พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา (2457)/ส่วน 3/ตอน 11

อธิบายเรื่องในสมัยขุนวรวงษาธิราช

เรื่องพงษาวดารตอนนี้เปนเรื่องความชั่ว ไม่น่าอธิบาย แต่หนังสือที่เรียงเรื่องไว้ ถ้าอ่านโดยไม่พิเคราะห์ อาจจะไม่เข้าใจตามความจริง ข้าพเจ้าจึงทำอธิบายเรื่องนี้ตามที่พิเคราะห์เห็นว่า ความจริงจะเปนอย่างไร ให้ผู้ศึกษาพงษาวดารได้พิจารณา

เมื่อสมเด็จพระไชยราชาธิราชสวรรคต ไม่มีราชโอรสที่เกิดด้วยพระมเหษี มีแต่ลูกยาเธอเกิดด้วยท้าวศรีสุดาจันทร์อันเปนพระสนมเอก ๒ พระองค์ พระองค์ใหญ่ทรงพระนาม พระยอดฟ้า พระชัณษา ๑๑ ปี พระองค์น้อยทรงพระนาม พระศรีศิลป์ พระชัณษา ๕ ปี.

ที่ว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์เปนพระสนมเอกนั้น เพราะในกฎหมายทำเนียบศักดินาบอกไว้ชัดว่า ตำแหน่งท้าวอินทรสุเรนทร ท้าวศรีสุดาจันทร ท้าวอินทรเทวี ท้าวศรีจุฬาลักษณ ทั้ง ๔ นี้ เปนพระสนมเอก จึงเรียกว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์ ในคำอธิบายนี้

เรื่องสมเด็จพระไชยราชาธิราชสวรรคต ได้กล่าวมาแล้วว่า หนังสือพระราชพงษาวดารเถียงกันอยู่ ข้าพเจ้าเชื่อตามฉบับหลวงประเสริฐว่า สมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จกลับมาถึงพระนครแล้ว จึงประชวรสวรรคต แลเชื่อว่า ในเวลานั้น จะยังไม่มีเหตุเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์คบชู้ เหตุนั้นจะเกิดเมื่อท้าวศรีสุดาจันทร์ว่าราชการแผ่นดินในรัชกาลของสมเด็จพระยอดฟ้า

ที่จริง เนื้อเรื่องในตอนนี้ เวลานานถึง ๒ ปีเศษ ควรเข้าใจว่า เหตุการณ์เปน ๒ ตอน ๆ แรก ตั้งแต่ท้าวศรีสุดาจันทร์ไปเห็นพันบุตรศรีเทพที่หอพระ มีความประดิพัทธ จึงให้ย้ายเข้าไปเปนขุนชินราช พนักงานรักษาหอพระข้างใน แล้วท้าวศรีสุดาจันทร์ลอบเปนชู้กับขุนชินราช ตอนนี้เปนแต่การลอบคบชู้ เห็นว่า จะไม่ได้ตั้งใจจะให้เกี่ยวข้องถึงราชการบ้านเมือง ท้าวศรีสุดาจันทร์กับขุนชินราชจะลอบเปนชู้กันอยู่กว่าปี แต่ปกปิดความชั่วมิดชิด ไม่มีใครรู้แพร่หลาย การบ้านเมืองจึงเรียบร้อยเปนปรกติ โดยคนทั้งหลายเชื่อว่า สมเด็จพระยอดฟ้ามั่นคงอยู่ในราชสมบัติ ตอนที่ ๒ ที่จะเกิดเปนเหตุใหญ่โตนั้น ตั้งแต่ท้าวศรีสุดาจันทร์มีครรภ์ขึ้นมา เมื่อเห็นว่า จะปิดความชั่วไว้ไม่มิด เกรงไภยอันตราย จึงคิดอุบายแก้ไขเกี่ยวข้องไปถึงราชการ.

