งานแปล:เจ้าชายกบ

เจ้าชายกบ (ค.ศ. 1874)
โดย พี่น้องกริมม์, ภาพประกอบ โดย วอลเทอร์ เครน, แปลจากภาษาอังกฤษ โดย วิกิซอร์ซ

เจ้าชายกบ
ต่ครั้งโบราณ ในกาลที่ยังมีผู้คนคอยอธิษฐานขอพรอยู่ มีพระราชาพระองค์หนึ่งซึ่งมีพระธิดาล้วนสิริโฉมโสภา แต่พระธิดาพระองค์เล็กสุดนั้นสุดเลอลักษณ์ แม้ดวงอาทิตย์เองซึ่งได้ยลเธอเป็นนิตย์ ก็ยังติดใจไม่รู้ลืมทุกคราที่เธอปรากฏองค์ท่ามกลางตะวันฉาย

ใกล้ปราสาทราชวังของพระราชาพระองค์นี้มีป่าใหญ่อึมครึม และใจกลางป่ามีต้นมะนาวเก่าแก่ต้นหนึ่งยืนต้นอยู่ ใต้กิ่งพฤกษานั้นมีน้ำพุลำน้อยคอยกระเซ็นสาย ก็ยามใดที่ร้อนอบอ้าวเหลือใจ พระราชบุตรีพระองค์เล็กมักวิ่งตรงเข้าสู่ป่านี้ แล้วประทับนั่งลงริมสระน้ำพุนี้ และคราใดที่พระทัยหม่นหมอง เธอก็มักคลายอัธยาศัยด้วยการเล่นโยนลูกบอลสีทองขึ้นฟ้าแล้วคว้าไว้ให้ทัน ก็นั่นแหละกิจกรรมเพลิดเพลินสุดโปรดของพระธิดา

ทีนี้ มีเรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง คือว่า เจ้าลูกบอลสีทองนี้ ตอนที่พระธิดาโยนขึ้นฟ้า มันหากลับคืนสู่พระหัตถ์ของเธอไม่ กลับตกลงไปในพงหญ้า แล้วกลิ้งผ่านพระธิดาลงไปในน้ำพุ พระราชบุตรีสอดส่ายสายพระเนตรไปตามลูกบอลที่กลิ้ง แต่มันจมดิ่งหายลงน้ำไป ซึ่งลึกเกินกว่าผู้ใดจะหยั่งเห็นพื้นได้ ดังนั้น เธอจึงตั้งต้นโอดครวญ กันแสง

ดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อย ๆ และในยามที่เธอโทมนัสอยู่นั้น เสียงเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นว่า "ดูก่อน พระองค์หญิง เท็จจริงเป็นประการใดจึงมาร่ำไห้ฉะนี้ มิรู้หรือว่า ก้อนศิลาก็มิอาจทนไม่หลอมละลายไปกับน้ำตาของพระองค์" เธอจึงกวาดสายตาไปยังจุดที่เสียงนั้นเปล่งมา และพบกบตัวหนึ่งยื่นหัวอันหนาเตอะเกรอะกรังออกมาจากผิวน้ำ "อ้า เจ้านักประดาน้ำแก่" องค์หญิงตรัส "นั่นเจ้าพูดหรือไร ข้าร้องไห้เพราะลูกบอลทองคำของข้าไหลหลุดจากข้าลงไปในน้ำหรอก"

"เงียบเสีย อย่ากันแสงอีก" เจ้ากบทูล "ข้าพระองค์จะถวายคำแนะนำดี ๆ แต่มีคำถาม คือ พระองค์จะให้อะไรข้า ถ้าข้างมของเล่นของพระองค์กลับคืนขึ้นมาให้"

"อยากได้อะไรเล่า เจ้ากบจ๋า" พระธิดาตรัส "เสื้อผ้าข้ามากมี อัญมณีข้ามากล้น หรือมงกุฎทองอำพนที่ข้าสวมอยู่"

