แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๖๐–๖๙ สารบัญ



ฝ่ายหลวงจีนลูตีซิมเดินทางไปได้สิบลี้เศษก็อ่อนกำลัง หิวโหยนัก บ้านเรือนผู้คนก็ไม่มี ครั้นจะเดินต่อไปก็ไม่รู้แห่งหนทาง เป็นที่จนใจไม่รู้จะคิดประการใด พอได้ยินเสียงระฆังก็รีบเดินไป เห็นมีวัดอยู่แห่งหนึ่ง ประตูชำรุดหักพัง หลวงจีนลูตีซิมเดินเข้าไปในวัด เห็นมีหลวงจีนอยู่สี่ห้ารูปนั่งซุ่มอยู่ หน้าตาซีดเศร้า หลวงจีนลูตีซิมจึงพูดว่า เรามาร้องเรียกก็พากันนิ่งเสีย มานั่งอยู่ทำไม หลวงจีนเหล่านั้นว่า ท่านอย่าอึงไป ข้าพเจ้ามาซุ่มอยู่ที่นี่อดข้าวถึงสามวันแล้ว หลวงจีนลูตีซิมว่า เราเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย จะขอข้าวกินบ้าง ก็ปดเราเสียว่าไม่มี ซึ่งที่วัดนี้กว้างขวางโตใหญ่ เหตุไฉนจึงอดข้าว หลวงจีนเหล่านั้นบอกว่า เดิมทีวัดนี้ก็สนุกสนาน ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ทุกสิ่ง เมื่อวันก่อนยังมีหลวงจีนกับเต้าหยินทั้งสอง เต้าหยินนั้นเปรียบเหมือนเถร มาพักอาศัยอยู่วัดนี้ แล้วก็เที่ยวแย่งชิงเอาภรรยาและบุตรสาวของราษฎรชาวบ้านมาซุ่มซ่อนไว้ ถ้าผู้ใดไม่ยอม ฆ่าฟันเสีย ซึ่งพวกข้าพเจ้านี้หลวงจีนกับเต้าหยินไล่เสียสิ้น แล้วยังเหลืออยู่แต่พวกข้าพเจ้าสี่ห้ารูปเป็นคนแก่หนีไปไม่พ้นจึงได้ซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่ หลวงจีนลูตีซิมว่า เหตุไฉนราษฎรชาวบ้านไม่พากันไปฟ้องร้องให้เขามาจับเอาตัวไป หลวงจีนเหล่านั้นว่า ไม่มีผู้ใดเป็นหัวหน้าจะไปฟ้องร้องว่ากล่าว หนทางก็ไกล ทหารหัวเมืองก็สู้ฝีมือหลวงจีนกับเต้าหยินไม่ได้ หลวงจีนลูตีซิมถามว่า หลวงจีนกับเต้าหยินชื่อใด หลวงจีนเหล่านั้นบอกว่า แซ่ซุย ชื่อเตาเส็ง เต้าหยินแซ่คู ชื่อเซียวอิด ทั้งสองคนนี้ฝีมือเข้มแข็ง แย่งเอาบุตรสาวและภรรยาของราษฎรมาซ่อนไว้ที่หลังวัดตรงมือข้าพเจ้าชี้ ท่านจงหลีกหนีไปเสียให้พ้นเถิด หลวงจีนลูตีซิมได้ฟังก็หัวเราะ ถือไม้เท้ากับง้าวสะพายพ่อผ้าเดินไปหลังวัด เห็นเต้าหยินหิ้วเข่งไปซื้อเครื่องโต๊ะกลับมาเดินร้องเพลงว่า เราอยู่ทิศตะวันตก เจ้าอยู่ทิศตะวันออก เราไม่มีภรรยา