จดหมายเหตุ เรื่อง เจ้าพระยาภูธราภัยยกกองทัพไปปราบฮ่อ/ตอนที่ 3

ตอนที่ ๓ ว่าด้วยปราบฮ่อครั้งแรก
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘

เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๑๗ เปนปีที่ ๗ ในรัชกาลที่ ๕ ฮ่อเตรียมทัพที่ทุ่งเชียงคำ จะยกลงมาทางเมืองเวียงจันท์มาตีเมืองหนองคายทัพ ๑ จะยกไปทางเมืองหัวพันห้าทั้งหกไปตีเมืองหลวงพระบางอิกทัพ ๑ ข่าวที่ฮ่อเตรียมจะยกกองทัพเข้ามาครั้งนี้ กรมการเมืองหนองคายได้ทราบความจากพวกท้าวขุนเมืองพวนที่แตกหนีเข้ามาอาศรัยอยู่เมืองหนองคาย จึงบอกเข้ามายังกรุงเทพฯ ถึงพร้อมกับใบบอกเจ้านครหลวงพระบาง ขณะนั้น พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) เปนข้าหลวงขึ้นไปสักเลขอยู่ในมณฑลอุบล จึงโปรดฯ ให้พระยามหาอำมาตย์เกณฑ์กำลังมณฑลอุดร มณฑลร้อยเอ็จ แลมณฑลอุบล เปนกองทัพ ๑ ให้พระยานครราชสิมา (เมฆ) เกณฑ์กำลังนครราชสิมาเปนกองพัพอิกทัพ ๑ ให้พระยามหาอำมาตย์เปนแม่ทัพใหญ่ยกขึ้นไปป้องกันเมืองหนองคาย แลโปรดฯ ให้เกณฑ์กำลังมณฑลพิษณุโลกเข้ากองทัพให้พระยาพิไชย (ดิศ) คุมขึ้นไปช่วยป้องกันเมืองหลวงพระบางอิกทัพ ๑ ฝ่ายทางกรุงเทพฯ โปรดให้เกณฑ์กำลังเข้ากองทัพ ให้เจ้าพระยาภูธราภัย ที่สุมหนายก เปนแม่ทัพยกไปปราบฮ่อทางเมืองหลวงพระบางทัพ ๑ โปรดฯ ให้เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงเปนแม่ทัพยกไปปราบฮ่อทางเมืองหนองคายทัพ ๑

เมื่อกองทัพพระยามหาอำมาตย์ยกขึ้นไปถึงเมืองหนองคาย ฮ่อก็ลงมาถึงฝั่งน้ำโขงฟากโน้น ตั้งค่ายอยู่ที่วัดจันทน์ในเมืองเวียงจันทน์แห่ง ๑ ที่บ้านสีฐานแห่ง ๑ ที่บ้านโพนทานาเลาแห่ง ๑ แล้วข้ามฟากมาตีเมืองปากเหืองแตกเมือง ๑ พระยามหาอำมาตย์ กับพระยานครราชสิมา (เมฆ) พระพรหมภักดี (กาจ สิงหเสนี)[1] ยกรบัตรเมืองนครราชสิมา ยกขึ้นไป ได้รบพุ่งกับพวกฮ่อ ๆ ต่อสู้อยู่วัน ๑ ก็แตกหนีไปหมด จับเปนได้ก็มาก

กองทัพเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงยกออกจากกรุงเทพฯ โดยทางเรือเมื่อวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๘ ค่ำ พ.ศ. ๒๔๑๘ ตั้งโขลนทวารที่เหนือท่าขุนนาง เสด็จลงส่งกองทัพที่ท่าราชวรดิษฐ์ตามประเพณีโบราณ กองทัพขึ้นไปตั้งประชุมพลที่ตำบลหาดพระยาทด แขวงเมืองสระบุรี แล้วยกเปนกองทัพบกขึ้นไปเมืองนครราชสิมาทางดงพระยาไฟ เมื่อกองทัพเจ้าพระยามหินทรฯ ยกไปแล้ว ได้ข่าวมาถึงกรุงเทพฯ ว่า พวกฮ่อที่ลงมาทางเมืองหนองคายแตกทัพพระยามหาอำมาตย์ไปหมดแล้ว เห็นไม่จำเปนจะให้กองทัพใหญ่ขึ้นไป จึงมีตราให้หากองทัพเจ้าพระยามหินทรฯ กลับมาจากเมืองผไทสง กองทัพเจ้าพระยาภูธราภัยนั้นยกออกจากกรุงเทพฯ เหมือนอย่างครั้งกองทัพเจ้าพระยามหินทรฯ เมื่อณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ไปตั้งประชุมพลที่เมืองพิไชยแล้วยกกองทัพเดินทางบกต่อไป

ฝ่ายกองทัพพระยาพิไชย (ดิศ) ซึ่งได้ยกล่วงหน้าขึ้นไปก่อน ไปถึงเมืองหลวงพระบาง ได้ทราบว่า กองทัพฮ่อมาตั้งอยู่ที่เมืองเวียงกัดในแขวงหัวพันห้าทั้งหก พระยาพิไชยก็รีบยกขึ้นไปจากเมืองหลวงพระบาง ไปพบกองทัพฮ่อ ได้รบกันเมื่อเดือน ๑๒ ปีกุญ แต่กำลังกองทัพพระยาพิไชยไม่พอจะตีฮ่อให้แตกไปได้ จึงตั้งมั่นรักษาด่านอยู่ เมื่อเจ้าพระยาภูธราภัยขึ้นไปถึงเมืองพิไชย ได้ทราบว่า พระยาพิไชยรบพุ่งติดพันอยู่กับพวกฮ่อ จึงจัดกองทัพให้พระสุริยภักดี (เวก บุณยรัตพันธุ์)[2] เจ้ากรมพระตำรวจ รีบยกขึ้นไปเมืองหลวงพระบางตามไปช่วยพระยาพิไชย กองทัพพระสุริยภักดีขึ้นไปถึง เข้าตีทัพฮ่อแตกยับเยินไป เจ้าพระยาภูธราภัยจึงสั่งให้กองทัพพระยามหาอำมาตย์ แลกองทัพพระสุริยภักดี ติดตามตีฮ่อไปจนทุ่งเชียงคำ พวกฮ่อก็พากันอพยบหลบหนีไปจากเมืองพวน เปนเสร็จการปราบฮ่อในคราวนั้น กองทัพเจ้าพระยาภูธราภัยได้ยกขึ้นไปตั้งอยู่ที่ตำบลปากลายริมแม่น้ำโขงข้างใต้เมืองหลวงพระบางจนมีตราให้หากลับมา


  1. เปนบุตรเจ้าพระยายมราช แก้ว ต่อมา ได้เลื่อนเปนพระยาปลัด แลเปนพระยานครราชสิมา แล้วเปนพระยานครราชเสนี จางวาง
  2. เปนบุตรของเจ้าพระยาภูธราภัย ภายหลัง ได้เปนเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช