แผลเก่า/บทที่ 2
ไ ทรใหญ่ยืนต้นตระหง่านห่างฝั่งคลองเพียง ๓–๔ วา เปนไทรใกล้น้ำที่ทรงสาขางอกงามอายุนาน มีแพรแดงผืนใหญ่ห่มอยู่รอบต้น ที่หน้าศาลเทพารักษ์มีเครื่องบนบวงต่าง ๆ ทั้งตุ๊กตาไทยกับเข้าของกินเครื่องเส้นเสียกระบาน ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ของไทรต้นนี้ ชาวบ้านจึงขนานนามกันว่าศาลเจ้าพ่อไทร |
กำลังเที่ยงซึ่งเปนเวลาไล่ ๆ กับเมื่อวันวาน อ้ายเรียวคงยังฟ่องฟอดอยู่ในลำน้ำ แต่เจ้าของ ๆ มันคือเจ้าขวัญ เจ้าหนุ่มลูกตาเขียน ผู้ใหญ่บ้านของทุ่งแสนแสบหรือปลายลำน้ำบางกะปิ กำลังยืนลับ ๆ ล่อ ๆ ชะเง้อชะแง้คอยเจ้าเรียมลูกตาเรืองมหาสัตรู
เมื่อรู้สึกเมื่อยที่ยืนชะเง้อชะงกคอยป้องหน้าเบิ่งไปหาร่างเจ้าเรียมสาวงามกลางทุ่ง เจ้าขวัญก็ซุดกายลงนั่งพักเอนหลังลงใกล้ศาล ในใจก็พร่ำบนบวงภาวนาขอให้เจ้าเรียมมาเสียเร็ว ๆ เถิด เพราะการคอยหายทำให้เจ้าขวัญมีหัวใจนึกหวาดไป นึกว่าเจ้าเรียมจะลืมนัดเสียบ้าง ขี้เกียจมาหรือมาไม่ได้บ้าง
เจ้าหนุ่มลูกทุ่งต้องผงะขึ้นทั้งหง⟨าย⟩ นั่งทรงตัวเหลียวไปรอบ ๆ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าคนและเสียงจามแรง ๆ ของควายใกล้เข้ามา
เจ้าเรียมกำลังจูงอีเกเลี้ยวคุ้งไผ่โน้นมา และตะโกนอย่างดีเนื้อดีใจ
"พี่ขวัญ"
"เออ—เรียม" เจ้าขวัญขานรั⟨บ⟩ "ทำไมช้านักล่ะ ฉันมาคอยตั้งแต่ก่⟨อน⟩เพน นึกว่าจะลืมเสียแล้ว นั่นเอาอีเกม⟨า⟩ด้วยทำไมเล่า อ้ายเรียวก็อยู่ในน้ำไ⟨ม่⟩เห็นหรือ?"
"เปล่า" เจ้าเรียมตอบพอดีเดิ⟨น⟩มาถึง "ฉันไม่เห็นอ้ายเรียว ก็นึกว่า⟨พี่⟩ขวัญจะยังไม่มาน่ะซี แหมที่เริญ⟨ทำ⟩พิษใหญ่ วันนี้เขาอยู่บ้านทั้งวันเพรา⟨ะ⟩พ่อจ้อยมาเลยรั้งฉันไว้ด้วย รำคาญเหมือนอกจะแตก"
พอได้ยินชื่อพ่อจ้อย เจ้าขวัญหน้⟨า⟩ผิดสี เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าจ้อยเปนคนมีอัฐ และติดพันเจ้าเรียมมานานนักหนา นัยว่าทั้งตาเรืองและเจ้าเริญก็ออกจะเต็มใจอยู่ด้วย ขัดแต่เจ้าเรียมค⟨น⟩เดียวจึงยังไม่สำเร็จ
"อ้ายจ้อยเขาพูดว่าไรมั่ง" เจ้าขวัญถามระแวง ๆ
"เขาก็พูดไปตามเรื่องของเขากับพี่เริญ ลงท้ายก็เลี้ยงเหล้ากัน ฉันรำคาญเลยรีบหลบมาเสียก่อน"
"บ๊ะ แดดร้อนตวันเที่ยงยังงี้ มันยังจะดวดกันอีกหรือ?" แล้วเจ้าขวัญก็แค่นหัวเราะออกมาดัง ๆ
เจ้าเรียมไม่ตอบว่ากระไร ตะเพิดอีเกลงน้ำแล้วกลับมานั่งที่เก่าใกล้ ๆ เจ้าขวัญ ถามว่า
"พี่ขวัญมีไม้ขีดมั่งไหม?"
