แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๑๕–๓๓ สารบัญ



ครั้งนั้น พระเจ้าติวอ๋องครองสมบัติได้แปดปี อยู่ ณ เดือนสี่ข้างจีน เจ้าเมืองซึ่งกินเมืองเอกทั้งสี่กับเมืองขึ้นทั้งปวงนำเอาเครื่องบรรณาการมาถวาย และเจ้าเมืองทั้งสี่นั้นรู้ว่า บุนไท้สือซึ่งเคยคำนับไปราชการทางเมืองปักไฮ แล้วเห็นว่า ฮิวฮุน ฮุยต๋ง สองคนนี้เป็นที่ชอบอัชฌาสัยแห่งพระเจ้าติวอ๋อง หัวเมืองทั้งปวงจึงจัดสิ่งของไปคำนับฝากตัวฮิวฮุน ฮุยต๋ง ทั้งสิ้น แต่เชาฮูผู้เดียวเห็นว่า ฮิวฮุน ฮุยต๋ง เป็นคนไม่ซื่อตรง เชาฮูจึงมิได้ไปคำนับฮิวฮุน ฮุยต๋ง ฮิวฮุน ฮุยต๋ง เห็นว่า เชาฮูไม่มาคำนับ คิดผูกใจพยาบาทเชาฮู วันหนึ่งเป็นวันแขกเมืองเข้าเฝ้า พระเจ้าติวอ๋องออก ขุนนางเฝ้าพร้อม ห้องมึงกัว ภาษาไทยว่า ขุนนางกรมวัง กราบทูลเบิกแขกเมืองเอกทั้งสี่เข้าเฝ้า พระเจ้าติวอ๋องปราศรัยแขกเมืองตามธรรมเนียมแล้ว พระเจ้าติวอ๋องจึงให้เชียงหยงนำแขกเมืองไปเลี้ยงโต๊ะ ณ เคียงเข่งต้อย แล้วพระเจ้าติวอ๋องก็เสด็จขึ้น จึงให้หาฮิวฮุน ฮุยต๋ง เข้าไปข้างใน จึงตรัสว่า ซึ่งเราสั่งให้สี่เมืองเอกจัดหญิงรูปงามมาสี่ร้อยคน เชียงหยงว่ากล่าวขัดไว้ บัดนี้ เมืองเอกทั้งสี่เมืองก็มาพร้อมกันแล้ว เราจะสั่งให้เมืองเอกทั้งสี่จัดหญิงที่รูปงามส่งเข้ามาเมืองละร้อยคน ท่านจะเห็นประการใด ฮิวฮุน ฮุยต๋ง จึงกราบทูลพระเจ้าติวอ๋องว่า เดิมพระองค์สั่งแกตึง แกกั๋ว ว่า จะให้มีหนังสือไปถึงสี่เมืองเอกให้จัดสตรีรูปงามมาถวาย เชียงหยงทูลทัดทาน พระองค์ก็เชื่อฟังคำเชียงหยงห้ามแล้ว บัดนี้ พระองค์กลับจะสั่งหัวเมืองทั้งสี่ให้จัดสตรีรูปงามมาถวายอีกเล่า พระองค์เป็นมหากษัตริย์ ตรัสสิ่งใดมิได้ยั่งยืนดังนี้ ราษฎรจะนินทาได้ และข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่า เชาฮู เจ้าเมืองกีจิวเฮ้า มีบุตรหญิงคนหนึ่งรูปงามและประกอบด้วยสติปัญญา ขอให้หาตัวเชาฮูผู้บิดามาขอ เชาฮูก็จะถวายบุตรแก่พระองค์โดยง่าย และราษฎรทั้งปวงก็จะมิได้เดือดร้อนสืบไป พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้หาเชาฮูมาเฝ้า พระเจ้าติวอ๋องจึงตรัสแก่เชาฮูว่า มีผู้บอกแก่เราว่า ท่านมีบุตรหญิงคนหนึ่งรูปงาม เราจะใคร่ได้ ถ้าท่านให้บุตรแก่เรา เรากับท่านก็จะได้เป็นคนสนิทกัน และเราก็จะให้ท่านครองเมืองกีจิวเฮ้ากว่าจะสิ้นชีวิต มีอาญาสิทธิ์เหมือนกับเรา เชาฮูได้ฟังดังนั้นก็มิได้ยินดี มีใจโกรธ จึงทูลพระเจ้าติวอ๋องว่า พระองค์มีนักสนมกำนัลนับด้วยพันแล้ว ล้วนแต่มีลักษณะรูปร่างงาม อันบุตรข้าพเจ้าจะได้งามดุจผู้มากราบทูลนั้นหามิได้ แต่พระองค์ได้ครองราชสมบัติมา บ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุขโดยยุติธรรม ราษฎรทั้งปวงก็สรรเสริญว่า พระองค์มิได้ฝักใฝ่ในกามคุณ บัดนี้ มาเชื่อฟังคำคนยุยงดังนี้ไม่ควร ชอบให้เอาผู้ยุยงไปฆ่าเสียจึงจะควร พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังก็ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า ตัวท่านถ้ายกลูกสาวให้แก่เราแล้ว ท่านก็จะได้เป็นใหญ่เสมอเรา ท่านเร่งตรึกตรองดูเถิด เชาฮูได้ฟังพระเจ้าติวอ๋องว่าดังนั้นก็โกรธ จึงตวาดร้องว่า ตัวท่านเป็นกษัตริย์ ควรจะคิดบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข และจะทำทุจริตเหมือนดังพระเจ้าเจ๊ดอ๋อง เสพแต่สุรา มัวเมาด้วยกามคุณ จนแผ่นดินเป็นจลาจลต่าง ๆ นั้นหาควรไม่ ชอบแต่ท่านจะบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขดุจพระเจ้าเสี่ยงทางจึงจะควร และวงศ์พระเจ้าเสี่ยงทางซึ่งได้บำรุงราษฎรอยู่เป็นสุขสืบมาถึงหกร้อยปีเศษแล้ว บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า แผ่นดินจะฉิบหายเสียเพราะท่านกระทำทุจริตเหมือนพระเจ้าเจ๊ดอ๋อง

พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังเชาฮูว่าดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เชาฮูว่า เราเป็นกษัตริย์ ชีวิตท่านทั้งปวงก็อยู่ในเงื้อมมือเรา และเราขอลูกท่านทั้งนี้ด้วยความกรุณา จะเลี้ยงท่านให้เป็นใหญ่ และท่านกลับกล่าวคำหยาบช้า เอาพระเจ้าเจ๊ดอ๋องมาเปรียบเราดังนี้ ท่านหามีความยำเกรงแก่เราไม่ พระเจ้าติวอ๋องว่าดังนั้นแล้วจึงให้เอาตัวเชาฮูออกไปให้ขุนนางปรึกษาใส่ด้วยกฎหมาย ถ้าโทษถึงตายให้ประหารชีวิตเสีย คนใช้พระเจ้าติวอ๋องก็เอาตัวเชาฮูออกไป ณ หง้อหมึงฮุยต้อง ฮิวฮุน ฮุยต๋ง จึงทูลพระเจ้าติวอ๋องว่า ซึ่งจะให้ปรึกษาโทษเชาฮูตามกฎหมายนั้นก็ควรอยู่ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ราษฎรทั้งปวงจะนินทาว่า พระองค์ฆ่าเชาฮูเสีย เพราะจะเอาลูกสาวเป็นภรรยา ขอให้ปล่อยเชาฮูไปเมืองกีจิวเฮ้าก่อน เห็นว่า เชาฮูจะรู้จักโทษตัวกลัวอาญา จะแต่งบุตรมาถวายโดยดี หาผู้นินทามิได้ พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงสั่งให้ยกโทษเชาฮู ให้เชาฮูกลับไปเมือง

ฝ่ายเชาฮูก็ไป ณ กงก๋วน ภาษาไทยว่า เป็นที่อยู่แขกเมือง และบรรดาขุนนางซึ่งมาด้วยเชาฮูแต่เมืองกีจิวเฮ้านั้น ครั้นเห็นเชาฮูกลับมา จึงชวนกันมาถามเชาฮูว่า พระเจ้าติวอ๋องให้หาท่านเข้าไปว่าด้วยข้อราชการสิ่งใด เชาฮูจึงเล่าความให้ขุนนางทั้งปวงฟังทุกประการ แล้วว่า พระเจ้าติวอ๋องหาอยู่ในยุติธรรมไม่ เชื่อฟังแต่ถ้อยคำฮิวฮุน ฮุยต๋ง ยุยงต่าง ๆ หาดูเยี่ยงอย่างพระเจ้าเสี่ยงทางซึ่งเป็นอัยกาไม่ และซึ่งให้เราพ้นโทษมาทั้งนี้ เพราะความคิดของฮิวฮุน ฮุยต๋ง ด้วยหมายว่า เราจะคิดถึงบุญคุณ ก็จะยอมให้บุตรโดยง่าย ครั้นเราจะยอมให้บุตรแก่พระเจ้าติวอ๋องครั้งนี้ ขุนนางทั้งปวงก็จะติเตียนว่า เราหาปัญญามิได้ ด้วยพระเจ้าติวอ๋องหาอยู่ในยุติธรรมไม่ เชื่อฟังแต่คำฮิวฮุน ฮุยต๋ง คิดทำทุจริตต่าง ๆ ถ้าแลบุนไท้สืออยู่แล้ว ที่ไหนพระเจ้าติวอ๋องจะทำการวิปริตได้ถึงเพียงนี้ เราคิดเสียดายแต่แผ่นดินของพระเจ้าเสี่ยงทางจะสูญเสียครั้งนี้เป็นมั่นคง ขุนนางทั้งปวงจึงว่าแก่เชาฮูว่า พระเจ้าติวอ๋องมิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว ข้าพเจ้าทั้งปวงเห็นว่า ขุนนางและหัวเมืองทั้งสิ้นก็จะเอาใจออกหากจากพระเจ้าติวอ๋องหมด ท่านเร่งกลับไป ณ เมืองกีจิวเฮ้าโดยเร็วเถิด จะได้คิดการใหญ่สืบไป เชาฮูได้ฟังจึงว่า เราเป็นชาย คิดดังนั้นหาองอาจไม่ เชาฮูจึงเอาพู่กันมาเขียนเป็นโคลงปิดไว้ ณ บานประตูกงก๋วนที่อยู่บทหนึ่งเป็นใจความห้าข้อ ข้อหนึ่งว่า เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าอยู่ในยุติธรรม ขุนนางทั้งปวงก็จะรักใคร่ยำเกรงยิ่งนัก หนึ่ง ผู้เป็นอาจารย์สอนศิษย์ ถ้ามิได้ลำเอียง เที่ยงตรงอยู่ ศิษย์ก็กลัวเกรง หนึ่ง ผู้จะเป็นบิดาเลี้ยงบุตรโดยธรรม บุตรก็กลัวเกรง หนึ่ง ผู้จะเป็นผัว ถ้าเลี้ยงเมียเป็นยุติธรรม เมียก็ยำเกรง หนึ่ง ผู้จะมีมิตรสหาย ถ้ารักใคร่กันโดยสุจริต มิตรก็ย่อมเกรงใจ นี่เมื่อพระมหากษัตริย์มิได้อยู่ในยุติธรรมดังนี้ จะมีผู้ใดเกรงกลัวเล่า ตั้งแต่วันนี้ไป เมืองจิวโก๋กับเราขาดกัน เราจะได้ไปมาอย่างแต่ก่อนนั้นหามิได้แล้ว เชาฮูครั้นเขียนโคลงแล้วก็พาขุนนางทั้งปวงซึ่งเป็นพรรคพวกออกจากเมืองจิวโก๋ไปยังเมืองกีจิวเฮ้า

ฝ่ายพระเจ้าติวอ๋อง ตั้งแต่ปล่อยเชาฮูไปเมือง ก็มีความวิตกว่า เชาฮูจะไปเอาบุตรมาให้เราหรือ หรือเชาฮูจะคิดประการใดก็ยังไม่รู้ ขณะนั้น นายประตูซึ่งรักษากงก๋วนเชาฮูอยู่นั้น ครั้นเชาฮูไปแล้ว เห็นโคลงจารึกไว้ ณ บานประตูดังนั้น จึงนำเอาโคลงเชาฮูเข้าไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องอ่านดูเห็นข้อความว่ากล่าวหยาบช้ายิ่งนัก พระเจ้าติวอ๋องโกรธ จึงด่าเชาฮูว่า มันหารู้จักคุณกูไม่ ครั้งก่อนว่ากล่าวหยาบช้าต่อกู กูยกโทษเสีย ควรที่จะคิดถึงคุณกู บัดนี้ กลับทำโคลงว่ากล่าวหยาบช้าอีกเล่า ครั้นจะมิเอาโทษเชาฮู ขุนนางและหัวเมืองทั้งปวงก็จะดูเยี่ยงอย่าง จำจะให้ไปจับเอาตัวมาฆ่าเสียจงได้ พระเจ้าติวอ๋องจึงให้หาอินโภ้โป้ หนึ่ง เตียวฉาน หนึ่ง ลู่หยง หนึ่ง เข้ามา แล้วจึงบอกว่า เชาฮูว่ากล่าวหยาบช้าแก่เราต่าง ๆ เราจะยกกองทัพไปตีเมืองกีจิวเฮ้าจับตัวเชาฮูฆ่าเสียจงได้ เราจะให้ท่านทั้งสามคุมพลทหารยี่สิบหมื่นเป็นทัพหน้าเรา ลู่หยงได้ฟังพระเจ้าติวอ๋องตรัสดังนั้น จึงกราบทูลพระเจ้าติวฮ่องว่า หัวเมืองเอกทั้งสี่ก็เข้ามาพร้อมกันในเมืองจิวโก๋ และซึ่งพระองค์จะยกทัพไปตีเมืองกีจิวเฮ้า และจะละเมืองจิวโก๋เสียดังนี้มิควร ขอให้เมืองเอกเมืองใดเมืองหนึ่งคุมทหารไปตีเมืองกีจิวเฮ้าก็เห็นจะพอได้ เพราะเมืองกีจิวเฮ้าเป็นเมืองน้อย ถ้าทัพหลวงยกไป ถึงมาตรว่าจะได้เมือง ก็ไม่มีเกียรติยศ พระเจ้าติวอ๋องเห็นชอบด้วย จึงถามลู่หยงว่า เจ้าเมืองเอกทั้งสี่ท่านจะเห็นผู้ใดมีสติปัญญาและฝีมือกล้าแข็งเล่า ฮุยต๋งจึงกราบทูลพระเจ้าติวอ๋องว่า เมืองกีจิวเฮ้าและเมืองปักเป๊กเฮ้าสองเมืองนี้เป็นเมืองฝ่ายเหนือ ขอให้ซ่องเฮ่าเฮ้า เจ้าเมืองปักเป๊กเฮ้า ยกไปตีเมืองกีจิวเฮ้า เห็นจะได้โดยง่าย ลู่หยงได้ฟังฮุยต๋งทูลดังนั้นจึงคิดว่า ซ่องเฮ่าเฮ้านี้เป็นคนหยาบช้า หามีผู้ใดนับถือรักใคร่ไม่ ถ้าซ่องเฮ่าเฮ้าเสียทีแก่เมืองกีจิวเฮ้า ก็จะเสียพระเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดินไป ลู่หยงคิดดังนั้นจึงทูลว่า ซ่องเฮ่าเฮ้าคนนี้ยังหาเห็นฝีมือปรากฏในการรบพุ่งประการใดไม่ ข้าพเจ้าเห็นแต่กีเซียง เจ้าเมืองใส่เป๊กเฮ้านั้น มีสติปัญญาและฝีมือกล้าแข็ง แล้วสัตย์ซื่อมั่นคง ราษฎรทั้งปวงก็นับถือรักใคร่กีเซียงเป็นอันมาก ถ้าโปรดให้กีเซียงถืออาญาสิทธิ์เป็นนายทัพไปตีเมืองกีจิวเฮ้า จับเอาตัวเชาฮูมาถวาย เห็นจะได้โดยง่าย พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังลู่หยงทูลดังนั้นจึงตรัสว่า ท่านทั้งสองต่างคนต่างเห็นดังนั้นแล้ว เราจะให้อาญาสิทธิ์ไปทั้งสองคน ให้เป็นนายทัพไปตีเมืองกีจิวเฮ้า พระเจ้าติวอ๋องจึงสั่งให้เขียนหนังสือมอบธงอาญาสิทธิ์ไปให้แก่กีเซียง ซ่องเฮ่าเฮ้า เป็นใจความว่า ให้กีเซียงกับซ่องเฮ่าเฮ้าถืออาญาสิทธิ์ด้วยกันทั้งสอง เป็นนายทัพยกไปตีเมืองกีจิวเฮ้า จับตัวเชาอูมาจงได้

