พระราชพงสาวดารกรุงสรีอยุธยา ฉบับความสมเด็ดกรมพระปรมานุชิตชิโนรส/เล่ม 1/ตอน 4

แผ่นดินเจ้าท้องลั่น
และสมเด็ดพระราเมสวร

สักราช 744 ปีจอ จัตวาสก, สมเด็ดพระบรมราชาธิราชเจ้าสเด็ดสวรรคต หยู่ไนราชสมบัติ 13 ปี, จึ่งเจ้าท้องลั่น ราชกุมาร ขึ้นครองราชสมบัติได้เจ็ดวัน สมเด็ดพระราเมสวรสเด็ดลงมาแต่เมืองลพบุรี, เข้าไนพระราชวัง กุมเอาตัวเจ้าท้องลั่นได้ ไห้พิคาตเสียนะวัดโคกพระยา.

สักราช 745 ปีชวด ฉสก, พระราเมสวรไห้เลียบพลไว้ยกขึ้นไปเมืองเชียงไหม่, ตั้งค่ายหลวงไกล้คูเมือง ๑๕๐ เส้น, ไห้นายทัพนายกองตั้งค่ายล้อมและแต่งการปล้นเอาจงได้. ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยิงปืนไหย่ออกมาถูกกำแพงเมืองพังประมาณห้าวา, พระเจ้าเชียงไหม่ขึ้นยืนถือพัชนีหยู่บนเชิงเทิน ไห้ทหานเอาหนังสือแขวนลูกธนูยิงลงมา. ไนหนังสือนั้นว่า ขอพระราชทานไห้งดสักเจ็ดวัน, จะนำเครื่องพระราชบรรนาการออกไปจำเรินพระราชไมตรี. พระเจ้าหยู่หัวจึ่งปรึกสาด้วยมุขมนตรีว่า พระเจ้าเชียงไหม่ไห้มีหนังสือออกมาดังนี้ ควนจะให้งดไว้หรือประการได. มุขมนตรีนายทัพนายกองปรึกสาวา เกลือกพระเจ้าเชียงไหม่จะเตรียมการมิทัน จึ่งคิดกลอุบายมา, ขอพระราชทานไห้ปล้นเอาเมืองจงได้. สมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวตรัดว่า เปนพระเจ้าแผ่นดินไหย่ เขาไม่รบแล้วเราจะไห้รบนั้นมิควน, ถึงมาทว่าพระเจ้าเชียงไหม่จะมิได้คงหยู่ไนสัจจานุสัจก็ดี, ไช่ว่าจะพ้นมือทหานเรานั้นเมื่อไรมี. หายไนเมืองเชียงไหม่นั้นก็ตีแตะบังที่กำแพงทลายแล้วนั้นไห้ก่อขึ้น ครั้นถ้วนเจ็ดวันแล้ว พระเจ้าเชียงไหม่มิได้แต่งเครื่องจำเรินพระราชไมตรีออกมา, นายทัพนายกองข้าทหานร้องทุขว่า, ข้าวไนกองทัพทนานละสิบสลึงหาที่ซื้อมิได้, จะขอพระราชทานเร่งปล้น. พระเจ้าหยู่หัวบันชาตามนายทัพนายกอง. ซงพระกรุนาสั่งไห้เลิกกองทัพเสียด้านหนึ่ง, ไห้เร่งปล้นวันนะวันจันท เดือนสี่ ขึ้นสี่ค่ำ. เพลาสามทุ่ม สองบาท เดือนตก, เจ้าพนักงานยิงปืนไหย่น้อยระดมทั้งสามด้าน, เอาบันไดหกพาดปีนกำแพงขึ้นไป. พระเจ้าเชียงไหมต้านทานมิได้, ก็พาครัวหนีอพยพหนีออกเพลา 11 ทุ่ม ทหานเข้าเมืองได้, ได้แต่นักส้าง