"มี เจ้าจะเอาทำไม"
"จุดธูปบูชาเจ้าพ่อสักหน่อย"
เจ้าขวัญพอจงะรู้ แต่ยังไม่แน่ใจ จึงถามว่า
"จะบนอะไรจ๊ะเรียม หรือว่าเสี่ยงทายความในใจเรื่องไรก็จงบอกให้รู้มั่ง" ถามเปนนัยแล้วก็เอนกายชะโงกมาให้ตรงหน้าเจ้าเรียม
นึกอายเพราะถูกเจ้าขวัญล้วงใจดำ ก้มหน้าลงคุ้ยเขี่ยดินอย่างจนแต้ม เจ้าขวัญเห็นเปนทีเลยรั้งตัวนอนบนตัก จูบเจ้าเสียอย่างสมรักที่ทำให้คอยนาน
"เอ๊ พี่ขวัญ ช่างไม่นึกอายผีสางเทวดามั่งเลย"
"เราอยู่ด้วยกันเท่านี้ จะอายใครอื่นอีกเล่า เรียมเอ๋ย"
"เจ้าพ่อน่ะซี" เรียมว่า
"ท่านอยู่ส่วนท่านหรอกเรียม และเราสองคนก็เคยถวายตัวเปนลูกท่านมาแต่เล็ก ๆ ด้วยกัน ท่านจะว่ากระไร"
นับว่าเปนครั้งที่สองซึ่งเจ้าเรียมถูกชายต้อง อกใจระทึกตกประหม่าไม่ผิดกับเมื่อวันวาน เจ้าขวัญก็ทั้งจูบทั้งกอดกำลังบ้ามุทะลุด้วยฤทธิ์รัก
"เจ้าจะบนอะไรฮึแม่เรียม บอกให้พี่รู้มั่งซี จะได้ช่วยกันภาวนาให้สำเร็จ"
"เรื่องของเราซีจ๊ะพี่ขวัญ"
"เรื่องของเรา" เจ้าขวัญท่องซ้ำ "เรียมจะบนเจ้าพ่อให้ท่านดลใจผู้ใหญ่ของเราให้แกดีกันแล้ว เรื่องของเราจะได้สำเร็จงั้นน่ะหรือ"
"ฉันก็อยากจะให้เปนยังว่าหรอก แต่น่ากลัวมันจะไม่สำเร็จเสียแหละจ้ะ"
"งั้นเจ้าจะบนให้เปนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ"
เจ้าเรียมตอบอาย ๆ "บนให้เรารักกันยั่งยืนต่อไปน่ะซีพี่ขวัญ"
เจ้าหนุ่มปลายน้ำมองสาวอย่างงงงวย "นี่เรียมยังนึกว่าเรารักกันเล่น ๆ อยู่อีกหรือ ๆ ว่าเจ้ากินแหนงแคลงใจอะไรในพี่อีกก็บอกมาเถิด จะสาบาลให้ต่อหน้าเจ้าพ่อนี่และ"
สมคิดของเจ้าที่ตรองมาแต่เมื่อคืน เรียมกระวีกระวาดลุกนั่งหยิบซองธูปเทียนที่ซ่อนมาแล้วรับไม้ขีดไฟจากเจ้าขวัญ
"ถ้าทำได้ยังงั้นก็เห็นใจว่าพี่ขวัญรักฉันจริง เพราะเราสองคนจะต้องครองตัวกันไปอีกสักกี่ปีกี่ชาติก็ยังไม่รู้ ถ้าพ่อแกไม่ดีกัน เราก็ต้องคอยกันไปยังงี้กว่าแกหรือเราจะตายจากกันไป จริงไหมพี่ขวัญ เพราะงั้นและ ฉันจึงตั้งใจมาหาเจ้าพ่อท่าน ขอบนบานสารกล่าวให้ท่านช่วยเรามั่ง แลพี่ขวัญก็เต็มใจสาบาลให้ฉันต่อหน้าเจ้าพ่อไม่ใช่หรือ"