ขณะนั้น ผู้ถือหนังสือรับสั่งไปให้กีเซียง ซ่องเฮ่าเฮ้านั้น กีเซียง ซ่องเฮ่าเฮ้า และขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงพร้อมกันกินโต๊ะอยู่ ณ เคียงเข่งต้อย กีเซียงและซ่องเฮ่าเฮ้าได้แจ้งในหนังสือรับสั่งนั้นแล้ว

ฝ่ายกีเซียงจึงว่าแก่เชียงหยง ปิกัน ขุนนางผู้ใหญ่ ว่า เชาฮูคนนี้สิเป็นคนสัตย์ซื่อ แล้วก็มาเฝ้าอยู่ด้วยกันทุกวัน ไฉนจึงทำโคลงหยาบช้าให้ขัดเคืองฉะนี้เล่า และโคลงบทนี้เชาฮูจะทำหรือ หรือจะเป็นผู้ซึ่งชังเชาฮูแกล้งแต่งโคลงไว้ให้ลงโทษเอาเชาฮู ความทั้งนี้ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่ ขอท่านได้ทราบทูลถามพระเจ้าติวอ๋องก่อน ถ้าเชาฮูกระทำโคลงหยาบช้าจริงดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจะขออาสาไปจับเชาฮูมาฆ่าเสียจงได้ ปิกันได้ฟังกีเซียงว่าดังนั้นก็เห็นชอบด้วย ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงตอบกีเซียงว่า ท่านว่าดังนี้เราไม่เห็นด้วย อันประเพณีพระมหากษัตริย์ ถ้าตรัสสิ่งใดแล้วก็สิทธิ์ขาด ข้าราชการก็กระทำตาม ซึ่งท่านจะให้ทูลถามนั้นเหมือนหนึ่งหายำเกรงกลัวพระราชอาญาไม่ กีเซียงจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่านั้นก็ควรอยู่ แต่เราเห็นว่า เชาฮูนั้นเป็นคนสัตย์ซื่อ แล้วโทษผิดแต่เพียงนี้ ซึ่งจะให้ยกทัพไปจับเชาฮูนั้น ราษฎรทั้งปวงก็พลอยได้ความเดือดร้อน ข้อหนึ่งก็จะเปลืองพระราชทรัพย์หลวงซึ่งจ่ายเป็นเสบียงอาหาร หาควรไม่ ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงว่า ความซึ่งท่านว่านี้เราก็คิดอยู่ แต่ว่าเรามิอาจที่จะขัดรับสั่งได้ กีเซียงจึงว่า ถ้าดังนั้น ท่านจงยกกองทัพไปก่อนเราเถิด เราจึงจะค่อยยกตามไปครั้งหลัง ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้น ก็พาขุนนางหัวเมืองทั้งปวงกลับไปที่อยู่กงก๋วน กีเซียงครั้นเห็นซ่องเฮ่าเฮ้าไปแล้วจึงว่าแก่เชียงหยง ปิกัน บัดนี้ ซ่องเฮ่าเฮ้าเขาจะยกไปแล้ว แต่ข้าพเจ้าจะต้องแวะไปจัดเอาทหาร ณ เมืองไซรกี ได้ทหารพร้อมแล้วจึงจะยกไปตามกองทัพซ่องเฮ่าเฮ้า กีเซียงว่าดังนั้นแล้วก็ลาไป เชียงหยง ปิกัน ก็กลับไปบ้าน