เจ้าไม่มี เราไม่มีภรรยา อยู่คนเดียวสบาย เจ้าไม่มีสามี อยู่คนเดียวไม่ได้ แล้วก็เดินไปข้างหลังวัด หลวงจีนลูตีซิมได้ฟังครั้นจะหัวเราะก็กลัวจะได้ยิน จึงเดินตามเต้าหยินไป ใกล้จะถึงก็ยืนแอบดูอยู่ เต้าหยินนั้นหิ้วเข่งเดินไปไม่เห็นหลวงจีนลูตีซิม ครั้นไปถึงหน้าห้องก็เอาสิ่งของขึ้นวางบนโต๊ะ หลวงจีนซุยเตาเส็งกับหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ เต้าหยินจัดสิ่งของพร้อมแล้วก็นั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่ด้วยกันทั้งสามคน หลวงจีนลูตีซิมเห็นดังนั้นก็โกรธเดินตรงเข้าไป หลวงจีนซุยเตาเส็งเห็นก็สะดุ้งใจลุกขึ้นมาถามว่า ท่านไปไหนมา เชิญนั่งเล่นก่อน หลวงจีนลูตีซิมจึงว่า เจ้านี่มาทำให้วัดทรุดพังสิ้นแล้วมิหนำซ้ำไล่หลวงจีนเสียด้วยเหตุอันใด หลวงจีนซุยเต้าเส็งว่า ข้าพเจ้าจะเล่าให้ท่านฟัง เดิมวัดนี้เงินทองไร่นาบริบูรณ์ หลวงจีนก็มีมาก แต่หลวงจีนแก่สี่ห้ารูปเป็นนักเลงเล่นเบี้ยเสพสุราทำความชั่วต่าง ๆ ท่านเจ้าวัดว่ากล่าวไม่ฟัง ไม่รู้ที่จะทำประการใด ครั้นอยู่มา หลวงจีนสี่ห้ารูปนั้นคบคิดกันไล่ท่านอาจารย์เจ้าวัดเสีย แล้วเอาเงินทองไปเล่นเบี้ยใช้สอยจนสิ้น ไร่นาของสำหรับวัดก็ขายเสีย หลวงจีนทั้งหลายทนทานไม่ได้ก็ต้องชวนกันหนีไป ข้าพเจ้าคิดอยู่ว่า จะเที่ยวเรี่ยไรบำรุงวัดขึ้นใหม่ก็ยังไม่ได้ไป ซึ่งหลวงจีนแก่ ๆ สี่ห้ารูปนั้นพูดจาสิ่งใดท่านอย่าได้เชื่อเลย หลวงจีนลูตีซิมได้ฟังก็สงสัยนักจึงถามว่า หญิงสาวนั้นเหตุใดจึงได้นั่งเสพสุราอยู่ด้วยท่าน หลวงจีนซุยเตาเส็งก็แก้ตัวว่า หญิงนั้นบิดาชื่อ เฮงฮิวกิม เป็นคนมั่งมีทรัพย์สิน ได้เก็บเงินไว้ที่วัดนี้เป็นอันมาก เฮงอิวกิมบิดาหญิงนั้นเป็นเจ้าของวัด ครั้นอยู่นานมา บิดาหญิงนี้ยากจนลงแล้วก็ตาย ญาติพี่น้องของหญิงนี้ก็ไม่มี แต่มีสามีคนหนึ่งก็ป่วยอยู่ไปหากินก็ไม่ได้ พากันนอนอดข้าว หญิงนี้จึงมาหาข้าพเจ้าขอยืมข้าวไปต้มกิน มาถึงข้าพเจ้ากำลังกินโต๊ะเสพสุราอยู่ จึงคิดว่า เดิมบิดาก็ได้เป็นเจ้าของวัด มีความเกรงใจ เรียกให้กินโต๊ะด้วยกันก่อน แล้วจะให้ข้าวสารไป พอดีท่านมาพบ กำลังนั่งกินโต๊ะอยู่ หลวงจีนลูตีซิมจึงคิดว่า หลสงจีนซุยเตาเส็งพูดจาก็ถูกต้อง และหลวงจีนแก่ ๆ สี่ห้ารูปนั้นแกล้งใส่ความเอาดอกกระมัง จำจะไถ่ถามให้ได้ความ คิดแล้วก็กลับเดินมาถามหลวงจีนเหล่านั้นว่า เจ้ามาทำลายวัดวาจนยับเยิน ไร่นาก็เอาซื้อขายเสียเอง กลับมาแกล้งใส่ความเอาหลวงจีนซุยเตาเส็งเปล่า ๆ จริงเช่นนั้นหรือ หลวงจีนเหล่านั้นว่า ท่านอย่าได้เชื่อถือเลย เมื่อวันก่อนนี้ก็ไปแย่งชิงเอาภรรยาและบุตรสาวเขามาอีก หลวงจีนซุยเตาเส็งเห็นว่า ท่านถือง้าวกับไม้เท้าแล้วไม่ทันระวังตัวก็พูดแก้ไขไปแต่พอให้ท่านกลับมาถามข้าพเจ้า ถ้าท่านไม่เชื่อข้าพเจ้า คราวนี้ไปคงเห็นจริง หลวงจีนลูตีซิมได้ฟังก็เดินกลับไปถาม หลวงจีนเหล่านั้นก็เก็บโต๊ะและสุรา พาหญิงเข้าห้องปิดประตูใส่กลอนเสีย หลวงจีนลูตีซิมกลับไปไม่เห็นมีผู้ใด เครื่องโต๊ะก็เก็บเสีย เห็นประตูห้องปิด ก็โกรธ เอาเท้าถีบประตูหักพังเข้าไป หลวงจีนซุยเตาเส็งถือง้าวออกมาสู้รบกับหลวงจีนลูตีซิม หลวงจีนลูตีซิมก็เอาไม้เท้าเข้าต้านทานสู้รบประมาณสิบเพลงเศษ เต้าหยินเห็นก็จับกระบี่ตรงออกมาจะเข้าช่วย หลวงจีนลูตีซิมนึกว่า เราเดินทางมายังกำลังเหน็ดเหนื่อย อาหารก็ไม่ได้กิน เขาถึงสองคนเห็นจะสู้ไม่ได้ จำเราจะล่าถอยออกไปดีกว่า คิดแล้วหลวงจีนลูตีซิมก็ถอยห่างออกไป หลวงจีนซุยเตาเส็งกับเต้าหยินไล่ตามออกมาจนนอกวัด ครั้นไม่ทันแล้วก็พากันกลับไป

หลวงจีนลูตีซิมหนีออกนอกวัดได้ ไม่เห็นผู้ใดไล่ตามมา ก็นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ จึงรำลึกขึ้นได้ว่า ห่อผ้าขาวเราวางไว้ในวัดไม่ได้เอามา ครั้นจะกลับเข้าไปเอาก็กลัวพบหลวงจีนซุยเตาเส็งกับเต้าหยินเข้าจะต้องสู้รบกันอีก ถ้าเราพลาดพลั้งเสียทีก็คงตาย ถ้าไม่กลับไปเอาห่อผ้า จะไปแต่ตัวเปล่า เงินทองจะซื้อกินก็ไม่มี จะทำประการใดดี คิดแล้วก็มีความวิตก ลุกขึ้นเดินไป ๆ มา ๆ อยู่ เห็นชายผู้หนึ่งแอบต้นไม้มองดู พอเห็นหลวงจีนลูตีซิมเดินไปมาก็ถ่มน้ำลายรดแล้วหลบเข้าไปในป่า หลวงจีนลูตีซิมเห็นดังนั้นก็สงสัยจึงคิดว่า ชายผู้นี้เห็นจะเป็นคนร้ายมาคอยตีชิงวิ่งราวคนเดินทาง เห็นเราเดินมาจึงได้ทำดังนี้ จำเราจะเข้าทุบตีแย่งเอาเสื้อไปแลกสุรากิน