เวลาวันหนึ่ง ฮุนกอได้ผลไม้อย่างดีหวังจะเอามาขายให้ไซบุนเข่งก็ไม่พบ มีผู้บอกว่า ถ้าจะหาไซบุนเข่งก็ไปที่โรงขายน้ำชาของยายเห็งโผ บัดนี้ ไซบุนเข่งรักใคร่กับภรรยาบู๊ตัวหนึง ถ้าไปที่นั่นคงจะพบ ฮุนกอได้ฟังก็หาบผลไม้ตรงมาถึงโรงน้ำชา ยายเห็งโผถามว่า เจ้ามาหาผู้ใดหรือ ฮุนกอบอกว่า ข้าพเจ้าหาบผลไม้มาจะขายให้ไซบุนเข่ง ยายเห็งโผว่า ไซบุนเช่งไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ฮุนกอว่า อย่าปิดบังเลย เรารู้อยู่ดอก พูดแล้วก็เดินเข้าข้างใน ยายเห็งโผยึดไว้ไม่ให้เข้าไป ฮุนกอว่า ไซบุนเข่งอยู่ในห้อง เราจะเอาผลไม้ไปขาย ถ้าไม่ให้เข้าไป เราจะไปบอกบู๊ตัวหนึง ยายเห็งโผแจ้งว่าฮุนกอรู้ความก็โกรธ ตรงเข้าทุบตีแล้วไล่ออกจากโรงไป ฮุนกอสู้ยายเห็งโผไม่ได้ก็เดินร้องไห้กลับมาได้ครึ่งทาง พบบู๊ตัวหนึงหาบของขาย ก็ร้องถามว่า ไม่เห็นหน้าหลายวัน ใจท่านดีนัก ผู้ใดทำให้เจ็บปวดเท่าไรก็ไม่โกรธ บู๊ตัวหนึงได้ฟังก็สะดุ้งใจสงสัยจึงถามว่า เหตุใดพูดดังนี้ มีข้อความสิ่งใดจงบอกให้รู้เถิด จะให้ของรับประทานเป็นรางวัล ฮุนกอว่า มีการสำคัญอยู่สิ่งหนึ่ง ซื้อสุราให้เราดื่มจึงจะบอกได้ บู๊ตัวหนึงจึงพาไปซื้อสุราให้ดื่ม ฮุนกอบอกว่า ภรรยาท่านรักใคร่กับไซบุนเข่ง ไปหากันที่โรงยายเห็งโผ แล้วก็เล่าความซึ่งเอาผลไม้ไปขายยายเห็งโผทุบตีขับไล่ให้ฟังทุกประการ บู๊ตัวหนึงก็โกรธยิ่งนัก พูดว่า การนี้จริงดังท่านกล่าวแล้ว คนไหนหนอชื่อไซบุนเข่ง จะไปจับให้ได้ ฮุนกอบอกว่า เวลาท่านออกมาค้าขาย เขาไปหากันที่โรงยายเห็งโผทุกวัน ซึ่งจะไปจับแต่คนเดียวเห็นจะไม่ได้ ไซบุนเข่งรู้ตัวจะออกมาจับไปทำโทษ ด้วยเจ้าเมือง กรมการ เป็นพวกพ้องเขาทั้งสิ้น ท่านจะมิตายเปล่าหรือ เรามีอุบายอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าท่านกลับไปโรงอย่าพูดจาสิ่งใดให้ภรรยารู้ พรุ่งนี้เช้า จงหาบของมาขาย เราจะรอคอยอยู่ที่นี่ แม้นเห็นไซบุนเข่งไปที่โรงยายเห็งโผแล้ว ท่านกับเราตามไปแอบดู ภรรยาท่านคงมาอยู่ในที่นั้นด้วย ข้าพเจ้าจะยืนด่าที่หน้าโรง ยายเห็งโผก็คงออกมาตี เราจะยึดไว้ ท่านเข้าไปในโรงก็คงจะจับไซบุนเข่งกับภรรยาได้ บู๊ตัวหนึงก็เห็นชอบ พูดนัดกันแน่นอนแล้ว บู๊ตัวหนึงจึงกลับมาโรง นางพัวกิมเหลียนออกมารับหาบตามเคย ครั้นเวลาเช้า บู๊ตัวหนึงจัดขนมเล็กน้อยหาบออกจากโรงมา นางพัวกิมเหลียนมิได้เฉลียวใจ พอบู๊ตัวหนึงออกจากโรงไปแล้ว ก็แต่งตัวงดงามตรงมายังโรงยายเห็งโผ
