้องเสมอ

มาตรา ๒๒ ถ้าหญิงผู้ใดจะขอรับอนุญาตเปนหญิงนครโสเภณี ให้เจ้าพนักงานสอบสวนให้ได้ความดังนี้ก่อน คือ

 ผู้จะรับใบอนุญาตมีอายุเกินกว่า ๑๕ ปีแล้วหรือยัง

 เปนผู้สมัครด้วยตนเองหรือไม่

 เปนผู้ที่ไม่มีโรคที่จะติดต่อกันได้หรืออย่างไร เมื่อพร้องทั้ง ๓ อย่างนี้แล้ว จึงให้ออกใบอนุญาตให้

มาตรา ๒๓ ใบอนุญาตนั้นให้ลงวันเดือนปีที่ออก และวันเดือนปี อายุ ตำหนิรูปพรรณของหญิง และตำบลที่หญิงนครโสเภณีผู้นั้นจะอยู่โดยลำพังตนเองหรือในโรงหนึ่งโรงใดให้ชัดเจน แล้วให้หญิงนั้นกดลายมือไว้เปนสำคัญด้วย

มาตรา ๒๔ บรรดาใบอนุญาตที่เจ้าพนักงานออกให้แก่ผู้ตั้งโรงหญิงนครโสเภณีนั้น ให้ลงตำบลที่ตั้งและวันเดือนปีที่ได้ออกไปด้วย

มาตรา ๒๕ ถ้าเจ้าพนักงานจะตรวจใบอนุญาตของหญิงนครโสเภณีผู้ใด เวลาใด หญิงนครโสเภณีผู้นั้นต้องยอมให้เจ้าพนักงานตรวจในเวลานั้น ถ้าไม่มีใบอนุญาต ก็ให้จัดการตามพระราชบัญญัติ

มาตรา ๒๖ ถ้าเจ้าพนักงานเห็นว่า หญิงนครโสเภณีผู้ใดจะเปนโรคติดต่อกันได้ จะส่งให้แพทย์ตรวจโรคหญิงนครโสเภณีผู้นั้นเวลาใดเมื่อใดก็ได้ นายโรงต้องยอมให้แพทย์ตรวจทุกเวลา

มาตรา ๒๗ ถ้ามีข้อควรสงไสยว่า หญิงนครโสเภณีผู้ใดป่วยเปนโรคซึ่งอาจจะติดต่อกันได้ ก็ให้นำตัวหญิงผู้นั้นมาให้เจ้าพนักงานแพทย์ตรวจณที่ซึ่งได้จัดไว้ เมื่อเห็นว่า ผู้นั้นป่วยเปนโรคซึ่งอาจจะติดต่อกันได้จริง ก็อย่าให้เจ้าพนักงานออกใบอนุญาตให้ หรือเปนผู้ที่ถือใบอนุญาตอยู่แล้ว ก็ให้เรียกใบอนุญาตคืนเสียชั่วคราวหนึ่ง แลวให้ส่งตัวหญิงผู้นั้นไปรักษาณโรงพยาบาลกว่าจะหาย หรือว่า สมัคจะรักษาตนเองณที่ใด ๆ ก็ได้ และเมื่อผู้นั้นหายป่วยเปนปรกติแล้วได้นำหนังสือสำคัญของแพทย์มายื่นขอรับใบอนุญาต ก็ให้เจ้าพนักงานออกใบอนุญาตให้



มาตรา ๒๘ ผู้ใดตั้งโรงหญิงนครโสเภณีโดยไม่มีใบอนุญาต หรือเอาใบอนุญาตของผู้อื่นมาใช้ ให้มีโทษปรับเปนเงินคราวหนึ่งไม่เกินกว่า ๒๐๐ บาท หรือจำคุกมีกำหนดไม่เกินกว่า ๖ เดือน หรือทั้งปรับและจำด้วยทั้ง ๒ สถาน