คิดแล้วก็ถือไม้เท้าตรงเข้าไปร้องตวาดว่า ชายผู้นั้นมาแอบอยู่คอยตีชิงเราหรือ มีฝีมือและกำลังเท่าไรก็ออกมาทดลองกันดูเล่น ชายนั้นได้ยินก็โกรธถือกระบี่เข้าสู้รบกับหลวงจีนลูตีซิมได้สามสิบเพลงไม่แพ้ชนะกัน ชายนั้นนึกว่า หลวงจีนรูปนี้ได้พบปะพูดจากันครั้งหนึ่งแล้ว เรายังจำเสียงได้ แต่หารู้จักชื่อแลแซ่ไม่ คิดแล้วก็ร้องถามหลวงจีนลูตีซิมว่า แซ่ไร ชื่อใด หลวงจีนลูตีซิมว่า มาสู้รบกันอีกสักสองร้อยเพลงก่อนจึงจะบอกให้ ก็เข้ารบกันได้ยี่สิบเพลง ชายนั้นเห็นหลวงจีนลูตีซิมฝีมือเข้มแข็งนักก็ร้องว่า อย่าเพิ่งสู้รบกันเลย ท่านจงบอกชื่อและแซ่ให้ข้าพเจ้าทราบก่อนเถิด หลวงจีนลูตีซิมบอกว่า เดิมเราชื่อ ลูตัด ครั้นมาบวชก็ชื่อ ลูตีซิม ชายนั้นได้ฟังวางกระบี่เข้าไปคำนับแล้วพูดว่า ท่านจำข้าพเจ้าไม่ได้หรือรึชื่อ ซือจิน หลวงจีนลูตีซิมก็รำลึกได้รับคำนับชวนซือจินเข้านั่งใต้ต้นไม้แล้วถามว่า ตั้งแต่จากกันที่เมืองอุยจิวนั้นท่านไปอยู่ที่ไหน จึงได้มาเที่ยวอยู่ที่ป่านี้ ซือจินว่า ตั้งแต่วันกินโต๊ะเสพสุราที่โรงเตี๊ยมเมืองอุยจิวนั้น ข้าพเจ้ากับท่านออกเงินช่วยกิมโล้กับบุตรสาวแล้วก็จากกันไป ครั้นเวลาเช้าได้ข่าวว่า ท่านตีแต้โต๋วตาย ผู้รักษาเมืองให้ทหารเที่ยวจับตัวท่าน ข้าพเจ้าก็ตกใจ หนีจากเมืองอุยจิวไปตามเฮงจินผู้เป็นอาจารย์ที่เมืองเอียนอันฮู้ก็ไม่พบ จึงได้กลับมาอยู่ที่เมืองปักเกีย ไม่ช้านานเงินทองจะซื้อเสบียงอาหารก็ไม่มี จึงได้เที่ยวอยู่ในป่านี้ ปรารถนาจะหาเงินทองบ้างเล็กน้อยจะเอาไปใช้สอยตามทาง ตัวท่านเหตุไฉนจึงได้บวชเสียเล่า หลวงจีนลูตีซิมก็เล่าความตั้งแต่ต้นจนปลายให้ซือจินฟังทุกประการ ซือจินจึงว่า ท่านหิวมา เรามีของกินอยู่เล็กน้อย กินเสียก่อนเถิด แล้วจึงเข้าไปในวัดเอาห่อผ้าด้วยกัน ก็ส่งของกินให้หลวงจีนลูตีซิมกินเล็กน้อยแล้วชวนกันเดินเข้าไปในวัด เห็นหลวงจีนซุยเตาเส็งกับเต้าหยินนั่งอยู่บนสะพานข้างวัดก็ร้องตวาดว่า หลวงจีนซุยเตาเส็ง คงจะเห็นฝีมือกันในวันนี้ ขณะนั้น หลวงจีนลูตีซิมได้กินสิ่งของบ้างเล็กน้อยค่อยมีกำลังขึ้นแล้ว ได้ซือจินเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง ก็คิดมานะมิได้เกรงขาม ตรงเข้าเอาไม้เท้าตีหลวงจีนซุยเตาเส็ง หลวงจีนซุยเตาเส็งเข้าสู้รบต้านทานได้ยี่สิบเพลง หลวงจีนซุยเตาเส็งสู้ฝีมือและกำลังหลวงจีนลูตีซิมไม่ได้ ขยับจะล่าถอยไป เต้าหยินเห็นดังนั้นก็เข้าช่วย ซือจินเห็นดั่งนั้นก็เข้าต้านทานเต้าหยินไว้ สู้รบกันได้สิบเพลง หลวงจีนซุยเตาเส็งเสียที หลวงจีนลูตีซิมเอาไม้เท้าเหล็กตีถูกบ่าหลวงจียซุยเตาเส็งล้มลง ตรงเข้าตีซ้ำถูกศีรษะแตกตาย เต้าหยินเห็นเพื่อนตายก็ไม่เป็นอันสู้รบ ถอยหนี ซือจินยิ่งรุกไล่เข้าใกล้ เอากระบี่ฟัน เต้าหยินหลบทัน ถลำล้มลง ซือจินโถมเข้าฟันถูกหลัง หลวงจีนลูตีซิมก็วิ่งเข้าไปเอาไม้เท้าตีถูกศีรษะเต้าหยินแตกตาย หลวงจีนลูตีซิมกับซือจินก็ลากเอาศพหลวงจีนกับเต้าหยินไปทิ้งเสีย แล้วก็ตรงเข้าไปในวัด หลวงจีนแก่ ๆ สี่ห้ารูปนั้นเห็นหลวงจีนซุยเตาเส็งกับเต้าหยินไล่ฆ่าฟันหลวงจีนลูตีซิมออกไปก็มีความวิตกนัก กลัวหลวงจีนซุยเตาเส็งกับเต้าหยินกลับเข้ามาจะฆ่าฟันเสีย หลวงจีนเหล่านั้นก็ผูกคอตายทั้งห้ารูป ครั้นหลวงจีนลูตีซิมกับซือจินเข้าไปเห็นดังนั้นก็มีความสังเวชสลดใจยิ่งนัก แล้วก็เดินไปหลังวัด เปิดประตูเข้าไปดู เห็นหญิงสาวผูกคอตายและโดดน้ำตายเป็นหลายคน แล้วเที่ยวค้นดูทุกห้องก็ไม่เห็นมีผู้คน เห็นห่อผ้าวางอยู่บนโต๊ะสามห่อก็แก้ออกดู มีเงินทองสิ่งของดี ๆ หลวงจีนลูตีซิมกับซือจินแบ่งปันกันเก็บไว้ เที่ยวค้นดูก็ไม่เห็นมีสิ่งใด มีแต่ของกินกับสุรา ก็ชวนกันกินอิ่ม แล้วจึงปรึกษากันว่า วัดนี้ไม่มีผู้รักษาแล้ว ทิ้งไว้ก็ซ้ำจะเป็นซ่องโจรผู้ร้ายมาอาศัยอยู่ เผาเสียดีกว่า เมื่อปรึกษาเห็นพร้อมกันก็เอาไฟเผาเสียสิ้น แล้วก็สะพายห่อผ้าพากันเดินไปได้วันหนึ่งถึงตำบลบ้านแห่งหนึ่งมีผู้คนค้าขายเป็นอันมาก หลวงจีนลูตีซิมกับซือจินเดินไปตามตลาดเห็นมีโรงสุรา ก็ชวนกันเข้าไปซื้อสุรากับสิ่งของกิน แล้วหลวงจีนลูตีซิมถามซือจินว่า ตัวน้องนี้คิดจะไปเมืองใดหรือ ซือจินว่า ข้าพเจ้าไม่รู้ที่จะคิดเลย จะต้องกลับไปหาจูบู๊ที่เขาเซียวฮัวซัวก่อน หลวงจีนลูตีซิม น้องจะไปเขาเซียวฮัวซัวก็ดีแล้ว หลวงจีนลูตีซิมจัดแจงเงินทองให้ซือจินไปซื้อกินตามทาง พากันออกจากโรงขายสุราเดินไปถึงทางสามแยก หลวงจีนลูตีซิมบอกกับซือจินว่า พี่จะไปตังเกียเมืองหลวง ถ้ามีเหตุการณ์สิ่งใดก็บอกไปให้ถึงพี่เถิด พูดดั่งนั้นแล้วต่างคนก็คำนับแล้วแยกทางกันไป

ฝ่ายหลวงจีนลูตีซิมเดินทางไปประมาณแปดเก้าวันถึงตังเกียเป็นเมืองหลวง เห็นผู้คนขายสิ่งของเป็นอันมากสนุกนักก็มีความยินดี จึงถามชาวตลาดว่า วัดไต้เซียงก๊กยี่อยู่ที่ไหน ชาวตลาดบอกว่า เดินตามถนนไปถึงสะพานจิวเกี๋ยวแล้วถึงวัดไต้เซียงก๊กยี่ หลวงจีนลูตีซิมได้ฟังก็เดินไปอีกถึงสะพานจิวเกี๋ย เห็นวัดโตใหญ่ทำไว้งดงามดีก็เข้าไปในวัด ศิษย์วัดเห็นหลวงจีนลูตีซิมเข้ามาก็วิ่งไปบอกกับหลวงจีนที่สำหรับรับผู้คนไปมา หลวงจีนนั้นออกมาเห็นหลวงจีนลูตีซิมรูปร่างสูงใหญ่ถือไม้เท้าเหล็กสะพายห่อผ้าเข้ามา จึงถามหลวงจีนลูตีซิมว่า ท่านมาแต่ไหน หลวงจีนลูตีซิมวางสิ่งของเข้าไปคำนับบอกว่า ข้าพเจ้ามาแต่เขาเงาไทซัว ท่านหลวงจีนตีจินอาจารย์มีหนังสือมาถึงหลวงจีนติเช็งเซียนซือให้ข้าพเจ้าถือมาอยู่กับท่าน หลวงจีนที่เป็นพนักงานรับผู้คนนั้นก็เชิญหลวงจีนลูตีซิมเข้าไปข้างใน หลวงจีนลูตีซิมเอาสิ่งของวางไว้แล้วแก้ห่อผ้าออกหยิบหนังสือส่งให้หลวงจีน หลวงจีนนั้นพูดว่า ท่านไม่รู้จักธรรมเนียม เข้ามาในนี้ถือเครื่องศัสตราวุธไม่ได้ ต้องจุดธูปเทียนถือไว้ สักครู่หนึ่ง ท่านหลวงจีนติเช็งเซียนซืออาจารย์ก็จะออกมาถอก หลวงจีนลูตีซิมตอบว่า ทำไมจึงไม่บอกให้รู้ จะได้ทำตามแบบอย่าง พูดแล้วก็เอาธูปเทียนมาจุดไฟนั่งคอยท่าอยู่ประมาณครู่หนึ่งหลวงจีนติเช็งเซียนซือก๋ออกมา หลวงจีนลูตีซิมเอาธูปเทียนเข้าไปคุกเข่าลงคำนับ หลวงจีนที่สำหรับรับผู้คนนั้นเข้าไปแจ้งว่า หลวงจีนนี้มาแต่เขาเงาไทซัว ท่านอาจารย์วัดเขาเงาไทซัวมีหนังสือมาถึงท่านด้วยฉบับหนึ่ง ก็ส่งหนังสือให้ หลวงจีนติเช็งเซียนซือจึงพูดว่า นานหนักหนาแล้วไม่เห็นท่านอาจารย์มีหนังสือมาบ้างเลย ก็รับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านดู ในหนังสือนั้นแจ้งความเรื่องหลวงจีนลูตีซิมตั้งแต่ต้นจนปลาย ใจความว่า ให้หลวงจีนติเช็งเซียนซือรับเลี้ยงดูสงเคราะห์กับหลวงจีนลูตีซิมให้สมควรด้วย