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้า ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า ก็เข้าไปทูลลาพระเจ้าติวอ๋อง แล้วก็พาทหารห้าหมื่นยกไปตีเมืองกีจิวเฮ้า ฝ่านเชาฮู ครั้นมาถึงเมืองกีจิวเฮ้า จึงเล่าความทั้งปวงให้ชวนต๋ง ผู้บุตร กับทหารทั้งปวงฟังทุกประการ แล้วจึงว่า เมื่อเราจะมานี้เราเขียนโคลงเป็นข้อหยาบช้าไว้ ณ ประตูกงก๋วน ถ้าพระเจ้าติวอ๋องรู้ว่า เป็นโคลงของเราเขียนไว้ เห็นจะโกรธเรา จะยกกองทัพมาตีเมืองเราเป็นมั่นคง จำจะจัดแจงบ้านเมืองเครื่องศัสตราวุธไว้ให้พร้อม ทหารและขุนนางทั้งปงวงก็ทำตามเชาฮูสั่งทุกประการ

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้า ครั้นยกทัพมาถึงเมืองกีจิวเฮ้าแล้ว ให้ตั้งค่ายมั่นคงไว้ใกล้กำแพงเมืองประมาณยี่สิบเส้น ทหารเชาฮูซึ่งอยู่รักษาเชิงกำแพงเห็นดังนั้น จึงเข้าไปบอกแก่เชาฮูว่า ข้าพเจ้าเห็นกองทัพคนประมาณห้าหมื่นยกมาตั้งค่ายมั่นอยู่นอกกำแพงเมืองทางประมาณยี่สิบเส้น เชาฮูจึงถามทหารว่า ผู้ใดเป็นนายทัพมา ทหารจึงบอกว่า ธงชื่อ ซ่องเฮ่าเฮ้า เจ้ามืองปักเป๊กเฮ้า เชาอูจึงว่า ถ้าผู้อื่นยกมาก็พอจะพูดจาด้วยได้ อันซ่องเฮ่าเฮ้านี้เป็นคนหยาบช้า และจะละไว้มิได้ เชาฮูจึงจัดแจงพลทหารทั้งปวง พร้อมแล้วเชาฮูก็แต่งตัวใส่เกราะขึ้นมื้อทวนพาพวกพลทหารออกจากเมือง ครั้นถึงหน้าค่ายซ่องเฮ่าเฮ้า เชาฮูจึงขับม้าขึ้นไปหน้าทหารทั้งปวง แล้วร้องว่า ให้เชิญท่านแม่ทัพออกมาเจรจากัน ทหารซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นจึงเข้าไปบอกความแก่ซ่องเฮ่าเฮ้า ซ่องเฮ่าเฮ้าได้แจ้งดังนั้น จึงแต่งตัวใส่เสื้อเกราะสีแดง ขึ้นม้าถือง้าว กับซ่องเอ๋งปิว ผู้บุตร ยกพลทหารออกไปนอกค่าย

ฝ่ายเชาฮู ครั้นเห็นซ่องเฮ่าเฮ้าออกมา จึงร้องถามว่า ท่านยกมาครั้งนี้มีความสุขอยู่หรือ อนึ่ง ทุกวันนี้ พระเจ้าติวอ๋องหาอยู่ในยุติธรรมไม่ เสพแต่สุรามัวเมา เชื่อฟังคำยุยง ข่มเหงเอาบุตรขุนนางและราษฎรมาเป็นภรรยา ราษฎรได้ความเดือดร้อน เราเห็นว่า เมืองจิวโก๋จะฉิบหายมั่นคง และตัวเรานี้หามีความผิดไม่ ซึ่งท่านยกทัพมาจะตีเมืองเรานี้หาควรไม่