มาตรา ๒๙ ถ้าผู้ใดย้ายโรงหญิงนครโสเภณีไปตั้งในที่ ๆ ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานก็ดี หรือขัดขวางหญิงนครโสเภณีซึ่งไม่มีความสมัคจะอยู่ด้วยต่อไปไว้ก็ดี หรือรับหญิงที่ยังไม่ได้มีใบอนุญาตเปนหญิงนครโสเภณีไว้ก็ดี หรือทำการขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติตรวจใบอนุญาตและตรวจโรคในตัวก็ดี ผู้นั้นมีความผิด ให้ปรับเปนเงินคราวหนึ่งไม่เกินกว่า ๑๐๐ บาท หรือจำคุกมีกำหนดไม่เกิน ๓ เดือน หรือทั้งปรับและจำด้วยทั้ง ๒ สถาน

มาตรา ๓๐ ถ้าหญิงผู้ใดมาขอรับใบอนุญาตเปนหญิงนครโสเภณี แต่อายุของตนยังไม่ครบ ๑๕ ปี แกล้งหลอกลวงเจ้าพนักงานว่า ตนมีอายุเกินกว่า ๑๕ ปีดังว่าไว้ในมาตรา ๒๒ ก็ดี หรือกระทำการล่วงเลมิดไม่ขอใบอนุญาตสำหรับตัวก่อนประพฤติตนเปนหญิงนครโสเภณีก็ดี หรือเอาใบอนุญาตของผู้อื่นมาใช้ตามความในมาตรา ๑๕ ก็ดี ผู้นั้นมีความผิด ให้ปรับเปนเงินคราวหนึ่งไม่เกินกว่า ๑๐๐ บาท หรือจำคุกมีกำหนดไม่เกินกว่า ๓ เดือน หรือทั้งปรับและจำด้วยทั้ง ๒ สถาน

มาตรา ๓๑ ถ้าหญิงนครโสเภณีผู้ใดกระทำการทุราจารแก่ผู้ที่เดิรทางไปมาภายนอกโรงตามความในมาตรา ๑๖ ก็ดี หรือย้ายจากโรงที่อยู่ซึ่งได้รับอนุญาตไว้เดิมไปอยู่โรงอื่นก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามความในมาตรา ๑๗ ก็ดี ผู้นั้นมีความผิด ให้ปรับเปนเงินคราวนั้นไม่เกินกว่า ๒๐ บาท หรือจำคุกมีกำหนดไม่เกินกว่า ๑ เดือน หรือทั้งปรับและจำด้วยทั้ง ๒ สถาน

มาตรา ๓๒ ห้ามมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งบังคับ กดขี่ หรือล่อลวงหญิงผู้ใดผู้หนึ่งที่ไม่สมัคเปนหญิงนครโสเภณีจนกระทำให้หญิงผู้นั้นต้องจำใจเปนหญิงนครโสเภณีด้วยอุบายอย่างใดอย่างหนึ่งเปนอันขาด ถ้าผู้ใดข่มขืนหญิงให้เปนหญิงนครโสเภณีด้วยอุบายประการใด ๆ ก็ดี ผู้นั้นมีโทษตามพระราชบัญญัติลักษณะข่มขืนล่วงประเวณี



มาตรา ๓๓ ให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยและเสนาบดีกระทรวงนครบาลเปนผู้รักษาการให้เปนไปตามพระราชบัญญัตินี้ทุกประการ และเมื่อเห็นจำเปนจะต้องมีกฎข้อบังคับเพื่อให้เจ้าพนักงาน และเจ้าของโรงหญิงนครโสเภณี หรือตัวหญิงนครโสเภณี ประพฤติให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติด้วยประการใด ๆ ก็ให้ตั้งกฎข้อบังคับสำหรับประกอบพระราชบัญญัตินี้ใช้ เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตและประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็ให้ใช้กฎข้อบังคับนั้นเหมือนดังส่วนหนึ่งแห่งพระราชบัญญัตินี้

ประกาศมาณวันที่ ๑๓ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เปนวันที่ ๑๔๓๖๗ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ ๚

บรรณานุกรม แก้ไข

 

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"