"แน่ละซี" เจ้าลูกผู้ใหญ่บ้านรับทันคำ เสียงวอนว่าของเจ้าเรียมคนรักทำให้สงสารจับใจ พลันความเดือดดื้อมุทะลุในนิสัยก็พลุ่ง ๆ ขึ้นม⟨า⟩อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มือกร⟨ะ⟩ชากมีดซุยที่ติดมากับเอวออกชู⟨ร่า⟩ "อย่าพูดกันด้วยปากเลยเจ้าเรียม ตั⟨ว⟩พี่ก็เปนชาย เมื่อลั่นปากว่ารักแล้ว ก็ต้อ⟨ง⟩รักจนวันตาย นี่แน่ะเจ้า ข้าคิดว่าคำพูดคำสาบาลของข้าน่ะคงไม่ทำให้เจ้าเห็นความศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่หรอก เลือดเถอะ เลือดข้าดีกว่า ข้าจะเอาเลือดข้าออกเส้นความรักของข้าเสียต่อหน้าเจ้าพ่อนี่และ แล้วเจ้าก็นึกเอาเองเถอะว่า ข้ารักเจ้าเท่าไร"
เจ้าขวัญเงื้อมีดขึ้นสุดแร้ ตั้งใจจะจ้ำแขนของมันเองให้เลือดพุ่งฉูด เอาเลือดรักอุ่น ๆ ออกเส้นเจ้าพ่อ เพื่อให้เรียมเห็นใจของมัน
เรียมตกใจ ถลาเข้ารั้งแขน
"อย่าเลยจ้ะพี่ขวัญ อย่าทำยังงี้เลย ฉันเสียวไส้จริง ๆ เราจุดธูปเทียนบนด้วยปากเปล่าก็ได้ หัวใจเราตรงกันรักกันก็พอถมไป อย่าเลยจ้ะ เชื่อฉันเถอะ" แล้วเจ้าก็แกะมือแย่งเอามีดโยนไปทางหนึ่ง
เจ้าขวัญน้ำตาคลอ ความรักทำ⟨ใ⟩ห้หัวใจมันเปนบ้ามุทะลุ ไม่รู้จะทำท่า⟨ไร⟩ดีเจ้าเรียมจึงจะเชื่อว่ารักจริง นอกจากจะเฉือนฉะเอาเลือดรักออกสาบาล
เจ้าเรียมจุดเทียนติดไว้ที่หน้าศาล ⟨แ⟩บ่งธูปให้เจ้าขวัญ แล้วตัวเองนั่ง⟨คุ⟩กเข่าจุดธูปปักไว้
เจ้าขวัญทำตาม เมื่อปักธูปคู่⟨กั⟩บเจ้าเรียมแล้วก็ถามว่า
"เจ้าจะให้พี่สาบาลว่าไรก็จงบอก⟨ม⟩าเถิดเรียม พี่จะว่าตามทุกอย่าง"
เรียมมองดูหน้าเจ้าหนุ่มใจซื่อเศร้า ๆ มันจะซื่ออยู่งี้ตลอดไปหรือจะชั่วแล่นก็ยังไม่แน่ใจข้าเลย
"ต่างคนต่างอธิษฐานเถอะพี่ขวัญ ขอแต่ให้เรารักกันยืด ๆ หัวใจซื่อต่อกันก็แล้วกัน"
"พื่อยากสาบาลให้เจ้าฟังดีกว่าจะอธิษฐาน"
"ก็แล้วแต่พี่ซี"
เจ้าขวัญพยักหน้าเห็นด้วย