หลวงจีนลูตีซิมนี้นานไปจะสำเร็จเป็นเซียน หลวงจีนติเช็งเซียนซืออ่านหนังสือแจ้งความแล้วจึงพูดกับหลวงจีนลูตีซิมว่า เจ้าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย จงไปหาอาหารกินเสียก่อนเถิด สั่งให้ศิษย์เหล่านั้นพาไปแล้ว แล้วหลวงจีนติเช็งเซียนซือประชุมหลวงจีนและศิษย์ทั้งหลายมาพร้อมกัน แล้วเล่าความเดิมของหลวงจีนลูตีซิมให้หลวงจีนและศิษย์เหล่านั้นฟังตั้งแต่ต้นจนปลาย แล้วจึงพูดว่า ถ้าหลวงจีนตีจินอาจารย์เอาไว้ไม่ได้จึงเสือกไสมาให้เรา ในหนังสือมีมาว่า ให้เอาเป็นธุระจงมาก ถ้าหลวงจีนลูตีซิมมาทำวุ่นวายขึ้นก็พากันลำบาก ครั้นจะไม่รับไว้ ท่านอาจารย์วัดเขาเงาไทซัวก็จะแค้นเคืองว่า ไม่มีกตัญญูต่อท่าน ถ้าเรารับไว้ หลวงจีนลูตีซิมทำการทุจริตต่าง ๆ ขึ้น เราจะทำประการใดดี หลวงจีนศิษย์เหล่านั้นก็ชวนกันพูดว่า ข้าพเจ้าดูหน้าตาหลวงจีนลูตีซิมเห็นจะไม่ใช่คนดี ถ้าให้อยู่ในวัดนี้ก็คงเกิดความขึ้นสิ่งหนึ่ง

ขณะนั้น หลวงจีนกำชีอยู่ในที่ประชุมจึงพูดขึ้นว่า ข้าพเจ้าเห็นการอยู่อย่างหนึ่ง ไม่แจ้งว่าท่านจะเห็นดีด้วยหรือไม่ ที่นอกประตูซวนจอหมึงนั้นมีสวนผักอยู่แห่งหนึ่ง ผักนั้นเก็บเอามาใช้สอยอยู่ในวัดนี้ มีหลวงจีนเฝ้าสวนอยู่รูปหนึ่งก็ว่ากล่าวผู้ใดไม่ได้ พวกทหารและราษฎรเดินทางไปมาเก็บเอาผักในสวนไป แล้วปล่อยโคกระบือเข้ากินผักเสียสิ้น หลวงจีนผู้เฒ่าห้ามปรามเท่าไรก็ไม่ฟัง ซึ่งสวนผักนั้นเป็นของของเรา ว่ากล่าวผู้ใดก็ไม่ได้ ข้าพเจ้าเห็นว่า หลวงจีนลูตีซิมฝีมือเข้มแข็งดุร้าย ถ้าให้ไปเฝ้าสวนผักเห็นจะป้องกันคนพาลและโคกระบือไม่ให้เหยียบย่ำทำลายของในสวนได้ ท่านจะเห็นประการใด หลวงจีนติเช็งเซียนซือกับลูกวัดและศิษย์เหล่านั้นได้ฟังก็เห็นชอบพร้อมกัน ท่านหลวงจีนติเช็งเซียนซือก็ให้หาหลวงจีนลูตีซิมมาพูดว่า ท่านอาจารย์วัดเขาเงาไทซัวมีหนังสือมาถึงเราฝากฝังเจ้าไว้ก็ไม่ขัดขืน แต่เรามีสวนผักอยู่ที่นอกประตูซวนจอหมึงแห่งหนึ่ง จะมอบให้เจ้าไปดูแลว่ากล่าวสืบต่อไป ถ้ารุ่งขึ้นเช้า เจ้าจงเก็บผักมาส่งเราวันละสิบหาบอย่าให้ขาดไป นอกจากนั้น