กบทูลตอบ "เสื้อผ้า แก้วแหวน หรือมงกุฎทอง หาใช่ข้าวของสำหรับข้า แต่ทว่า ถ้าพระองค์จะทรงรักข้า และยอมให้ข้าเป็นผู้อยู่คู่เคียง เป็นเพื่อนเล่นคู่ใจ และได้นั่งร่วมโต๊ะเสวย แล้วรับประทานอาหารจากจานทองใบน้อย ๆ ของพระองค์ พร้อมดื่มด่ำน้ำใด ๆ จากแก้วของพระองค์ รวมถึงได้นอนบนเตียงหลังเล็กของพระองค์ ถ้าพระองค์จะทรงสัญญาเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดกับข้าแล้วไซร้ ข้าจะดำดิ่งลงไปเก็บกู้ลูกบอลสีทองขึ้นมาให้"

"โอ้ ข้ารับคำทั้งหมดนั่นแหละ" เธอว่า "ขอเพียงแต่เจ้าเอาลูกบอลมาให้ข้า" แต่พระธิดาคิดในพระทัยว่า "เจ้ากบโง่ตัวนี้พล่ามอะไร ปล่อยมันอยู่ในน้ำไปกับเพื่อนที่คู่ควรของมันนั่นล่ะ จะมาร่วมสมาคมกับข้าได้ฉันใด" แต่กบนั้น ฉับพลันที่ได้รับคำมั่นจากพระโอษฐ์ ก็กระโดดทิ้งหัวลงน้ำและดำลึกลงไป ชั่วอึดใจมันก็ว่ายกลับขึ้นมาโดยคาบลูกบอลอยู่ในปาก แล้วทิ้งบอลไว้บนผืนหญ้า พระราชบุตรีปีติ

ที่ได้เห็นของเล่นอันตระการของเธออีกครั้ง ทรงเก็บมันขึ้นแล้ววิ่งหายลับไปกับตา "เดี๋ยว ๆ" เจ้ากบร้อง "เอาข้าไปด้วย ข้าวิ่งตามท่านไม่ทันหรอก" แต่จะร้องจนคอแห้งปานใดก็ไร้ผล แม้เสียงจะดังถึงขนาด แต่พระราชธิดาก็ไม่ทรงฟัง กลับหลังแล่นกลับวัง ไม่ช้าก็หลงลืมกบผู้น่าสมเพช ก็จำเป็นที่เจ้ากบจะต้องกระโจนกลับสระไป

วันถัดมา ขณะที่พระธิดาประทับร่วมโต๊ะกับพระบิดาและข้าหลวงขุนนางของพระองค์ และกำลังทรงอิ่มเอมกับกระยาหารบนจานทองใบน้อย ๆ อยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงสิ่งใดสักอย่างย่างขึ้นบันไดหินอ่อนมา ดังกระดึ๊บกระดั๊บ กระโดดกระเด้ง และเมื่อเจ้าสิ่งนั้นมาถึงขั้นบนสุด มันก็หยุดแล้วเคาะประตู ครั้นแล้วก็เปล่งวาจาว่า "เปิดประตูหน่อยเถิดพระเจ้าข้า ฝ่าพระบาทพระราชธิดาพระองค์น้อย" องค์หญิงจึงลุกขึ้นไปดูว่า ใครกันนะที่มาเรียกพระองค์ แต่เมื่อทรงเปิดประตูออกและพบเห็นกบ ก็ทรงปิดกลับดังปังสุดกำลัง แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ มีพระพักตร์ขาวซีดสุดพรรณนา พระบิดาทรงรู้สึกถึงพระทัยของพระธิดาที่กำลังเต้นรัวอย่างรุนแรง จึงถามว่า ผู้มาอยู่หน้าประตูนั้นเป็นยักษ์ร้ายที่หมายมาฉุดคร่าไปหรือไร "โอ้ มิได้เพคะ" พระธิดาตอบ "หาใช่ยักษ์ เป็นกบอัปลักษณ์"

