- ๔ -
สายน้ำเก่า
ตึก ใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของหญิงหม้ายมั่งคั่งผู้หนึ่ง น่าตึกเปนสนามหญ้าแซมสวนดอกไม้ ถัดไปเปนศาลานั่งเล่นริมน้ำ แล้วก็ถึงสพานทอดไปลงโป๊ะใหญ่

หญิงสาวงามแต่งกายเรียบ ๆ ทันสมัยกำลังอ่านจดหมายหน้าเศร้า ๆ เพราะข้อความในจดหมายนั้นทำให้เธอกระวนกระวายที่จะต้องตัดสินใจในเหตุการณ์บางอย่าง ตามธรรมดาเธอเคยมานั่งเล่นที่นี่ทุกวัน ปล่อยหัวใจเพลิดเพลินไปในความเปนอยู่และชีวิตหนหลังของเธอ ๓ ปีโน้น บางครั้งเธอแอบร้องไห้ แต่แล้วก็เปลี่ยนเปนยิ้มแย้มเมื่อผ่านพ้นเหตุการณ์นั้น ๆ มาอย่างไม่นึกฝัน

เสียงเรือเร็วเครื่องกลางลำได้ยินถนัด และบ่ายหัวตรงมายังโป๊ะท่าน้ำ เธอชะเง้อตัวมองแล้วลุกยืนอย่างดีใจ

"มาอยู่นี่เอง" เสียงทักของหนุ่มคนหนึ่งใน ๒–๓ คนที่ก้าวขึ้นจากเรือ

"ก็มาคอยรับคุณสมน่ะซี" หล่อนว่า

พวกผู้ชายหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

"คุณเรียมไม่ใช่เล่น" สงัดเพื่อนของสมชายที่มาด้วยกันรู้ทัน "แต่ที่แท้พวกเรากำลังมาหาคุณคนเดียวน่ะไม่พูดถึง"

คุณเรียมหัวเราะตอบฉะฉาน

"ก็มาคอยรับ มิดีกว่ามาหารึคุณหงัด"

"เงียบเถอะหงัดลื้อมันพลาดไปแล้ว" สมชายตัดบท แล้วหันมาถามคุณเรียม "คุณอาอยู่บนตึกหรือจ๊ะเรียม"

"อยู่ค่ะ แม่นายกำลังอ่านหนังสือ เชิญซีค๊ะ"

"อ้าว แล้วเธอเล่า" เขาหันมาถามเชิงชวน

"ดิฉันอีกสักครู่ถึงจะขึ้นไป"

สมชายยิ้ม กระซิบค่อย ๆ ข้างหู

"คอยก่อนน๊ะ เดี๋ยวฉันจะลงมา"

"แล้วออกนำพวกเพื่อนพาขึ้นไปบนตึก

คุณเรียม คือบุตร์สาวบุญธรรม ซึ่งคุณนายทองคำหญิงหม้ายซื้อไว้จากตาเรืองเพียงร้อยบาท เมื่อแรกก็ตั้งใจจะใช้สรอยการงานอย่างทาษ แต่มันเปนวาสนาของเรียมที่บังเอิญมีหน้าตาจริตกิริยาและน้ำเสียงไปเหมือนเปนคน ๆ เดียวกันเข้ากับโฉมยงบุตรสาวคุณนายซึ่งตายไปแล้ว ทั้งอายุก็รุ่นราวคราวเดียวกัน เมื่อ ๓ ปีโน้น เมื่อเจ้าเรียมมาจากท้องนาใหม่ ๆ เรียมเปนคนเจ้าทุกข์เพราะมีความในใจเรื่องเจ้าขวัญ จึงดูเปนคนสงบเสงี่ยม รู้จนรู้เจียม และความจริงก็เปนเช่นนั้น จึงทำให้คุณนายเกิดความสงสาร และต่อมาก็เพิ่มขึ้นเปนรักใคร่ฝังใจ เพราะหน้าเจ้าเรียมงามเอามาก ๆ ไม่แพ้โฉมยงเลย แต่พอเปลี่ยนทรงผมจากหญิงชาวนามาเปนชาวพระนครแล้วเจ้าเรียมก็คือคน ๆ เดียวกับโฉมยงบุตรของคุณนาย เห็นเรียมก็เหมือนเห็นลูก นี่เปนคำพร่ำพูดเสมอ ๆ ของคุณนาย และแต่นั้นมาก็คอยเฝ้าสังเกตุกิริยาและความไว้วางใจต่าง ๆ จากเจ้าเรียม