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังเชาฮูว่าดังนี้ จึงเอาแส้ม้าชี้หน้าเชาฮู แล้วร้องว่า ตัวท่านขัดรับสั่งโทษก็ถึงตายอยู่แล้ว พระเจ้าติวอ๋องก็มิได้เอาโทษ ควรหรือหารู้จักคุณพระเจ้าติวอ๋องไม่ กลับเขียนโคลงเป็นข้อหยาบช้าให้เคืองพระทัย พระเจ้าติวอ๋องจึงใช้ให้เรามาจับท่านไปฆ่าเสีย หวังจะมิให้ผู้ใดดูเยี่ยงอย่าง ท่านกลับกล่าวคำหยาบช้าว่าพระเจ้าติวอ๋องไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรมอีกเล่า ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงสั่งทหารให้เข้าตีทัพจับตัวเชาฮู

ฝ่ายป่วยบุ๋น ทหารซ้ายซ่องเฮ่าเฮ้า ใส่เกราะทองขี่ม้าถือขวานใหญ่ ขับม้าเข้าไปจะจับตัวเชาฮู เชาชวนต๋ง บุตรเชาฮู เห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้ามาจะรบด้วยป่วยบุ๋น ป่วยบุ๋นเห็นหน้าเชาชวนต๋งคล้ายเหมือนเชาฮู ก็เข้าใจว่า เป็นบุตรเชาฮู ป่วยบุ๋นจึงร้องว่า บิดาท่านเป็นคนโทษถึงตาย ชอบแต่จะมาไหว้ขอชีวิตเราจึงชอบ นี่ท่านกลับจะมารบกับเราอีกเล่า เชาชวนต๋งได้ฟังคำป่วยบุ๋นว่าหยาบช้าดังนั้น ก็ขับม้ารำทวนเข้ารบด้วยป่วยบุ๋นได้ยี่สิบเพลง เชาชวนต๋งเอาทวนแทงป่วยบุ๋นตกม้าตาย เชาฮูได้ทีดังนั้นก็ขับให้เตียเปีย หนึ่ง ตันกุยเก๋ง หนึ่ง กับทหาร เข้าไล่ฆ่าฟันทหารซ่องเฮ่าเฮ้าล้มตายเป็นอันมาก

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้าเห็นดังนั้น ก็ให้ซ่องเอ๋งปิว ผู้บุตร หนึ่ง กิมคุ้ย หนึ่ง อึงง่วนจี่ หนึ่ง กับทหารซึ่งเหลืออยู่นั้น ถอยทัพรอรอไปทางประมาณร้อยเส้น เชาฮูก็ให้ตีม้าล่อสำคัญเลิกทัพเข้าเมือง แล้วปูนบำเหน็จทหารตามสมควร แล้วเชาอูจึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า ซึ่งซ่องเฮ่าเฮ้าแตกไปนั้นเห็นจะให้มีหนังสือไปขอกองทัพ ณ เมืองจิวโก๋เพิ่มเติมมามั่นคง ถ้ามีทัพมาดังนั้น เมืองเราก็เล็ก ทหารก็น้อยตัว เห็นจะต้านทานมิได้ ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด เตียเปง นายทหาร จึงตอบคำเชาฮูว่า ซึ่งกองทัพซ่องเฮ่าเฮ้าแตกไปวันนี้ก็ยังหายับเยินไม่ ตัวท่านก็มีความผิดในพระเจ้าติวอ๋องมากขึ้น ถ้าซ่องเฮ่าเฮ้ามีหนังสือไปถึงพระเจ้าติวอ๋อง เห็นว่า พระเจ้าติวอ๋องจะยกทัพใหญ่เพิ่มเติมมาอีก อันเมืองเราดุจศิลาอันน้อย ทัพพระเจ้าติวอ๋องจะยกมาดุจพระมหาสมุทร ซึ่งเราจะอยู่ต้านทานนั้นเหมือนเอาศิลาอันน้อยทอดทิ้งลงในพระมหาสมุทรอันใหญ่ ก็จะจมไปโดยเร็ว ซึ่งข้าพเจ้าว่าทั้งนี้หวังจะเตือนสติท่าน ถ้าแลท่านเห็นจะสู้รบมิได้ ก็เร่งให้คิดผ่อนผันเสีย ถ้าเห็นกำลังพอจะสู้รบได้อยู่ ก็เริ่งให้คิดการศึกให้มีกำลังขึ้น บัดนี้ ทัพซ่องเฮ่าเฮ้าแตกไปไกลเมืองออกไปประมาณสองร้อยเส้น เวลาค่ำวันนี้ขอให้ท่านแก้พรวนม้าห้ามปากเสียงเสียให้สงบสงัดยกเป็นกองโจรลอบไปปล้นค่ายซ่องเฮ่าเฮ้า เห็นจะได้โดยง่าย เชาฮูได้ฟังดังนั้นจึงว่า ซึ่งท่านว่านี้ชอบ เรายินดีนัก ด้วยต้องความคิดเรา เชาฮูจึงสั่งเชาชวนต๋ง ผู้บุตร ว่า ตำบลเหงากางติ๋นนั้นเป็นทางช่องแคบจำเพาะเดิน ถ้าทัพซ่องเฮ่าเฮ้าเสียทีแก่เรา เห็นจะถอยไปทางนั้นเป็นมั่นคง เจ้าจงคุมทหารสามพันไปตั้งซุ่มอยู่ ถ้าทัพซ่องเฮ่าเฮ้าถอยไป ก็ให้ตีสกัดจับตัวซ่องเฮ่าเฮ้าฆ่าเสียจงได้ เชาชวนต๋งก็คุมทหารสามพันยกออกไปตั้งซุ่มอยู่ตามคำเชาฮูสั่ง