"กบหมายสิ่งใดจากลูกเล่า" พระเจ้าแผ่นดินตรัส

"โอ้ ทูลกระหม่อมพ่อ วานนี้ตอนที่ลูกนั่งเล่นอยู่ริมสระ บอลทองคำของลูกตกน้ำ และกบตัวนี้งมกลับขึ้นมาให้ เพราะลูกร้องไห้คร่ำครวญเหลือเกิน แต่ลูกขอทูลก่อนว่า เจ้ากบบีบคั้นลูกยิ่งนัก จนลูกรับปากกับมันว่า จะให้มันเป็นคู่เคียงของลูก ลูกไม่คิดเลยว่า มันจะออกจากน้ำได้ แต่จนแล้วจนรอด มันก็กระโจนออกมาได้ และตอนนี้ มันก็อยากเข้ามาในนี้"

จังหวะนั้นเอง มีเสียงเคาะขึ้นอีก พร้อมเสียงร้องว่า

"องค์หญิงองค์น้อย ค่อยเปิดประตู
เยี่ยมหน้ามาดู รับข้าเข้าไป
หรือลืมคำมั่น อันท่านให้ไว้
ณ สระน้ำใส ใต้ต้นมะนาว
โปรดลองตรองตรึก รำลึกเรื่องราว
อย่ารอยืดยาว เปิดประตูที"

องค์ราชาจึงตรัสว่า "สัญญาอะไรกับใครไว้ ลูกต้องทำตามนั้น ไปรับเขาเข้ามา" ฉะนั้น พระธิดาจึงเสด็จไปเปิดประตู และเจ้ากบก็กระโดดหย่อง ๆ ตามเข้ามาจนถึงพระที่นั่ง และทันทีที่พระธิดาประทับนั่ง กบก็ว่า "เอาข้าขึ้นไปด้วย" แต่เธอประวิงอยู่เป็นนานช้า จนพระราชารับสั่งให้ทำตามนั้น และทันใดที่กบได้นั่งบนพระที่นั่ง มันก็กระโดดขึ้นโต๊ะแล้วว่า "เอาล่ะ เถิบจานมาใกล้ ๆ เราจะได้ร่วมมื้ออาหารกัน" และพระธิดาทำตามนั้น แต่ก็อย่างที่ทุกคนเห็น มิได้เต็มพระทัยสักเท่าใด เจ้ากบเปรมใจไปกับเครื่องต้นอย่างยิ่ง ส่วนพระธิดาก็กล้ำกลืนฝืนกินจนแทบสำลักไปเสียทุกคำ จนที่สุดเจ้ากบก็ว่า "ข้าพระองค์ได้ดับความหิวกระหายสิ้นแล้ว และรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหลือกำลัง จะโปรดอุ้มข้าขึ้นบันไดไปยังห้องพระบรรทม และเตรียมพระแท่นให้พร้อมสรรพ เพื่อที่เราจะได้หลับนอนร่วมกัน ได้ไหมพระเจ้าข้า" ฟังแล้วพระธิดาก็น้ำตาตก เพราะทรงวิตกแขยงที่เจ้ากบตัวเย็นเฉียบ กลัวจนไม่กล้าจับต้องมัน และที่สำคัญ มันอยากนอนเตียงอันวิจิตรหมดจดของเธอจริง ๆ เสียด้วย

แต่น้ำพระเนตรพระธิดาทำให้พระราชาพิโรธนัก ตรัสว่า

"ใครช่วยเจ้าไว้ในยามทุกข์ร้อน ก็อย่าไปรังเกียจรังงอนเขา" เพราะฉะนั้น พระธิดาจึงพากบขึ้นไปด้วยนิ้วสองนิ้ว แล้ววางกบไว้ ณ มุมหนึ่งของห้อง แต่เมื่อเธอนอนลงบนเตียง เจ้ากบก็ไต่ขึ้นเตียงแล้วทูลว่า "ข้าพระองค์เหนื่อยนักใคร่พักผ่อน อยากแผ่นอนให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย จงพาข้าขึ้นเตียงพระองค์ด้วย ไม่ช่วยแล้วจะฟ้องพระบิดา" คำพูดนี้ยังให้พระราชบุตรีโกรธเป็นกำลัง คว้ามันขึ้นแล้วโยนมันใส่กำแพงเต็มกำลัง พลางว่า "ทีนี้เงียบได้หรือยัง เจ้ากบน่าเกลียด"