"งั้นฟัง เจ้าฟังคำพี่ไว้นะเรียม เอาละ พี่จะสาบาลดัง ๆ ให้เจ้าได้ยิน" เจ้าขวัญหลับตาสำรวมใจครู่หนึ่ง แล้วก็กล่าวคำสาบาลขึ้นดัง ๆ ว่า "เจ้าประคุณ ข้าขอให้เจ้าพ่อไทรเปนพยานด้วย ข้าชื่อเจ้าขวัญ ข้ารักนางเรียมหนักหนาปานชีวิตร์ แต่มีเหตุขัดข้องที่จะยังไม่ได้กัน ข้าขอสาบาลว่าข้าจะไม่ยุ่งกับหญิงอื่นเปนอันขาด ข้าจะรักข้าจะรอเจ้าเรียมจนกว่าจะสมประสงค์หรือชีวิตร์หาไม่ ถ้าแม้นข้าทำผิดคำสาบาลที่ว่าไว้นี้ ขอให้ชีวิตร์ข้าเปนอันตรายต่าง ⟨ๆ⟩ อย่าแคล้วเขี้ยวแคล้วงาสาสตราวุธหอกดาบ อย่าพ้นสามวันเจ็ดวันเลย ถ้าแม้นข้าตั้งอยู่ในศิลในสัตย์ด้วยความซื่อตรง ขอให้ข้าได้อยู่กินกับเจ้าเรียมสมใจทั้งชาตินี้และชาติหน้า สัตรูคิดร้ายขอให้พ่ายแพ้วอดวายไปเถิด" เจ้าขวัญก้มลงกราบและหมอบนิ่ง
ฟังคำสาบาลทำเอาเจ้าเรียมเศร้าใจแทบไม่กลั้นน้ำตาได้ พี่ขวัญเอ๋ย บุญนำจำเพาะเสียจริง ๆ ที่เรามาพบกันรักกัน คำสาบาลของพี่นั้นฝังใจข้าไม่หาย เห็นใจแล้วว่า พี่ขวัญรักข้าจริง เรารักกันซื่อ ๆ ตามประสาบ้านนอกขอกนา ประสาลูกบ้านทุ่งเดียวกัน ขอให้ความรักของเราสำเร็จเถิด
"พี่ขวัญ" เจ้าเรียมก้มตัวหมอบลงเคียงคู่ พูดเสียงสั่น "พี่อธิฐานอะไรจึงนานนักเล่า"
"พี่บนเจ้าพ่อไทร" เจ้าขวัญเงยหน้าตอบเสียงเครือ
"บนอะไร"
"ให้ความตั้งใจของเราตลอดรอดฝั่งไปซิเรียมเอ๋ย เพราะมันกรรมของเราแล้วจะทำยังไงได้ล่ะเจ้า เรารักกันแต่คนอื่นเขาโกรธกันแล้วใครเล่าเขาจะรู้อกเรา มีอยู่แต่เจ้าพ่อนี่เท่านั้นที่จะช่วยเราได้ เจ้ากระเถิบเข้ามาชิด ๆ เถอะเรียมเออ ประณมมือเข้าเถิดแล้วข้าจะจับมือเจ้าตั้งจิตต์อธิฐานร่วมกันไปยังงิ้และ ยังงี้ดีแล้ว เราอยู่กันอย่างงี้ทั้งวันทั้งคืนก็สุขสบายเหลือหลาย"
พอสิ้นคำรำพรรณ สองหนุ่มสาวก็หมอบนิ่ง จิตต์ผูกจิตต์ใจผูกใจเหมือนหนึ่งเปนดวงเดียว คิดไปแค้นไปในวาสนาของลูกชาวนาที่อาบเหงื่อต่างน้ำหาเช้ากินค่ำ หวังจะอยู่ร่วมฟูกร่วมหมอนช่วยกันทำช่วยกันกิน เอารักขึ้นตั้งหน้าก็มีเวรแซก
เจ้าเรียมร้องไห้กซิก ๆ และค่อย ๆ ดังขึ้นทุกขณะ เจ้าขวัญก็ขบกรามกรอด ๆ เพื่อทนทานต่อความทุกใจ ครั้นได้ยินเสียงเจ้าเรียมสอื้นก็เลยกลั้นไม่ไหวปล่อยน้ำตาพรากลงนองดิน
เสียงฝีเท้าวิ่งตึ้กตั้กมาข้างหลัง ทั้งเจ้าขวัญและเรียมสดุ้งสุดตัว ลุกพรวดพราดขึ้นยืนหันกลับมา
"อีเรียม มึงมาทำไมที่นี่"
เรียมหน้าซีดขาว ตัวสั่นยืนประณมมือ มองดูเจ้าขวัญแล้วร้องไห้ และตอบไปว่า