ฝ่ายเชาฮูจึงให้ตันกุยเจ๋งเป็นนายกองปีกซ้าย เตียเปียเป็นนายกองปีกขวา ตัวเชาฮูเป็นแม่ทัพ เชาฮูจึงสั่งทหารทั้งปวงให้แก้พรวนม้าออกเสีย ถ้าและเรายกไปถึงค่ายซ่องเฮ่าเฮ้าแล้ว ให้ทหารนายกองทั้งปวงคอยฟังเสียงประทัดสัญญา ถ้าได้ยินเสียงประทัดแล้ว จึงให้ยกเข้าตีระดมพร้อมกัน ครั้นเชาฮูให้ความสัญญาแก่นายทหารทั้งปวงแล้ว พอเวลาพลบค่ำลง เชาฮูก็ยกทหารออกไปจากเมืองกีจิวเฮ้า

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้า ครั้นเสียทีเชาฮูและเสียทหารเป็นอันมาก จึงถอยทัพประชุมทหารอยู่ไกลเมืองประมาณสองร้อยเส้น ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า แต่เราทำศึกมาหลายครั้งแล้วหาเสียทหารเหมือนครั้งนี้ไม่ ซึ่งป่วยบุ๋น นายทหารเรา ตายนั้น เราเสียใจนัก บัดนี้ ทัพเชาฮูก็ได้ทีมีใจกำเริบขึ้น ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด อึงง่วนจี้จึงว่าแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าว่า ประเพณีเป็นทหารกระทำศึกแล้วก็มีแต่แพ้กับชนะ ซึ่งท่านจะคิดย่อท้อดังนั้นหาควรไม่ ข้าพเจ้าเห็นว่า กีเซียง เมืองไซรเป๊กเฮ้า ก็ยกตามมาจะใกล้ถึงอยู่แล้ว ถ้าทัพกีเซียงมาพร้อมกัน ทหารก็จะมาขึ้น จะเข้าตีเอาเมืองกีจิวเฮ้าก็จะได้โดยง่าย ขอท่านจงตั้งมั่นอยู่คอยกองทัพกีเซียงก่อน ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทหาร ทหารทั้งปวงพากันกินโต๊ะเสพสุรามัวเมา มิได้คิดที่จะรักษาค่าย

ฝ่ายเชาฮู ครั้นยกมาถึงค่ายซ่องเฮ่าเฮ้า เวลาประมาณยามเศษ เห็นค่ายซ่องเฮ่าเฮ้าเงียบสงัดอยู่ได้ท่วงทีแล้ว ก็ให้จุดประทัดสัญญาขึ้น ทหารเชาฮูได้ยินเสียงประทัดสัญญา ก็พากันโห่ร้องทลายค่ายเข้าไปทั้งสี่ด้าน

ฝ่ายทหารซ่องเฮ่าเฮ้ามิทันรู้ตัว ตกใจตื่นแตกหนีทิ้งเครื่องศัสตราวุธเสียเป็นอันมาก ซ่องเฮ่าเฮ้าหลับอยู่ ตื่นขึ้นได้ยินเสียงโห่ร้อง แลเห็นทหารวิ่งวุ่นวายหนีออกจากค่ายดังนั้น ซ่องเฮ่าเฮ้าตกใจ ก็ขึ้นม้าจะหนีเอาตัวรอด เชาฮูเห็นซ่องเฮ่าเฮ้าจึงต้องตวาดว่า มึงจะหนีกูไปไหน จงทิ้งอาวุธเสีย มัดตัวเข้ามาหากูโดยดี กูจึงจะไว้ชีวิต เชาฮูว่าแล้วก็ขัยม้าเอาทวนแทงซ่องเฮ่าเฮ้า ซ่องเฮ่าเฮ้าเอาง้าวป้องกันไว้ แล้วซ่องเฮ่าเฮ้าขับม้าเข้ารบด้วยเชาฮู ซ่องเอ๋งปิว บุตรซ่องเฮ่าเฮ้า กับกิมคุ้ย อึงง่วนจี้ เห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้าช่วยซ่องเฮ่าเฮ้ารุมรบเชาฮู เตียเป๋ง หนึ่ง ตันลี่เจง หนึ่ง ทหารเชาฮู เห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้าช่วยเชาฮูรบ ทหารทั้งเจ็ดนายรบพุ่งกันเป็นสามารถ เตียเป๋ง ทหารเชาฮู เอาง้าวฟันกิมคุ้ม ทหารซ่องเฮ่าเฮ้า ตกม้าตาย ซ่องเฮ่าเฮ้าเสียทหาร เห็นจะต้านทานมิได้ จึงพาซ่องเอ๋งปิว ผู้บุตร กับอึงง้วนจี้ ชักม้าถอยรอรบไป เชาฮูชับม้าไล่ฆ่าทหารซ่องเฮ่าเฮ้าไปทางประมาณสองร้อยเส้น เชาฮูเห็นมืดนัก จึงให้ทหารตีม้าล่อถอยทัพกลับเข้าเมืองกีจิวเฮ้า