ฝ่ายฮุนกอครั้นรุ่งขึ้นเช้าก็ไปคอยบู๊ตัวหนึงอยู่ที่ตลาด พอเห็นบู๊ตัวหนึงมาก็บอกว่า เวลานี้ยังเช้าอยู่ จงหาบของขายตามแถวนี้ไปก่อน ถ้าไซบุนเข่งมาเมื่อไร เราจะตามไปบอก บู๊ตัวหนึงก็หาบขนมขายประมาณครู่หนึ่ง ชวนกันเดินมาถึงหน้าโรง บู๊ตัวหนึงแอบซ่อนตัวเสีย ฮุนกอด่าว่ายายเห็งโผเป็นคำหยาบต่าง ๆ ยายเห็งโผได้ฟังก็โกรธ ออกจากโรงมาตีฮุนกอ ฮุนกอก็ยึดยายเห็งโผไว้แน่นหนา บู๊ตัวหนึงเห็นได้ทีก็วิ่งเข้าไป ยายเห็งโผเห็นบู๊ตัวหนึงวิ่งเข้ามาในโรงก็ตกใจ ครั้นจะไปบอกไซบุนเข่งกับนางพัวกิมเหลียนก็ไม่ได้ด้วยฮุนกอยึดไว้มั่นคง บู๊ตัวหนึงเข้าไปข้างในได้ยินเสียงพูดจากันอยู่ในห้องก็วิ่งตรงเข้าไป ไซบุนเข่งเห็นก็ปิดประตูห้องใส่กลอนซ่อนอยู่ใต้เตียง นางพัวกิมเหลียนมิได้เกรงกลัว ครั้นไซบุนเข่งเข้าซ่อนอยู่จึงพูดเปรียบว่า เมื่อแรกอวดอ้างว่า ไม่กลัวผู้ใด ยังไม่ทันไรก็เข้าซ่อนเสีย ไซบุนเข่งได้ฟังก็นึกอายใจออกมาจากใต้เตียงเปิดประตู บู๊ตัวหนึงก็ตรงเข้าไปจับ ไซบุนเข่งเอาเท้าถีบถูกอกบู๊ตัวหนึงล้มลงรากโลหิตออกมา ไซบุนเข่งก็หนีไม่ได้ ฮุนกอยึดยายเห็งโผไว้ เห็นไซบุนเข่งถีบบู๊ตัวหนึงล้มลงก็วางยายเห็งโผเสียหนีไป ยายเห็งโผตกใจกลัวบู๊ตัวหนึงจะตายก็ร้องเรียนกนางพัวกิมเหลียนออกมาช่วยกันพยุงกลับไปโรง บู๊ตัวหนึงเจ็บปวดยิ่งนักไม่ได้สติ ครั้นกลับไปโรงแล้วก็ฟื้นขึ้น นางพัวกิมเหลียนก็ไม่เอาใจใส่ดูแล ครั้นถึงเวลาก็แต่งตัวไปหาไซบุนเข่งที่โรงยายเห็งโผทุกเวลามิได้ขาด บู๊ตัวหนึงลุกขึ้นก็ไม่ได้ ไม่รู้ที่จะทำประการใด นอนป่วยอยู่สี่ห้าวัน นางพัวกิมเหลียนก็เฉยเสียไม่ปฏิบัติรักษา บู๊ตัวหนึงจึงร้องเรียกนางพัวกิมเหลียนมาพูดว่า เจ้าไม่ปฏิบัติรักษาจะทิ้งให้ตายเสียก็แล้วไป บู๊สงน้องเรากลับมาก็จะได้เห็นกัน แม้นเจ้าอุตส่าห์ปฏิบัติรักษาให้เราหาย ถึงบู๊สงกลับมาก็จะปิดความเสียมิให้รู้ ถ้าไม่เชื่อก็ตามแต่ใจเถิด นางพัวกิมเหลียนได้ฟังก็ตกใจไปปรึกษากับยายเห็งโผว่า บู๊ตัวหนึงพูดดังนี้ จะทำประการใดดี ยายเห็งโผว่า ถ้ากระนั้น เอายาพิษให้กินตายเสียก็แล้วกัน ความเรื่องนี้ชาวบ้านไม่มีผู้ใดรู้ บู๊สงกลับมา บอกว่าป่วยตายก็สิ้นเรื่อง นางพัวกิมเหลียนก็ยินดี ช่วยกันจัดหายาพิษมาให้บู๊ตัวหนึงรับประทาน บู๊ตัวหนึงสำคัญว่า ภรรยาปฏิบัติรักษาตามคำที่พูดไว้ มิได้สงสัย ดื่มยาพิษเข้าไป