"เปล่าจ้ะ-พ่อ"
"เปล่า ฮึ้เปล่า" ตาเรืองหัวเราะอย่างแค้น ๆ ยกดาบชี้มาทางเจ้าขวัญ "แล้วนั่นสัตว์เดรฉานที่ไหนล่ะ"
เจ้าขวัญตัวสั่นเทิ้มใจเต้นริก ๆ มองดูเจ้าเรียม แล้วนึกสงสาร จึงหักใจตอบตาเรืองไปดี ๆ ว่า "ฟังฉันก่อนจ้ะพ่อ อ้าแม่เรียมไม่ได้ยุ่ง"
เจ้าเริญซึ่งถือดาบอยู่กับพ่อจ้อยข้างหลังตาเรืองรีบสอดขึ้นว่า "อ้ายโกหก ไม่ได้ยุ่งชิ๊ ๆ ไม่ได้ยุ่งแล้วมึงเสือกล่ออีเรียมมานี่ทำไม"
"อ้ายเริญ" เจ้าขวัญเรียกลาก ๆ เสียง "ปากคอมึงอย่าเราะรานนักนา เฮ้ย อ้ายเรามันรุ่นเดียวกับกูยอมมึงไม่ได้ หรอกน๊ะ ลำพังพ่อกูยอมให้เพราะแกเปนผู้ใหญ่"
พ่อจ้อยควงดาบก๋าเพราะกำลังจะประจบตาเรืองและเจ้าเริญ
"ถ้ากูไม่เกรงพ่อว่าแกมาด้วยก็คงได้หามมั่งหรอกว๊ะ"
"ก็จะเปนไรไป ละว๊ะอ้ายจ้อย มึงก็รู้ไม่ใช่หรือคนอย่างกู" เจ้าขวัญตบอกผางใหญ่ "คนอย่างอ้ายขวัญน่ะมึงเห็นหนีใครมั่ง และกูก็ไม่มีใครหามกูหรอกเพราะตัวคนเดียว มึงก็เลือกเอาซีกูจะได้ตายของกูที่นี่"
"อ้ายขวัญ" ตาเรืองชี้หน้า "มึงอย่าให้แรงนักนา. กูหัวหงอกอยู่นี่ทั้งคน หนอยมึงว่าตัวคนเดียว งั้นก็เท่ากับมึงว่ากูเกอพลอยเปนหมาหมู่ไปด้วยซี"
"เอ๊าพ่อก็ จะเถียงกับมันเอาวิมานอะไรเล่าฉันดีกว่า" ขาดคำเจ้าเริญก็แกว่งดาบเข้าใส่
"ฮ๊ะฮ้า อ้ายเริญ" เปนเสียงที่หัวเราะก้อง ๆ ไม่หวาดไหวสทกสท้านของเจ้าลูกผู้ใหญ่บ้าน มีกังวาลดุ ๆ ที่อยุดเจ้าเริญไว้จนชงัก "มึงน่ะรึจะฟันอ้ายขวัญ เฮ่ะเฮ้มึงน่ะรึ จะฟันกู"
เจ้าเรียมเห็นถ้าจะไปกันใหญ่ นึกภาวนาบนบานเจ้าพ่อให้เลิกแล้วกันไป หันมาทางพี่ชายและยกมือไหว้
"ขอทีเถิดพี่จ๋า เชื่อฉันเถิด พี่ขวัญเขามาของเขาทางและฉันก็มาทาง แต่มันประจวบเหมาะกันเข้าเท่านั้นเองและจ้ะ"
"ตอแหล กูแอบดูอยู่เปนนานสองนาน นี่หากว่าอีเกมันกลับไปคอกหรอก กูถึงได้รู้ หาไม่ก็-เออ-มึงฮิ๊-มึงฮิ๊ อีเรียม มึงจะทำให้พ่อแม่ขายหน้าเสียให้ได้หรือว่าไง จิกหัวมานี่อ้ายเริญ"
พอตาเรืองพูดขาดคำ เจ้าเริญก็ปราดเข้าจะจิกหัวเจ้าเรียมตามคำสั่ง เจ้าขวัญปราดออกขวางหน้ากางแขนทั้งสองกั้นทางไว้.