เรียมเคยได้รับแต่ความทุกข์ยากอด ๆ อยาก ๆ เมื่อมาพบความสุขเข้าเช่นนี้ก็มิได้เผลอสติ เพราะเรียมเปนคนรักดี เมื่อรู้ว่าคุณนายรักเพราะมีหน้าตาเหมือนบุตร์สาว เจ้าเรียมก็เลยวางตัวพยายามทำความดี เอาอกเอาใจคอยปฏิบัติคุณนายเยี่ยงเดียวกับมารดาของตัว เพียงชั่วเวลาปีหนึ่งล่วงมาคุณนายก็รักเรียมหลงเรียมไม่ผิดลูกสาวคือโฉมยงที่ตายไปแล้ว และคุณนายก็ได้ขอตัดขาดจากตาเรืองรับไว้เปนบุตร์บุญธรรมแต่นั้นมา

ในปีที่ ๒ และที่ ๓ ของเรียม เปนเวลาที่โลกแผนใหม่ตลอดจนอารยะธรรมทุกชะนิดของชาวพระนคร กำลังครอบงำเปลี่ยนแปลงเรียมจากชีวิตชาวนา เพราะความมั่งคั่งของคุณนาย เรียมจึงได้รับความรู้ที่สมสมัยจนเต็มสติปัญญา การสมาคมต่าง ๆ นั้น สมชายซึ่งเปนบุตรชายเจ้าคุณรัตน์ฯ พี่ชายคุณนายเปนผู้นำ ทุก ๆ แห่งทิสมชายรู้จักมักคุ้น เรียมเจ้าก็ต้องมักคุ้นไปด้วย เมื่อแรกสมชายก็เหยียด ๆ เรียมอยู่บ้าง แต่ครั้นทราบว่าอาหญิงคือคุณนายทองคำได้ยกย่องเรียมขึ้นในฐานบุตร์สาวบุญธรรมก็เลยทำเอาสมชายต้องหันมาเพ่งเล็งอีกเปนพิเศษ เพราะเมื่อจะพูดไปอีกนัยหนึ่ง โฉมยงผู้ที่ตายไปแล้วก็เคยปรากฎว่ารักใคร่กับสมชายจนเกือบจะเปนคู่มั่นกัน เมื่อเรียมมาแปรโฉมแทนโฉมยงไปได้อย่างไม่มีผิดเช่นนี้ สมชายก็กระตือลือล้นอย่างปลาดและรุนแรงยิ่งกว่าเดิมเพราะโฉมยงนั้นก็นับว่าเปนญาติที่ไกล้ชิดซึ่งทำให้หนุ่มสาวเกิดความกระดากใจ, เมื่อคุณนายทราบความสัมพันธุ์เหล่านี้ของเด็กก็เลยทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะเห็นว่ามันสมน้ำสมเนื้อกันและเพื่อจะผูกมัดเรียมให้ลืมบ้านและสัญชาติเดิมเสียด้วย

อย่างไรก็ดี เรียมก็ไม่วายจะคิดถึงความหลังของชีวิตร์ไปได้ ถึงแม้เวลา ๓ ปีที่ผ่านมาเรียมจะไม่เคยเหยียบไปบางกะปิเลยจนครั้งเดียวก็จริง แต่วิญญานของเรียมมักหวลกลับไปบางกะปิในบางขณะ แต่มิใช่เรียมปรานาจะอยู่บางกะปิเช่นครั้งก่อน เรียมรักที่จะเปนลูกคุณนายมากกว่าเปนลูกตาเรือง คุณสมชายกับเจ้าขวัญก็ไกลกันร้าวฟ้ากับดิน อยู่นี่เรียมแวดล้อมไปด้วยความศุขสารพรรณ เกียรติยศชื่อเสียงและความยกยอพินอบพิเทาเหล่านี้ใครจะคิดบ้างว่าหญิงชาวนาจะได้พบตลอดชาตินี้ แต่นี่เรียมพบแล้ว เรียมกำลังดื่มและกลิ้งเกลือกอยู่บนโลกแผนใหม่เหล่านี้ แล้วก็พยายามจะลืมบางกะปิลืมสายน้ำไหล ทุ่งหญ้าทุ่งนาก็พอจะหักใจลืมได้หรอก แต่พระไทรต้นนั้น แพรแดงและดวงหน้าซื่อ ๆ เศร้า ๆ ของเจ้าขวัญช่างมีวิญญานรุนแรงเสียจริง ๆ หักเท่าไหร่ก็ไม่วายคิด เมื่อคิดแล้วก็ต้องร้องไห้ทุกครั้ง นายขวัญ ซึ่งแต่ก่อนเธอเรียกเขาว่าพี่ขวัญและเขาก็เรียกเธอว่าเรียมเอ๋ย มันเพราะนักเมื่อก่อนนี้ แต่เดี๋ยวนี้เล่า เธอฟังว่ามันเปนบ้านนอกอย่างน่าขนลุกแต่ก็นายขวัญนี่เองที่ทำให้เรียมหัวใจเปนแผล– และลืมบางกะปิคลองปลายน้ำทุ่งนาและต้นไทรเสียมิได้