บุตรพระเจ้าเชียงไหม่องค์หนึ่ง มาถวาย. พระเจ้าหยู่หัวตรัดต่อนักส้างว่า, พระเจ้าเชียงไหม่ บิดาท่าน หาสัจจานุสัจมิได้, เราคิดว่า จะออกมาหาเราโดยสัจ เราจะไห้ครองราชสมบัติ. ตรัดดั่งนั้นแล้ว ก็ไห้นักส้างถวายสัจจานุสัจ. พระเจ้าหยู่หัวก็ไห้แบ่งไพร่พลเมืองไว้พอสมควน, เหลือนั้นไห้กวาดครัวอพยพหยิงชายลงมา. ไห้นักล้างลงมาส่งสเด็ดถึงเมืองสว่างคบุรี. ซงพระกรุนาไห้นักส้างกลับขึ้นไปครองราชสมบัตินะเมืองเชียงไหม่ พระเจ้าหยู่หัวสเด็ดยังไนมืองพระพิสนุโลก, นมัสการพระชินราชชินสีห เปลื้องเครื่องต้นถวายซงสักการะบูชาสมโภชเจ็ดวัน, แล้วสเด็ดลงมาพระนคร และลาวซึ่งต้อนลงมานั้นไห้ส่งไปไว้เมืองพัทลุง, เมืองสงขลา, เมืองนครสรีธัมราช, เมืองจันทบุรี, แล้วสเด็ดออกซงสีลยังพระที่นั่งมังคลาภิเสก, เพลา 10 ทุ่ม ทอดพระเนตรไปโดยฝ่ายทิสบูรพ, เห็นพระสาริริกบรมธาตุปาติหารย์, เรียกปลัดวังไห้เอาพระราชยานซงสเด็ดออกไป, ไห้กรุยปักขึ้นไว้ สถาปนาพระมหาธาตุนั้นสูง 19 วา ยอดนพสูนย์สูงสามวา, แล้วขนานนามไห้ชื่อ วัดมหาธาตุ, และไห้ทำพระราชพิธีประเวสพระนครและเฉลิมพระราชมนเทียร. ขนะนั้น พระยากัมพูชายกเข้ามาถึงเมืองชลบุรี, กวาดครัวอพยพหญิงชายไนเมืองชลบุรีและเมืองจันทุบรี, คนประมานหกพันเจ็ดพัน กลับไปเมืองกัมพูชาธิบดี. สมเด็ดพระพุทธเจ้าหยู่หัวไห้พระยาไชยนรงค์เปนทัพหน้า, ยกไปถึงสพานแยก. ชาวกัมพูชาออกมาตีทัพพระยาไชยนรงค์, ได้รบพุ่งกันเปนสามาถ, พระยากัมพูชาก็แตกฉาน. พระเจ้าหยู่หัวไห้ตั้งค่ายประจำทัพหยู่สามวัน, แล้วยกเข้าตีแตกฉาน เข้าเมืองได้ พระยากัมพูชาลงเรือหนี. พระเจ้าหยู่หัวลงจากช้าง ไห้ยิงปืนนกสับลงไปต้องหม้อดินเปนเพลิงลุกขึ้น. พระยากัมพูชาหนีไปรอด. จับได้แต่พระยาอุปราช บุตรพระยากัมพูชา. ไห้พระยาไชยนรงค์หยู่เมืองกัมพูชา ไว้คนห้าพัน, พระเจ้าหยู่หัวสเด็ดคืนพระนครสรีอยุธยา. ครั้นหยู่มา ยวนยกมารบ, ถ้ามาน้อย ชาวกัมพูชาเปนไจรบ, ถ้ามามาก ก็เรรวนไป. พระยาไชยนรงค์บอกหนังสือมากราบทูน. สมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวไห้มีหนังสือตอบไป, ไห้กวาดครัวอพยพยกมาถึงพระนครแล้ว, ไห้ทำพระราชพิธีประเวสพระนคร, แล้วปูนบำเหน็ดรางวันนายทัพนายกอง.