หน้า ๒๗๗–๒๘๐ สารบัญ
ฝ่ายตันบุนเจียวรับหนังสือมาตรวจดูก็แจ้งเรื่องของบู๊สงว่า ผู้รักษาเมืองเอียงก๊กกุ้ยแก้ไขถ้อยคำให้ เอาคนเหล่านั้นมาถามไถ่ก็ถูกต้อง ผู้รักษาเมืองมีความเวทนาว่า บู๊สงเป็นคนสัตย์ซื่อฝีมือเข้มแข็ง สั่งให้ลดหย่อนโทษแต่เบาบาง ให้เอายายเห็งโผจำขังไว้ ตันบุนเจียวจึงทำหนังสือบอกเข้าไปเมืองหลวง ขุนนางผู้รักษาเมืองว่า บู๊สงฆ่าคนตาย ให้เฆี่ยนสี่สิบทีแล้วเนรเทศไปเมืองเม่งจิว ยายเห็งโผนั้นโทษมากนักหนา ชักสื่อภรรยาเขา ช่วยกันวางยาตาย ให้เอายายเห็งโผไปเชือดเนื้อทีละชิ้นกว่าจะตาย ไซบุนเข่งไปคบหาภรรยาเขา บู๊สงฆ่าตายเสีย โทษพอลบกลบกัน คนทั้งหกที่ได้รู้เห็นเอามาเป็นพยานนั้นไม่มีโทษ ให้ปล่อยไปทำมาหากินตามภูมิลำเนา ปรึกษาแล้วก็ส่งมายังเมืองตงเพ็งฮู้ ตันบุนเจียวก็ให้หาคนทั้งหกมาบอกว่า บัดนี้ ผู้รักษาเมืองว่า โทษไม่มี จงกลับไปที่อยู่ทำมาหากินเถิด สั่งให้ผู้คุมเอายายเห็งโผมาผูกขึงไว้เข้าเชือดเนื้อทีละชิ้นจนขาดใจตาย แล้วให้เอาบู๊สงเฆี่ยนสี่สิบที เนรเทศไปเมืองเม่งจิว ผู้คุมคำนับลาพาตัวบู๊สงมาบ้าน จัดแจงสิ่งของจะเอาไปเป็นเสบียงตามทาง
ฝ่ายผู้เฒ่าทั้งสี่คนนั้นเสร็จความแล้วกลับไปจัดขายสิ่งของที่บู๊สงสั่งไว้ ได้เงินมาทั้งหกก็พากันเอาไปให้ บู๊สงรับเงินพลางพูดกับฮุนกอว่า เดิมเราจะให้เงินเจ้าอีก จะได้ไปซื้อเลี้ยงบิดา แล้วก็ส่งเงินให้ฮุนกอห้าตำลึง พูดกับคนเหล่านั้นว่า ครั้งนี้ เราทำให้พวกท่านลำบากเป็นหนักหนา อย่าโกรธเลย ถ้อยความก็เสร็จแล้ว เชิญท่านทั้งหลายกลับไปเถิด คนทั้งหกนั้นแจ้งว่าโทษบู๊สงประการใดก็ค่อยคลายวิตก พากันกลับมาเมืองเอียงก๊กกุ้ย
ฝ่ายผู้คุมทั้งสองจัดสิ่งของพร้อมแล้วก็คุมบู๊สงออกจากเมืองตงเพ็งฮู้เดินทางไป ครั้นได้เวลาก็เข้าสำนักอาศัย บู๊สงกับผู้คุมชอบพอรักใคร่ ชวนกันเดินทางไปได้สี่สิบวัน ถึงตำบลหนึ่งมีโรงขายสุรา เห็นคนหาบฟืนเดินมา บู๊สงถามว่า ที่ตำบลนี้เรียกว่าบ้านอะไรหรือ ชายผู้นั้นบอกว่า ยีปิ หนทางสามแพร่ง มีต้นไม้ใหญ่กับโรงขายสุราอยู่ที่นั่น บู๊สงกับผู้คุมทั้งสองก็เดินตรงไปเห็นมีต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าโรง