ตามแต่เจ้าจะซื้อขายกินหรือจะจัดแจงประการใดก็ตามใจเจ้าเถิด หลวงจีนลูตีซิมว่า ท่านอาจารย์วัดเขาเงาไทซัวให้ข้าพเจ้ามาหาท่าน ปรารถนาจะได้เป็นขุนนางว่ากล่าวราชการฝ่ายหลวงจีน สืบไปภายหน้าชื่อจะได้ปรากฏกับเขาบ้าง ท่านจะให้ข้าพเจ้าไปว่ากล่าวสวนผักเป็นคนลับชื่อเสียงนั้น ข้าพเจ้าไม่ยอมไป หลวงจีนติเช็งเซียนซือว่า เจ้ายังไม่มีเลยความชอบสิ่งใด มาถึงจะเป็นขุนนางว่าราชการโตใหญ่นั้นไม่ได้ หลวงจีนที่สำหรับรับผู้นั้นจึงพูดกับหลวงจีนลูตีซิมว่า ท่านไม่รู้จักการงาน ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟัง เดิมตัวข้าพเจ้ามาทำราชการอยู่กับท่านหลวงจีนติเช็งเซียนซือนี้ก็ต้องว่ากล่าวกันเล็กน้อยก่อน แล้วค่อยเลื่อนที่ขึ้นไปทีละชั้นจนได้เป็นขุนนางว่าที่รับผู้คนไปมา ซึ่งขุนนางในวัดนี้มีทุกตำแหน่งเป็นลำดับกัน ตัวท่านว่ากล่าวสวนผักก็เป็นขุนนางพนักงานสวนผัก ถ้าท่านทำดีมีผลประโยชน์ก็ค่อยเลื่อนไปทุกชั้นจนถึงที่กำชี้เป็นขุนนางสำเร็จราชการในวัดนี้ ท่านเพิ่งมายังไม่มีความชอบ จะเป็นขุนนางนั้นไม่ได้ ต้องทำราชการไปก่อน ต่อมีความชอบมากก็จะได้เป็นขุนนาง ชื่อเสียงคงปรากฏ ท่านอย่าวิตกเลย จงไปว่ากล่าวสวนผักก่อนเถิด หลวงจีนลูตีซิมว่า ถ้าเหมือนคำท่านพูด ข้าพเจ้ายอมไปรักษาว่ากล่าวสวนผักให้ หลวงจีนติเช็งเซียนซือเห็นหลวงจีนลูตีซิมยอมแล้วก็เขียนหนังสือไปถึงหลวงจีนผู้รักษาสวนผักว่า เวลาพรุ่งนี้ จะมอบให้ผู้อื่นมาบังคับว่ากล่าวต่อไป เขียนแล้วก็ให้ศิษย์ถือไปให้ผู้รักษาสวนผัก

ครั้นเวลารุ่งเช้า หลวงจีนติเช็งเซียนซือจึงเขียนหนังสือตั้งหลวงจีนลูตีซิมเป็นที่ขุนนางว่ากล่าวรักษาสวนผัก แล้วส่งให้หลวงจีนลูตีซิม สั่งศิษย์วัดให้พาหลวงจีนลูตีซิมไป หลวงจีนลูตีซิมรับหนังสือที่ตั้ง คำนับลามาเอาห่อผ้า ไม้เท้า กับง้าว แล้วศิษย์ก็พามาถึงสวนผักนอกประตูซวนจอหมึง หลวงจีนรูปเก่าก็มอบสวนผักกับสิ่งของต่าง ๆ และผู้คนเหล่านั้นให้หลวงจีนลูตีซิม หลวงจีนลูตีซิมรับสิ่งของกับผู้คนและสวนผักว่ากล่าวรักษาสืบต่อไป หลวงจีนรูปเก่ากับศิษย์ที่พาหลวงจีนลูตีซิมไปนั้นก็ชวนกันกลับมาวัดไต้เซียงก๊กยี่ตามเดิม




ตอน ๕ ขึ้น ตอน ๗