อุบายของท้าวศรีสุดาจันทร์ที่ปรากฎในหนังสือพระราชพงษาวดารนั้น เบื้องต้น เลื่อนขุนชินราชให้เปนขุนวรวงษาธิราช (ชื่อเปนชื่อราชนิกูล ที่หนังสือพระราชพงษาวดารว่า เปนข้าหลวงเดิม ที่จริงเห็นจะเปนญาติกับท้าวศรีสุดาจันทร์) ตำแหน่งขุนวรวงษาธิราชจะอยู่ในกรมไหนไม่ปรากฎ เข้าใจว่า เห็นจะเปนในสนมกรมวัง คงเอาไว้ในที่ใกล้ชิดสำหรับใช้สอยต่างหูต่างตา ที่ว่า ปลูกจวนให้อยู่ริมศาลาสารบาญชีนั้น ก็แปลว่า ขุนวรวงษาธิราชไม่มีบ้านเรือน จึงให้ปลูกเรือนให้อยู่แห่ง ๑ อยู่ใกล้ ๆ กำแพงวัง ซึ่งไม่เปนการอัศจรรย์อันใดในครั้งนั้น คงจะยังไม่มีใครสงไสยสนเท่ห์นัก แล้วให้ขุนวรวงษาธิราชพิจารณาเลขสมสังกัดพรรค์ คือ เปนพนักงานชำระเรียกคนเข้ารับราชการทหาร ความข้อนี้ ในจดหมายเหตุของปินโตโปตุเกตว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์อ้างว่า พระเจ้าแผ่นดินยังทรงพระเยาว์ เกรงไภยอันตราย จึงเกณฑ์ทหารมาล้อมวงประจำซองไว้เปนอันมาก บางทีความจะตรงกับที่หนังสือพระราชพงษาวดารว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์ให้ขุนวรวงษาธิราชชำระเลขสมสังกัดพรรค์นี้ เห็นพอจะยุติเปนความจริงได้ว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์จะอ้างเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งเกณฑ์ทหารมาไว้เปนอันมาก แลให้ขุนวรวงษาธิราชเปนผู้บังคับบัญชาเปนกำลังรักษาตัว ต่อมา เห็นจะเปนเมื่อท้าวศรีสุดาจันทร์มีครรภ์ขึ้น จะออกหน้าว่าราชการเสมอดังแต่ก่อนไม่ถนัด จึงให้ขุนวรวงษาธิราชซึ่งเปนผู้บังคับทหารอยู่แล้วเข้ามาอยู่ที่จวนในวังที่ริมต้นหมัน แลให้รับคำสั่งไปสั่งราชการแทนตัว ความสงไสยแลเสียงที่โจทย์ซุบซิบจะมีขึ้นมากในเวลานี้ เมื่อกิติศัพท์แพร่หลายรู้กันเปนแน่ว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์มีชู้ แลเอาชู้ขึ้นว่าราชการแผ่นดิน น่าจะมีข้าราชการที่จะคิดกำจัดขุนวรวงษาธิราชหลายพวก ไม่แต่พวกขุนพิเรนทรเทพพวกเดียว พระยามหาเสนาก็จะอยู่ในพวกที่จะคิดกำจัดขุนวรวงษาธิราชคน ๑ ท้าวศรีสุดาจันทร์จึงให้แทงเสีย ถึงสมเด็จพระยอดฟ้าที่ถูกปลงพระชนม์นั้นก็อาจจะเปนด้วยคิดอ่านกับข้าราชการที่มีความสัตย์ซื่อจะกำจัดขุนวรวงษาธิราช ๆ จึงชิงปลงพระชนม์เสีย การคงจะจวนเกิดจลาจลเต็มที ท้าวศรีสุดาจันทร์เห็นจะแก้ไขด้วยอุบายอย่างอื่นไม่ได้ เชื่อว่า ขุนวรวงษาธิราชมีกำลังทแกล้วทหารมากอยู่แล้ว จึงออกหน้ากันไปตามเลย เอาขุนวรวงษาธิราชขึ้นราชาภิเศก อยู่ในราชสมบัติ (ตามฉบับหลวงประเสริฐ) ได้ ๔๒ วัน ก็ถูกกำจัดทั้งตัวขุนวรวงษาธิราช ท้าวศรีสุดาจันทร์ แลบุตรีที่เกิดด้วยกัน เรื่องจริงจะเปนอย่างว่ามานี้ เพราะมีแต่ผู้คิดจะกำจัด กับผู้ที่จำใจอยู่ด้วยความกลัว ไม่มีใครเข้าด้วยคนร้าย จึงไม่ปรากฎว่า ผู้หนึ่งผู้ใดนอกจาก ๓ คนนั้น กับอ้ายจันอุปราชอิกคน ๑ ถูกฆ่าฟันในเวลานั้นหรือถูกรับอาญาอย่างหนึ่งอย่างใดในเวลาต่อมาในเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์