สมชายหายขึ้นไปครู่ใหญ่ก็กลับลงมาทิ้งเพื่อนสองคนให้นั่งคุยกับคุณนายทองคำ

"ได้ยินคุณอาว่าเธอจะไปบ้านพรุ่งนี้หรือจ๊ะเรียม" เขาถามเมื่อนั่งลงไกล้ ๆ "ถ้าไม่รังเกียจฉันอยากจะไปด้วย เราเอาเรือเครื่องติดท้ายลำเล็กไปเห็นจะเข้าคลองได้"

เมื่อพูดถึงกลับบ้าน เรียมเศร้าลงอีกถนัด รู้สึกอิดหนารอาใจที่จะต้องตอบในเรื่องนี้

"ไม่อยากไปหรอกค่ะสม แต่จำเปนเหลือเกินเพราะแม่แกเจ็บมากและพ่อมีจดหมายมาบอก" เธอชูจดหมายฉบับนั้นไห้ดู

"ก็ไปซีเรียม เพราะท่านเปนแม่และคุณอาก็มิได้ว่ากระไร ยังพูดกับฉันเลยว่าบางทีจะไปด้วย"

"ฉันอายบ้าน" เรียมพูดขึ้นตรง ๆ "อายคุณสมและแม่นายที่จะไปเห็นสภาพที่นอนกลางดินกินกลางหญ้าของฉันเมื่อครั้งโน้น" แล้วเธอหัวเราะไม่เต็มเสียง

"แล้วกันเรียม นั่นไม่ใช่สิ่งจำเปนที่ฉันจะยกขึ้นวัดความพอใจของฉันที่มีต่อเธอเลยนี่แน่ะเรียม, พูดก็พูดเสียเถอะ" แล้วสมชายก็นิ่งปล่อยให้ข้อความที่จะพูดนั้นเปนน่าที่ของเรียมจะคิดเอาเอง

"อะไรล่ะค้ะ ดิฉันไม่ทราบความหมายอะไรเลยตามที่คุณว่า"

"ความหมาย" เขาจ้องเปนการเปนงาน "ฉันจะมีความหมายอะไรอีก นอกจากขอเปลี่ยนเรียกชื่อเรียกว่าโฉมยง และเธอก็ทราบแล้วมิใช่หรือว่าโฉมยงกับฉัน คืออะไร?"

เรียมเอียงอาย คำพูดของคุณสมทั้งหว่านทั้งล้อม

"เรียมไม่บังอาจถึงเพียงนั้นหรอกค่ะคุณโฉมเปนบุตร์ของแม่นายแท้ ๆ แต่ 'แล้วเธอก็มองดูตัวเธอเอง' "แต่เรียมเปนชาวนาเรียมเปนทาษน้ำเงินซึ่งแม่นายซื้อไว้ เท่าที่ท่านเอ็นดูและรักใคร่ให้ความศุขมีหน้ามีตาเท่านี้ก็เปนวาสนาอยู่แล้ว"

"เธอช่างคิดและคิดถูกมากทีเดียวเรียม แลความคิดถูกของเธอนี่และ มันมีราคาสำหรับฉันมากเหลือเกินและเรียมต้องไม่ลืมว่า ฉันขอให้เรียมเปนโฉมยงของฉันนะจ๊ะ"สายตาของสมชายวิงวอนด้วยความจริงใจ