หญิงเจ้าของขายสุราเห็นคนเดินทางมาก็พูดว่า เชิญท่านสำนักที่โรงข้าพเจ้าเถิด ท่านเหนื่อยมา จะดื่มสุรากับสิ่งของต่าง ๆ ก็มี บู๊สงกับผู้คุมก็ชวนกันข้าไปเอาห่อของวางไว้บนโต๊ะ ให้หญิงเจ้าของโรงจัดหาสุราอาหารมาให้ ก็ชวนกันเสพสุรารับประทานอาหารเป็นที่สำราญ บู๊สงเคยเที่ยวมามาก แจ้งว่า ตำบลนี้ถ้าผู้ใดมาสำนักอาศัย ก็เอายาพิษวางให้เมา เก็บเอาทรัพย์สิ่งของ แล้วฆ่าเสีย เชือดเนื้อทำขนมเปาขาย บู๊สงก็คอยระวังตัว ผู้คุมทั้งสองครั้นชวนกันรับประทานชมว่า ขนมนี้ดีนัก บู๊สงเอาขนมเปามาหักออกดูถามเจ้าของว่า ขนมนี้ทำด้วยเนื้อคนหรือสุนัข หญิงนั้นได้ฟังก็หัวเราะแกล้งพูดว่า จะเอาเนื้อคนที่ไหนมา เอาแต่เนื้อโคเนื้อกระบือดอก ท่านอย่าสงสัยเลย บู๊สงว่า เราเคยเที่ยวไปมาได้ยินข่าวคราวอยู่แล้ว ให้ผู้คุมถอดคาออกเสีย ชวนกันเสพสุราพูดจาตามสบาย หญิงนั้นเห็นห่อสิ่งของวางไว้บนโต๊ะก็ยินดี คิดว่า คนทั้งสามนี้เปรียบเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองเพลิง ขนมที่เอาเนื้อคนทำขายก็เกือบหมดอยู่แล้ว เผอิญให้คนสามคนมา จะได้เนื้อทำขนมขายต่อไป แล้วยืนคอยดูอยู่ บู๊สงเห็นหญิงนั้นแต่งตัวงดงามก็พูดสัพยอกเล่น หญิงนั้นก็ทำเป็นหัวเราะไม่ได้ตอบประการใด บู๊สงถามว่า สุราที่อย่างดีมีบ้างหรือไม่ จงเอาให้อีก หญิงนั้นเข้าไปข้างในเอายาพิษใส่แล้วยกออกมาสามชาม บอกว่า สุรานี้ดีนัก เชิญท่านดื่มดูเถิด พูดแล้วก็หัวเราะเดินห่างออกมา บู๊สงเห็นท่วงทีกิริยาชอบกลจึงคิดว่า สุรายกมาคราวนี้เห็นจะใส่ยาเบื่อ พอคิดดังนั้น ผู้คุมทั้งสองก็เสพสุราเข้าไป บู๊สงจะห้ามก็ไม่ทัน จึงทำเป็นพูดว่า สิ่งของแกล้มสุราหมดแล้ว จงจัดหามาอีก หญิงนั้นก็เดินไปจัดการให้ บู๊สงได้ทีเทสุรายาเบือเสีย ยกชามเปล่าขึ้นดื่ม พอหญิงเจ้าของเดินมา บู๊สงวางชามลงบอกว่า สุรานี้ดีจริง ฉุนเฉียวนัก หญิงเจ้าของโรงสำคัญว่า บู๊สงดื่มสุรายาเบื่อแล้ว ก็ยินดี ตบมือหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ผู้คุมทั้งสองก็มึนเมานอนกลิ้งพูดไม่ออก บู๊สงเห็นดังนั้นก็รู้ว่า ถูกยาเบื่อ จึงนึกว่า จำเราจะทำเหมือนผู้คุมทั้งสอง ดูทีหรือว่าหญิงนี้จะทำประการใด แล้วแกล้งทำเป็นนอนหลับตาอยู่ที่โต๊ะ หญิงนั้นเห็นนอนนิ่งอยู่ทั้งสามคนก็ยินดีนัก ตรงเข้าเก็บเอาห่อสิ่งของไปไว้ เรียกคนใช้ทั้งสองมาหามผู้คุมสองคนไปที่ห้องสำหรับฆ่าคน แล้วก็เข้าห้ามบู๊สง บู๊สงแกล้งแข็งตัวให้หนัก คนใช้หามไม่ไหว หญิงนั้นจึงพูดว่า ดีแต่เสพสุราอย่างเดียว จะหามคนเท่านี้ก็ต้องเราลงมือหรือ ว่าแล้วตรงเข้าถอดเสื้อ เห็นบู๊สงอ้วนใหญ่ ว่า คนนี้เอาไว้ทำขนมใช้ต่างเนื้อโคขายได้หลายวัน พูดดังนั้นแล้วก็เข้ายกกลางตัว บู๊สงเอามือกอดหญิงเจ้าของโรงกดลงไว้ หญิงนั้นดิ้นไม่หลุดก็ร้องให้ช่วย คนใช้ทั้งสองตรงเข้าไป บู๊สงก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง คนใช้ตกใจกลัวยืนชะงักอยู่ พอสามีของหญิงมาเห็นก็ร้องว่า อย่าเพิ่งวุ่นวายไปเลย บู๊สงได้ฟังก็เอาเท้าเหยียบหญิงนั้นไว้
ชายนั้นถามว่า ท่านมาแต่ไหนแซ่ไรชื่อใดฝีมือเข้มแข็งนัก บู๊สงบอกว่า เราเป็นขุนนางฝ่ายทหารอยู่เมืองเอียงก๊กกุ้ย แซ่บู๊ชื่อสง ชายผู้นั้นได้ฟังคำนับแล้วพูดว่า ภรรยาข้าพเจ้าไม่รู้จักทำให้ท่านโกรธ อย่าได้ถือโทษเลย บู๊สงได้ฟังก็ปล่อยหญิงนั้นเสีย ชายผู้นั้นให้ภรรยามาคำนับบู๊สงแล้วเชิญเข้าไปนั่งข้างใน บู๊สงถามว่า ท่านอยู่ที่ไหนแซ่ใดชื่อไรจึงได้รู้จักเรา ชายผู้นั้นบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเตียแช รักษาสวนผักของหลวงจีนที่วัดตำบลบ้านนี้ หลวงจีนทำให้ข้าพเจ้าขัดเคืองจึงได้ฆ่าเสีย เอาไฟเผาเสียแล้วมาทั้งโรงขายสุราอยู่ที่นี่ อยู่มาเวลาวันหนึ่งมีผู้เฒ่าหาบของเดินมาทางนี้เห็นว่าข้าพเจ้าว่องไวก็ชวนไปอยู่ด้วยสอนเพลงอาวุธต่างๆ แล้วยกบุตรหญิงชื่อนางซึงยีเหนียมีฝีมือเข้มแข็ง บิดาฝึกหัดเพลงอาวุธให้จนชำนิชำนาญคนทั้งหลายเรียกว่าเอี๊ยะแช
ครั้นอยู่มาบิดานางตาย ข้าพเจ้าจึงมาตั้งโรงขายสุราอยู่ตามเดิม ถ้าผู้ใดเดินทางมาสำนักอาศัยเห็นมีเงินทองก็เอายาเบื่อให้กิน เก็บเอาทรัพย์สิ่งของแล้วฆ่าเสียเอาเนื้อทำขนมขายเลี้ยงชีวิตต่อมา ข้าพเจ้าได้สั่งไว้ว่า ถ้ามีคนสามจำพวกเดินทางมานี้อย่าได้ทำอันตราย เวลาวันหนึ่งข้าพเจ้าไม่อยู่ หลวงจีนลูตีซิมถือไม้เท้าเหล็กหนักหกสิบชั่งเป็นขุนนางฝ่ายทหารอยู่ ณ เมืองเอียนอันฮู้ ครั้นตีแต้โต๋วตายหนีไปบวชเป็นหลวงจีนอยู่วัดเขาเงาไทซัวเดินทางมาทางนี้ ภรรยาข้าพเจ้าเห็นอ้วนพีคิดจะฆ่าเอาเนื้อทำขนมขาย จึงเอายาเบื่อวางหลวงจีนลูตีซิมเมาแล้วก็ช่วยกันหามเข้าไปในห้องสำหรับฆ่าคน พอข้าพเจ้ามาทันเห็นไม้เท้าเหล็กพิงอยู่ก็แจ้งว่าผู้นั้นมีฝีมือ เข้าไปดูเห็นภรรยาเงื้อกระบี่จะฆ่าจึงห้ามไว้ เอายามาแก้ฟื้นขึ้นเล่าความเดิมให้ฟัง ข้าพเจ้ากับหลวงจีนลูตีซิมก็สาบานเป็นพี่น้องกัน ครั้นอยู่มาภายหลังหลวงจีนลูตีซิมแย่งชิงได้วัดโปจูซีที่ตำบลเงายีเล่งซัวเป็นที่อาศัยอยู่กับเอียจี้ที่เรียกแซมินซิว หลวงจีนลูตีซิมมีหนังสือมาชวนให้ไปอยู่ด้วยข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้ไป บู๊สงว่าคนทั้งสองนั้นเราได้ยินข่าวเล่าลือว่าฝีมือเข้มแข็งนัก เตียแชว่าเมื่อเวลาวานนี้ยังมีหลวงจีนอีกรูปหนึ่ง ฝีมือเพลงอาวุธว่องไวกล้าหาญเอากระดูกศีรษะคนทั้งร้อยแปดทำลูกประคำสะพายแล่ง กระบี่ที่ถือสำหรับมือทำด้วยเหล็กอย่างดี เวลากลางคืนกระบี่ดังกริ่งๆ อยู่มิได้ขาด หลวงจีนเดินมาทางนี้นางซึงยีเหนียวางยาเบื่อให้เมาแล้วฆ่าเสีย ข้าพเจ้ามาไม่ทันแต่กระบี่กับลูกประคำนั้นข้าพเจ้าเก็บไว้ได้ ก็หยิบเอาของสองสิ่งมาให้บู๊สงดูแล้วพูดว่าน่าเสียดายเจ้าของนัก ถ้ามาทันเห็นจะไม่ตาย บู๊สงว่าของสองสิ่งนี้ดีนักหนา เตียแชว่าไม่ควรจะมาฆ่าหลวงจีนเลย จำพวกที่สองนั้นว่าหญิงคนเล่นเที่ยวขับร้องหาเลี้ยงชีวิตเดินทางมานี้อย่าทำอันตรายเลย ถ้าแม้นว่าฆ่าตายเอาเงินทองเสียความก็จะเล่าลือไปว่าพวกที่มีฝีมือเข้มแข็งฆ่าหญิงตายเก็บเอาเงินทองไว้ ซึ่งพวกที่สามแม้นมีผู้ต้องโทษเนรเทศเดินทางมาอย่าได้ทำร้าย ภรรยาข้าพเจ้าไม่เชื่อขืนจะทำนี่หากว่ามาพบท่านเป็นคนเข้าใจ ถ้าหาไม่มิตายเสียแล้วหรือ เขาก็จะเลื่องลือว่าเราจะฆ่าคนฝีมือเข้มแข็งด้วยกัน นางซึงยีเหนียว่าเดิมข้าพเจ้ามิได้คิดร้าย ท่านพูดจาให้ขัดใจจึงได้จัดยาเบื่อมาให้ดื่ม ข้าพเจ้ามีความผิดมากท่านอย่าถือโทษเลย บู๊สงถามว่า ผู้คุมสองคนนั้นเอาไปไว้ที่ไหน เตียแชก็พาไปดูที่ห้องฆ่าคนแล้วถามว่าเหตุผลอย่างไรจึงต้องโทษเนรเทศมาดังนี้ บู๊สงก็เล่าความซึ่งฆ่าไซบุนเข่งกับนางพัวกิมเหลียนพี่สะใภ้ตายให้ฟังทุกประการ