คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๖/๒๕๕๘
โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น ๆของรัฐหลายรายอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบของ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มูลกรณีเป็นเรื่องกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทําให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทําให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิดแต่บางเรื่องมีการกระทําเป็นขบวนการ การตรวจสอบจึงใช้เวลานานและบางเรื่องไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องเท่าที่ควรดังที่หน่วยงานตรวจสอบดังกล่าวได้แจ้งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลทราบมาเป็นลําดับ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นควรกําหนดมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบดังกล่าวและกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเพื่อรองรับมาตรการเช่นว่านั้นอีกทั้งเพื่อประโยชน์ในการหมุนเวียนบุคลากรสําหรับการขับเคลื่อนการปฏิรูปและเร่งรัดติดตามการดําเนินการตามนโยบายสําคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้มีกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสํานักนายกรัฐมนตรีจํานวนหนึ่งร้อยอัตราเพื่อรองรับการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลตามข้อ ๒ และตามบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมในข้อ ๕ หรือบุคคลตามวรรคสามของข้อนี้ที่คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจบรรจุและแต่งตั้งแล้วแต่กรณีเห็นสมควรให้ขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิมเพื่อย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวดังกล่าว
การย้ายหรือโอนบุคคลไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่งให้ดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ในกรณีนี้ให้สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ร่วมกันกําหนดชื่อตําแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ และสิทธิประโยชน์ของบุคคลดังกล่าวโดยอนุโลมตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
คณะรัฐมนตรีอาจให้ความเห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ซึ่งมิได้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ มิได้มีความผิดและมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการให้ไปดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่งในตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษหรือผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะและสิทธิประโยชน์เทียบเท่าตําแหน่งเดิม มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิรูปราชการแผ่นดินตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็ได้
ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวไม่มีเหตุ ถูกตรวจสอบหรือไม่จําเป็นต้องดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวต่อไปและผู้นั้นยังไม่ออกจากราชการ ให้นายกรัฐมนตรีดําเนินการเพื่อแต่งตั้งผู้นั้นไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน
ให้สํานักงบประมาณจัดงบประมาณแก่สํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามข้อนี้
ข้อ ๒ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ และกลุ่มที่ ๒ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตําแหน่งประจําสํานักงานปลัดกระทรวงในกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้
นายกรัฐมนตรีอาจมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงคําสั่งข้อนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๓ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ และกลุ่มที่ ๔ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนจนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๔ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๕ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสมจนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้
ข้อ ๕ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจประกาศบัญชีรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ก็ได้ ในกรณีนี้ให้นําความในข้อ ๒ ขอ้ ๓ และข้อ ๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ ๖ ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่กรณีเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัยคําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
- กลุ่มที่ ๑ ข้าราชการ (๒๔ ราย)
๑. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (๔ ราย)
- (๑) นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวง
- (๒) ว่าที่ร้อยตรีอานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว
- (๓) นายพัฒนาชาติกฤติบวร อธิบดีกรมพลศึกษา
- (๔) นายนิวัตน์ลิ้มสุขนิรันดร์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา
๒. กระทรวงการคลัง (๖ ราย)
- (๑) นายสาธิต รังคศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง
- (๒) นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการกระทรวง
- (๓) นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญประจําภาค ๗
- (๔) นายศุภกิจ ริยะการ (นายสิริพงษ์ริยะการธีรโชติ) สรรพากรพื้นที่นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
- (๕) นายพายุสุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่ปัตตานีจังหวัดปัตตานี
- (๖) นายมานิตย์พลรัตน์ สรรพากรอําเภอ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองตากจังหวัดตาก
๓. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๒ ราย)
- (๑) นายปัญญา ศลปะ ิ เกษตรจังหวัดนครราชสีมา
- (๒) นายอุดร ชมาฤกษ์ เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี
๔. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๑ ราย)
- (๑) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง
๕. กระทรวงมหาดไทย (๑๐ ราย)
- (๑) นายแก่นเพชร ช่วงรังษี รองปลัดกระทรวง
- (๒) นายกิตติภพ ตราชูวณิช ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง
- (๓) นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
- (๔) นายเวชสุวรรณ อาจวิชัย หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดมุกดาหาร
- (๕) นายนิรันดร์บุญสิงห์ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุรินทร์
- (๖) นายพรต ภูภักดิ์ นายอําเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม
- (๗) นายภัลลพ พิลา นายอําเภอเมืองสระบุรีจังหวัดสระบุรี
- (๘) นายสมภพ ร่วมญาติ นายอําเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี
- (๙) นายอรรณพ อกอุ่น นายอําเภอเมืองอุบลราชธานีจังหวัดอุบลราชธานี
- (๑๐) นายวีรชาติผ่องโชติ นายอําเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
๖. สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (๑ ราย)
- (๑) พลตํารวจโท สุรพล ทวนทอง จเรตํารวจ
- กลุ่มที่ ๒ หน่วยงานอื่นของรัฐ (๑ ราย)
- (๑) นายประเสริฐ อภิปุญญา กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสํานักงาน กสทช.
- กลุ่มที่ ๓ นายกและรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (จํานวน ๑๔ ราย)
- (๑) นายชาติกันล้อม นายกองค์การบริหารส่วนตําบลท่าตําหนัก อําเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม
- (๒) นายเดชาวุธ เสนยะ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลน้ําตก อําเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
- (๓) นายสนธยา มีสถิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลลําเลียง อําเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
- (๔) นายมนตรีถ้ําเล็บมือ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองเดิ่น อําเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ
- (๕) นายสริภพ ภูนิสัย นายกองค์การบริหารส่วนตําบลทองเอน อําเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
- (๖) นายวรวุฒิยิ้มจันทร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลทองเอน อําเภออินทร์บุรีจังหวัดสิงห์บุรี
- (๗) นายประทีป ยั่งยืน นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบางเมือง อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
- (๘) นายภัทรพล จําปารัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบางแก้ว อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
- (๙) นายทรงชัย นกขมิ้น นายกองค์การบริหารส่วนตําบลราชาเทวะ อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
- (๑๐) นายมนตรีบุญสุยา นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแกใหญ่อําเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
- (๑๑) นายสมภาร เคนหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลกุดจิก อําเภอเมืองหนองบัวลําภู จังหวัดหนองบัวลําภู
- (๑๒) นายทนงทรัพย์ถนอมจิตต์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลจิกเทิง อําเภอตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี
- (๑๓) นายสุวรรณ เมฆบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตําบลคันไร่อําเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
- (๑๔) นายวงศ์พิสุทธิ์ดํารงค์สิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลช่องเม็ก อําเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
- กลุ่มที่ ๔ นายกเทศมนตรี (จํานวน ๓ ราย)
- (๑) นางสาวสุนีปูนกลาง นายกเทศมนตรีตําบลใหม่อําเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
- (๒) นายปัญญา เขยวธง ี นายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน
- (๓) นายรัชนาท ภูผินผา นายกเทศมนตรีตําบลทุ่งฝน อําเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี
- กลุ่มที่ ๕ ปลัดและรองปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ (จํานวน ๓ ราย)
- (๑) นางสาวมณีรัตน์ดวงกุณา ปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลหนองเดิ่น อําเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ
- (๒) นายฟ้าใส เสนาธรรม (นายชยพล เสนาธรรม) ปลัดเทศบาลตําบลบ้านแปะอําเภอจอมทองจังหวัดเชียงใหม่
- (๓) นายนพคุณ พรหมพุทธา รองปลัดเทศบาลตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน
เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง
|
วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ |
เชิงอรรถ
แก้ไข
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"