"ขอทีแม่เรียมไม่ผิดจริง ๆ พ่อจ๋า"
"ก็กงการอะไรของมึงเล่า"
"ฉันขอดี ๆ จ้ะ เพราะแม่เรียมไม่ผิดอะไร"
"อ้ายหน้าด้าน กูบอกอยู่โต้ง ๆ ว่ากูแอบดูมึง เอออ้ายขวัญเมื่อตะกี้มึงจูบหมาหรือจูบอีเรียมเล่า"
เจ้าขวัญหน้าเสีย เพราะตาเรืองรู้ความจริงเสียหมด จึงนั่งคุกเข่าลงแล้วกราบที่ใกล้เท้าตาเริญ
"ฉันผิดจ้ะพ่อ แต่ขออย่าทุบตีแม่เรียมเลย นึกว่าขอให้ฉันเถิด และ-"
ไม่ทันได้พูดจบ พิษหึงเข้าจับหัวใจ เจ้าจ้อยโดดถีบเจ้าขวัญถูกซอกคอหงายไป เจ้าขวัญผงะลุกขึ้นได้วิ่งแร่เข้าใส่พอคล้อยหลัง เจ้าเริญซึ่งยืนคอยทีอยู่ก็ฟันดักมา สันดานเจ้าขวัญเปนคนว่องไว และเคยประจญประจัญบาลมามาก จึ่งหลบตัวเบี่ยงหาไม่เปนคอขาด แต่ถึงงั้นก็ยังไม่พ้น ปลายดาบเจ้าเริญลอดมาถูกศีร์ษะ พาดยาวออกพ้นตีนผมเลือดไหลโกรก
เห็นเลือดเหมือนจะเปนบ้าในทันใด
ไม่เคยเลยอ้ายขวัญ ไม่เคยที่จะให้ใครมาลบลายล้อมฟันเล่นง่าย ๆ เหมือนครานี้เลย อ้ายเริญเท่านั้น อ้ายเริญพี่เจ้าเรียมคนรักใครยังทำได้
เจ้าขวัญถอยกลับไปทางเจ้าเรียม ก้มหยิบมีดซุยที่ตกอยู่หน้าศาล ชีวิตต์ต้องเอาชีวิตต์ ไม่ใครก็ใครละต้องเปนศพกันลงข้าหนึ่ง
ตาเรืองปราดเข้าขวางถือดาบจังก้า เจ้าขวัญกุมมีดทื่อเข้าใส่
"พ่อจะว่าอย่างไรข้าเจ็บแล้ว เห็นไหมอ้ายเริญฟันข้าก่อน-หลีกไป ถ้าพ่อรักจะเปนผู้ใหญ่หลีกไป เอาเถอะสำหรับพ่อข้ายกให้"
เจ้าเริญกับนายจ้อยหลบไปหลัง ตาเรืองเพราะรู้ตัวดี ๆ ว่า อ้ายขวัญกำลังบ้าเลือด ตลอดทุ่งแสนแสบ และบางกะปิ ไม่มีนักเลงหน้าไหนจะกึกก้องลั่นไปกว่าอ้ายขวัญ อ้ายหนุ่มลูกเสือเขียนผู้ใหญ่บ้าน
ความรักพ่อ เจ้าเรียมลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมว่าเจ้าขวัญเปนคู่รักคู่สาบาลคู่จะร่วมทุกข์ร่วมศุข หวาด ๆ ไปว่าเจ้าขวัญจะหน้ามืดเพราะบ้าเลือดแล้วแทงผู้ที่ขวางหน้าสวบลงไป พ่อเจ้าจะต้องตาย จึงวิ่งจากที่เดิมเข้ากอดตาเรืองไว้แน่น
จ้องดูเจ้าขวัญเห็นเลือดโซมหน้า เรียมร้องไห้โฮใหญ่
"โธ่-ฆ่ากันเองแท้ ๆ พี่ขวัญอย่าแทงพ่อน๊ะพ่อฉัน อย่าทำพ่อฉัน"
เจ้าขวัญจ้องสองพ่อลูกตาถมึง เลือดยังไหลโทรมตลอดเวลา ทั้งเจ็บทั้งแค้นที่เจ้าเริญฟันเอา แล้วปล่อยให้ตาเรืองออกขวาง และเจ้าเรียมก็เกิดมาเปนทัพหน้าของตาเรืองอีกต่อหนึ่ง
"เรียม" ขวัญเรียกเสียงยังไม่หมดแค้น "แผลนี้น่ะ เพราะรักเจ้าหรอกน๊ะจะบอกให้ ถ้าผิดจากเจ้าแล้วอ้ายพวกนี้เปนศพหมด" มันชี้กลาดหน้าเอาคนเหล่านั้นสดุ้งเฮือกไปตามกัน "อ้ายเริญ มึงกับกูมาฆ่ากันเถอะ มาออกมาทั้งอ้ายหมาจ้อยด้วย ไหน ๆ กูก็เจ็บแล้ว กูจะตายที่นี่และ"