บัดเดี๋ยวก็ขาดใจตาย นางพัวกิมเหลียนกับยายเห็งโผกลัวเพื่อนบ้านจะรู้ก็ทำเป็นร้องไห้ เอากระดาษเขียวมาเขียนตัวหนังสือขาวปิดไว้หน้าโรง ปรารถนาจะให้ชาวบ้านรู้ว่า บู๊ตัวหนึงป่วยตาย ชาวบ้านทั้งหลายแจ้งว่า นางพัวกิมเหลียนคบชู้สู่ชาย แต่บู๊ตัวหนึงนั้นตายไม่รู้ว่าเหตุผลอันใด มิได้ถามไถ่ พากันนิ่งอยู่ ยายเห็งโผไปบอกกับไซบุนเข่งว่า เราคิดอ่านวางยาพิษบู๊ตัวหนึงตายเสียแล้ว จะทำประการใดดี ไซบุนเข่งได้ฟังกลับมีความยินดีว่า คราวนี้คงสมปรารถนา ยายจงเอาเงินไปซื้อหีบใส่ศพเอาไปเผาเสียเถิด ยายเห็งโผว่า ทำเช่นนั้นไม่ได้ ต้องไปบอกผู้ตรวจมาดูตามธรรมเนียมเมือง ผู้ตรวจนั้นชื่อ ห้อเกาเจ้ก เป็นคนสัตย์ซื่อ ท่านจะคิดอ่านอย่างไรดี ไซบุนเข่งว่า ข้อนั้นไม่เป็นไร เราจะไปว่ากล่าวเอง จงเอาเงินไปซื้อหีบจัดไว้ให้พร้อมเถิด ยายเห็งโผรับเงินแล้วมาบอกนางพัวกิมเหลียนว่า ไซบุนเข่งให้เงินมาซื้อหีบไว้ใส่ศพ ซึ่งการทั้งปวงนั้นไซบุนเข่งจะจัดแจงว่ากล่าวเอง นางพัวกิมเหลียนก็ยินดีปิดความเสีย บอกกับเพื่อนบ้านว่า สามีป่วยตาย ก็ทำร้องไห้เศร้าโศก ยายเห็งโผมาซื้อหีบแล้วไปบอกห้อเกาเจ้กผู้ตรวจว่า บู๊ตัวหนึง สามีนางพัวกิมเหลียน เจ็บในอกตาย เชิญท่านไปดูเสีย จะได้เอาศพใส่หีบ ห้อเกาเจ้กก็ให้เพื่อนตรวจด้วยกันมาดูศพบู๊ตัวหนึงก่อน ตัวห้อเกาเจ้กเดินมาข้างหลัง
ฝ่ายไซบุนเข่งเดินไปหาห้อเกาเจ้กผู้ตรวจพบตามทาง ไซบุนเข่งเชิญเข้าไปในโรงขายสุรา สั่งให้เจ้าของโรงเตี๊ยมจัดหาโต๊ะมาเลี้ยงเป็นอันดี ห้อเกาเจ้กคิดอัศจรรย์ใจนัก ถามว่า วันนี้ ท่านมาเลี้ยงข้าพเจ้า มีธุระสิ่งไร บอกให้ทราบเถิด ไซบุนเข่งว่า เชิญท่านโต๊ะเสพสุราก่อน แล้วจะพูดให้ฟัง สองนายกินโต๊ะเสพสุราด้วยกันประมาณครู่หนึ่ง ไซบุนเข่งหยิบเอาเงินสิบตำลึงวางไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าให้เป็นค่าเหนื่อย ด้วยวันนี้ท่านจะไปดูศพบู๊ตัวหนึง อย่าได้ว่ากล่าวประการใดเลย จงให้เอาใส่หีบเสียโดยดีเถิด แล้วก็ส่งเงินให้ ห้อเกงเจ้กไม่แจ้งว่าเหตุผลประการใดก็ไม่รับ ว่าการเล็กน้อยอย่าได้ให้เงินทองเลย ไซบุนเข่งไม่ฟังขืนเอาเงินส่งให้ ห้อเกาเจ้กเสียไม่ได้ก็รับไว้แล้วคิดว่า เห็นจะมีเหตุการณ์สักสิ่งหนึ่ง เราไปดูศพบู๊ตัวหนึงคงจะรู้ความ ครั้นกินโต๊ะเสพสุราเสร็จก็ลาไซบุนเข่งออกจากโรงเตี๊ยมเดินมาถึงหน้าโรงบู๊ตัวหนึง เห็นเพื่อนผู้ตรวจที่ให้มาก่อนยืนอยู่หน้าโรง