แต่เมื่อกบร่วงลง มันก็เปลี่ยนร่างจากกบเป็นเจ้าชายหล่อเหลา ดวงตาเกลี้ยงเกลา ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคู่เคียงและคู่หมั้นของพระธิดาโดยราชานุมัติของพระบิดาเธอ ครั้นแล้ว เจ้าชายผู้นั้นก็เล่าให้เธอฟังถึงเรื่องที่พระองค์ถูกแม่มดร้ายกลายร่าง และไม่มีใครเลยนอกจากพระธิดาที่จะพาพระองค์ออกจากสระน้ำพุได้ และยังว่า วันรุ่งพรุ่งนี้ จะจรลีไปเยือนแว่นแคว้นของพระองค์กัน

เช้าวันถัดมา ทันทีที่ดวงสุริยาขึ้นเฉิดฉาย รถม้าเทียมม้าขาวแปดตัว ประดับขนนกกระจอกเทศบนหัว พร้อมบังเหียนทองคำ ก็ย่ำฝีเท้ามาจนถึงพระทวารพระราชวัง ท้ายรถมีราชวัลลภเฮนรี บริพารของเจ้าชายหนุ่ม ยืนอยู่ คราวที่เจ้าชายผู้เป็นนายกลับกลายร่างเป็นกบนั้น ราชวัลลภเฮนรีโศกาจาบัลย์เป็นที่ยิ่ง จนกริ่งเกรงว่า อกจะแตกตายเพราะความวิปโยคโศกตรม จึงตรึงโลหะสามแผ่นไว้กับราวนมตลอดมา ทว่าบัดนี้ ราชรถพร้อมพาเจ้าชายหนุ่มเสด็จคืนบ้านเมืองของพระองค์เองแล้ว เฮนรีผู้ภักดีจึงคอยประคองคู่บ่าวสาวและนั่งประจำท้ายโดยเปี่ยมปีติที่ผู้เป็นนาย

พ้นมนต์สะกด ราชรถดำเนินไปได้ไม่ไกล เจ้าชายก็ได้ยินเสียงปริแตกดั่งมีอันใดหักพังอยู่ท้ายรถ พระองค์จึงทรงชะโงกออกมาจากพระบัญชร แล้วตรัสถามเฮนว่า อะไรแตกหักหรือ เฮนรีทูลตอบว่า "ที่แตกสลายมิใช่ราชรถหรอกพระเจ้าข้า หากเป็นแผ่นเหล็กที่ข้าผูกรัดไว้รอบอกเมื่อคราวโศกตรมเพราะทรงกลายเป็นกบ"

ระหว่างทางเสด็จหลังจากนั้น ก็มีเสียงอย่างเดียวกันบังเกิดขึ้นอีกสองครั้ง และทุกครั้งเจ้าชายจะทรงนึกว่า ราชรถคงแตกพังลงบางจุด แต่ที่สุดแล้วเป็นเพียงการแตกสลายไปของแผ่นโลหะที่ตราตรึงรอบอกราชวัลลภเฮนรี ผู้นับแต่นั้นมีแต่ความยินดีปรีดิ์เปรม

บรรณานุกรม

แก้ไข
  • Brothers Grimm (1874). The Frog Prince. London: George Routledge and Sons. OCLC 14162154. 
    งานนี้เป็นงานแปล ซึ่งมีสถานะทางลิขสิทธิ์แยกต่างหากจากงานต้นฉบับ
งานต้นฉบับ:
 

งานนี้เป็นสาธารณสมบัติทั่วโลก เนื่องจากเผยแพร่ก่อนวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1929 หรือผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตายมาแล้วอย่างน้อย 100 ปี

 
งานแปล:
 

ข้าพเจ้า ผู้ถือลิขสิทธิ์ในงานนี้ ให้งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ คำประกาศนี้ให้มีผลทั่วโลก
ถ้าคำประกาศดังกล่าวไม่อาจเป็นไปได้ในทางกฎหมาย ข้าพเจ้าก็ให้ทุกคนมีสิทธิใช้งานนี้ได้ในทุกกรณี โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เว้นแต่ที่กฎหมายกำหนด