นิ่งเงียบทุก ๆ คน แม้ตาเรืองเองก็ไม่กล้าปริปาก เจ้าขวัญจึงพูดต่อไปว่า
"มึงมันไม่ใช่นักเลงหรอกว๊ะอ้ายเริญ ยิ่งอ้ายจ้อยก็หมาเลย ลูกผู้ชายที่ไหนว๊ะเขาจะถีบกูกำลังกราบตีนพ่อมึงอยู่ แล้วก็ล้อมฟันเอา ถุย, อ้ายเสียชาติเกิด" แล้วมันก็หัวร่อเสียงก้องสนั่น โมโหถึงขีดคล้ายคนบ้า
หวลกลับไปกระชากชายแพรแดงที่ห่มต้นไทรขึ้นเช็ดเลือดเปียกโชกไปทั้งชาย
ระหว่างนั้นเจ้าเรียมกับพ่อต่างบุ้ยปากให้เจ้าเริญหลบไปเสีย ส่วนเจ้าจ้อยเห็นท่าไม่เปนการจึงหลบตามเจ้าเริญไปด้วยอีกคนหนึ่ง
เมื่อหันกลับมาไม่พบใครอีก นอกจากเจ้าเรียมกับพ่อของมันยืนอยู่ เจ้าขวัญก็นึกเสียใจ กูเอ๋ยเสียนักเลงเสียแล้ว
"แล้วพ่อจะจัดการอย่างไรให้ฉันล่ะ เพราะฉันจะเจ็บเปล่าไม่ได้เปนอันขาด"
ตาเรืองสิ้นท่าพูดอุบ ๆ อับ ๆ กับลูกสาว เจ้าเรียมตันใจเพราะเจ้าขวัญคนรักก็เจ็บมากที่ไหนมันจะยอมง่าย ๆ
เจ้าเรียมเดินเข้ามาหาใจคอไม่ปรกติ
"นึกว่าเห็นแก่ฉันและพ่อเถิด, พี่ขวัญ"
เมื่อเห็นเจ้าขวัญนิ่ง ตาเรืองจึงสอดขึ้นมั่งว่า "นึกว่ายกให้พ่อเถอะ ขวัญเอ๋ย อ้ายเริญมันก็ผิดไปแล้ว เอาเถอะ พ่อจะจัดการให้มันไปสมัคสมาเจ้าทีหลัง"
เจ้าขวัญพูดไม่ออก สันดานนักเลงของมันทำให้คลายโมโห ใจคอตื้นตันเมื่อเห็นตาเรืองพูดโอนอ่อนและก็เพราะความรักความสงสารเจ้าเรียมกลัดกลุ้มอยู่ในหัวใจ
"เมื่อพ่อขอ ฉันก็จะยกให้ แต่อ้ายจ้อยน่ะ ฉันต้องจำจนวันตายทีเดียวว่า มันถีบหน้าฉัน" แล้วจึงหันมาพูดเปนนัยเพื่อเตือนให้เจ้าเรียมระลึกได้ว่า "ฉันไม่ลืมคำหรอกเรียม ฉันได้สาบาลไว้แล้วว่าอย่างไรก็อย่างนั้น เรียมดูโน่นก็แล้วกัน แล้วจำไว้ด้วยว่า นั่นมันเปนเครื่องเส้นของฉัน มันเปนพะยานที่ข้าได้สาบาลให้เจ้าจำไว้⟨"⟩
เรียมสอึกสอื้น เจ้าขวัญใจช่างซื่อในความรักเสียจริง ๆ เลือดมันรักมันอยู่ที่เจ้าเรียมคนเดียว
"ฉันก็ลืมไม่ได้เลยจ้าพี่ขวัญ ฉันจะจำใส่ใจไว้ว่า เราสาบาลว่าจะรักจะรอกันตลอดชาติต่อหน้าเจ้าพ่อ" แล้วเจ้าก็ร้องไห้โฮ ๆ ต่อหน้าตาเรือง
ตลอดทางกลับบ้าน ก่อนที่จะแยกกัน ทั้งตาเรืองและเจ้าขวัญหนุ่มพูดจาสนิทสนมเหมือนเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่รักกันมาแต่ครั้งไหน ๆ ทำให้เจ้าเรียมโล่งอกขึ้นอีกถนัด มองเห็นขันหมากของผู้ใหญ่เขียนกำลังเดินตัดทุ่งเข้าเนื้อนาเจ้าในความฝัน