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้ามาถึงเหงากางติ๋น รู้ว่า เชาฮูพาทหารกลับไปแล้ว จึงหยุดม้าประชุมทหารพร้อมกัน แล้วจึงว่า แต่เรารบศึกมาหลายครั้ง จะเสียทหารเหมือนครั้งนี้หามิได้ ซ่องเอ๋งปิวจึงว่า ซึ่งเสียทีแก่เชาฮูครั้งนี้ ทหารทั้งปวงก็ล้มตายเป็นอันมาก ทหารซึ่งเหลือตายอยู่น้อยตัวนัก ขอท่านให้ม้าใช้รีบไปถึงกีเซียง เจ้าเมืองไซรเป๊กเฮ้า ให้เร่งยกกองทัพมาโดยเร็ว จะได้คิดการตีเมืองกีจิวเฮ้าสืบไป ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังซ่องเอ๋งปิวว่าดังนั้น เห็นชอบด้วย จึงว่า รุ่งขึ้นวันพรุ่งนี้ เราจะให้ม้าใช้ไปเร่งกองทัพเมืองไซรเป๊กเฮ้า พอได้ยินเสียงประทัดและทหารโห่ร้องอื้ออึงมาสกัดหน้าไว้ แล้วร้องว่า บิดาเราใช้ให้เรามา จะเอาชีวิตท่าน ท่านเร่งลงจากม้ามาหาเราโดยดีเถิด ซ่องเฮ่าเฮ้าตกใจได้ยินดังนั้น แลไปเห็นทหารหนุ่มน้อยใส่เสื้อแดงขี่ม้าถือทวนขับม้าเข้ามาหน้า ซ่องเฮ่าเฮ้าจำได้ว่า เป็นบุตรเชาฮู ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงร้องด่าว่า อ้ายลูกกบฏ มึงจะมีชีวิตอยู่สักกี่วัน แล้วซ่องเฮ่าเฮ้าจึงให้อึงง่วนจี้เข้ารบด้วยเชาชวนต๋ง ทหารทั้งสองถ้อยทีต่อสู้กันเป็นสามารถ สิงจีอูเห็นอึงง่วนจี้เพลี่ยงพล้ำจะเสียทีแก่เชาชวนต๋ง สิงจีอูก็ขับม้าเข้ารบช่วยอึงง่วนจี้ เชาชวนต๋งเอาทวนแทงถูกสิงจีอูตกม้าตาย

ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้ากับซ่องเอ๋งปิวเห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้ารบด้วยเชาชวนต๋ง เชาชวนต๋งผู้เดียวต่อรบด้วยทหารรทั้งสามเป็นสามารถ เชาชวนต๋งเอาทวนแทงถูกขาซ่องเฮ่าเฮ้าเกราะขาด ซ่องเฮ่าเฮ้าเห็นจะสู้รบเชาชวนต๋งมิได้ จึงชักม้าหนีไป ซ่องเอ๋งปิวเห็นดังนั้นตกใจประหม่ามือสั่น เชาชวนต๋งเอาทวนแทงถูกแขน ซ่องเอ๋งปิวซวนไปจะตกลงจากหลังม้า ทหารทั้งปวงก็เข้าสกัดหน้าเชาชวนต๋งไว้ ซ่องเอ๋งปิวตั้งตัวได้ จึงพาทหารทั้งปวงหนีเชาชวนต๋งไป

ฝ่ายเชาชวนต๋งมีชัยแก่ซ่องเฮ่าเฮ้า ครั้นจะติดตามไปก็เห็นว่า เป็นเวลาดึกนัก เกลือกจะเสียท่วงทีแก่ซ่องเฮ่าเฮ้า เชาชวนต๋งจึงพาทหารกลับเมืองกีจิวเฮ้า จึงเล่าความซึ่งได้รบกับซ่องเฮ่าเฮ้าให้แก่เชาฮูผู้บิดาฟังทุกประการ เชาฮูได้ฟังเชาชวนต๋งดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่า เราจะคอยฟังกำลังกองทัพซึ่งจะเพิ่มเติมมาภายหลังจะมากน้อยประการใด




ตอน ๑ ขึ้น ตอน ๓