นางพัวกิมเหลียนเห็นผู้ตรวจมาก็ทำเช็ดน้ำตาร้องไห้แล้วเชิญเข้าไปข้างใน ห้อเกาเจ้กถามว่า สามีเจ้าป่วยเป็นโรคอะไรจึงได้ตาย นางพัวกิมเหลียนบอกว่า เจ็บในอกมาได้สี่ห้าวัน เวลาคืนนี้ ดึกประมาณสามยาม เจ็บมากขึ้นก็ขาดใจตาย เชิญท่านไปดูเถิด ห้อเกาเจ้กเห็นรูปร่างนางพัวกิมเหลียนงดงามจึงนึกว่า บู๊ตัวหนึงรูปร่างไม่ดี ที่ไหนจะรักใคร่ คงจะได้เสียกับไซบุนเข่ง และอุบายคิดฆ่าสามีเสีย ครั้นเข้าไปเลิกผ้าขึ้นดูก็รู้ว่า ถูกวางยาพิษตาย จะเรียกให้ผู้คนเข้ามาเป็นพยานด้วย คนเหล่านั้นกลัวไซบุนเข่ง ประการหนึ่ง ผู้รักษาเมืองและกรมการก็เป็นพวกพ้องของไซบุนเข่ง เราได้รับเงินของเขาไว้ จะทำประการใดดี คิดแล้วก็ทำเป็นมืดหน้าล้มลงแน่นิ่งไป ยายเห็งโผ กับนางพัวกิมเหลียน และผู้ตรวจที่มาก่อน เห็นก็ตกใจ ช่วยกันพยุงห้อเกาเจ้กกลับไปบ้าน ภรรยาห้อเกาเจ้กไม่แจ้งว่าเป็นประการใด นั่งร้องไห้อยู่ พอพวกที่พยุงไปส่งกลับมาแล้ว ห้อเกาเจ้กลุกขึ้นบอกภรรยาว่า เจ้าอย่าร้องไห้อื้ออึง ไม่เป็นไรดอก เราไปดูศพบู๊ตัวหนึง ไม่ใช่เจ็บป่วยตาย เห็นจะเป็นภรรยาคิดร้าย ไม่รู้ที่จะทำอย่างไร จึงแกล้งกัดฟันให้มืดหน้าลง สืบไปภายหน้า การเรื่องนี้คงโตใหญ่ แล้วเล่าความที่ไซบุนเข่งให้เงินสิบตำลึงนั้นให้ฟังทุกประการ ภรรยาห้อเกาเจ้กบอกว่า ได้ยินเขาเล่าลือว่า นางพัวกิมเหลียนคบชู้ เห็นจะเป็นไซบุนเข่ง ถ้าท่านกลัวเรื่องนี้จะเกิดขึ้นก็อย่าไปเลย ถ้าเขาเอาศพไปเผา คงจะถูกเขาวางยาพิษจริง จงตามไปลักเอากระดูกมาห่อไว้กับเงินที่ไซบุนเข่งให้ บู๊สงกลับมาว่ากล่าวขึ้น จะได้เอาของอันนี้เป็นสำคัญ ห้อเกาเจ้กได้ก็ดีใจจึงออกไปสั่งกับเพื่อนผู้ตรวจว่า เจ้าจงไปดูเสีย เขาจะได้เอาใส่หีบ ถามให้รู้ว่า จะฝังหรือเผา แล้วจงกลับมาบอกเราให้ทราบ ซึ่งเงินค่าธรรมเนียมนั้นเขาให้เท่าไรจงแบ่งปันกันตามมากและน้อย ส่วนตัวเราไม่เอาแล้วด้วยป่วยอยู่ จงชวนกันไปเถิด คนเหล่านั้นก็มาตรวจแล้วถามว่า จะเอาศพไว้กี่วัน เผาหรือฝังประการใด นางพัวกิมเหลียนบอกว่า ครั้นจะฝังไว้ก็เวทนานัก จะต้องเผาเสีย แต่จะเอาศพไว้ทำบุญให้ทานสักสามวัน แล้วเอาเงินมาให้ ผู้ตรวจรับมาแบ่งปันกันตามลำพัง แล้วกลับไปบอกแก่ห้อเกาเจ้กทุกประการ
พัวกิมเหลียนเขย่าคุยหฐานไซบุนเข่งให้สัมภวธาตุเคลื่อน
เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ
แก้ไข- ↑ ภาพเพิ่มโดยวิกิซอร์ซ