ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9ฯ (ฉบับที่ 39) ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

ข้อกำหนด
ออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
(ฉบับที่ ๓๙)

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ นั้น

โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทยในห้วงเวลาที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ การระบาดที่ตรวจพบจะเกิดขึ้นเฉพาะในบางเขตพื้นที่หรือในบางจังหวัดที่พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์และจำกัดพื้นที่โดยมีมาตรการเฝ้าระวังและกำกับติดตามการระบาดอย่างใกล้ชิด ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังและการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายประกอบกับศักยภาพด้านสาธารณสุขของไทยที่เข้มแข็ง ทำให้สามารถจัดหาทรัพยากรทางสาธารณสุขที่จำเป็นเพื่อบริการแก่ประชาชนได้อย่างครอบคลุม ฝ่ายสาธารณสุขจึงได้ประเมินภาพรวมของสถานการณ์และมีข้อเสนอแนะให้พิจารณาปรับระดับพื้นที่และผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ลงได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการตามแผนและนโยบายการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่กับการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยยังมีความจำเป็นต้องคงไว้ซึ่งมาตรการสำหรับการดำเนินกิจกรรมกิจการต่าง ๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมดำเนินไปควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างสมดุล เข้มแข็ง และยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ให้ ศบค. มีคำสั่งเพื่อปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ และกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และดำเนินการตามแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่กำหนดไว้สำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้

ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมการด้านบุคลากร สถานที่ และประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเพื่อการดําเนินการตามมาตรการข้อห้ามและข้อปฏิบัติต่าง ๆ เป็นการล่วงหน้า

ข้อ ๒ การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานสําหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานสําหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเฉพาะเหตุอันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ตามข้อ ๒ แห่งข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๘) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ทั้งนี้ การยกเลิกดังกล่าวให้มีผลตั้งแต่เวลา ๒๓.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

ข้อ ๓ การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสําหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมที่ได้กําหนดไว้แล้วตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้แก่ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรค กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต การปฏิบัติงานนอกสถานที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจําแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และ ะมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว รวมถึงบรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกําหนดขึ้นภายใต้ข้อกําหนดดังกล่าวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป

ในส่วนของมาตรการควบคุมและป้องกันโรคสําหรับสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดําเนินการ โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจ ช่วยเหลือและให้การสนับสนุนการเตรียมการของผู้ประกอบการตามความเหมาะสมและตามกรอบอํานาจหน้าที่ เพื่อให้สถานที่ดังกล่าวมีความพร้อมสําหรับการเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะสถานบริการหรือสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยวหรือในพื้นที่ที่มีความพร้อม โดยรัฐบาลจะได้พิจารณาความเหมาะสมจากข้อมูลการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายสาธารณสุข เพื่อให้มีการดําเนินการตามแผน นโยบาย และตามกรอบเวลาที่กําหนดต่อไป

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

  • ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
  • พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
  • นายกรัฐมนตรี

บรรณานุกรม แก้ไข

 

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"