เรียมเศร้าใจหวนไปคิด ๓ ปีโน้นถ้าใครพูดกับเธอเช่นนี้เรียมจะไม่เข้าใจว่าเขาพูดมีความหมายเช่นไรเลย แต่เดี๋ยวนี้เธอเข้าใจอย่างจะแจ้ง นึก ๆ ก็น่าสงสารอยู่บ้างหรอกที่คุณสมชายเปนถึงลูกพระยาและเปนหลานของแม่นายยังอุส่าห์ถ่อมตัวมาขอความรักจากผู้หญิงเช่นเธอ แล้วแผลในใจของเจ้าขวัญก็ผุดขึ้นในหัวอก

"ขอบพระคุณมากเทียวค่ะ แต่ว่าเรียมขอเวลาตรึกตรองสักเล็กน้อย และคุณสมควรจะเรียนแม่นายดีกว่าเพราะดิฉันกำลังยุ่งใจจริง ๆ พรุ่งนี้ก็จะต้องไปบ้านและจะไปค้างสักกี่วันก็ยังไม่ทราบเพราะแม่แกเจ็บมากเสียด้วย"

"เรียมควรจะไปอยู่พยาบาลท่านให้ชื่นใจบ้างซี ฉันจะเอาเรือไปส่ง เพราะการไปเรือแจวดูมันอืดอาดไม่ทันไข้เลย"

เมื่อคุยกันอีกครู่ใหญ่ ๆ เพื่อนของสมชายก็กลับลงมาเสียงเอะอะเกรียวกราวทั้งล้อทั้งขับโดยคนเหล่านั้นรู้ถึงความเปนไปของคู่หนุ่มสาวดี

เจ้าขวัญ ตั้งแต่พ้นคดีกลับจากศาลอำเภอวันนั้นแล้ว ก็แกล้งนอนเจ็บอยู่อีก ๒–๓ วันเพื่อให้ความสมจริงเลยเปนเหตุให้มันผิดนัดกับเจ้าเรียมที่ว่าจะไปฟังคำตอบแล้วพากันหลบหนีขึ้นบางกอกด้วยกัน เจ้าขวัญแทบจะคลั่งใจตายเมื่อรู้จากเจ้ารอดว่าพ่อพาพี่เรียมไปขายไว้ที่บางกอกตั้งแต่เมื่อวานซืน มันจึงออกติดตามสืบเสาะ โดยอุส่าห์แจวเรือมาฝากเขาไว้ที่ประตูน้ำแล้วตัวมันเองก็ออกเดินเดาสุ่มเรื่อยไป หาไปสืบไปจนบางวันเจ้าขวัญต้องเสียเวลาตั้งหลายชั่วโมงเพราะกลับมาเรือไม่ถูกและก็เปนเวลาตั้ง ๓ เดือนที่มันเที่ยวติดตามหาเจ้าเรียมอยู่เช่นนี้จนสิ้นสรัทธา สิ้นหวังที่จะค้นหาเจ้าเรียมพบอีกต่อไป

ปีก่อนโน้น ปีกลายและจนจะสิ้นปีนี้ เจ้าขวัญมีชีวิตร์ไปชั่ววัน ๆ อย่างคนขี้เกียจและเจ้าทุกข์ เมื่อกลุ้มขึ้นมาคราวไรก็ขึ้นหลังอ้ายเรียวแสนรู้ มันก็พาเจ้าขวัญดุ่ม ๆ ไปสู่ฟากคลองข้ามน้ำไปยังอีกฟากหนึ่งแล้วเบิ่งหน้าตรงไปศาลเจ้าพ่อ ข้างเจ้าขวัญเมื่อลงจากหลังอ้ายเรียวแล้วก็ตรงมาหน้าศาล กราบกรานอธิฐานปรับทุกขปรับร้อนขอให้ได้พบเจ้าเรียม เมื่อเห็นชายแพรแดงซึ่งกรังไปด้วยเลือดเก่าของมันและเก่าคร่ำคร่ามันก็อดคลำแผลที่ขมับมิได้ เปนแผลเก่าเมื่อปี ๓ โน้นแผลรักแผลใคร่ซึ่งมันยอมอุทิศให้แก่อ้ายเริญเพราะเห็นแก่เจ้าเรียม ชายแพรก็เหมือนชายผ้าเจ้าเรียมเมื่อครั้งหลัง เรียมเอ๋ย ข้าจะต้องดูชายแพรนี้ต่างหน้าเจ้าไปอีกสักกี่ปี เจ้าพ่อเอ๋ย ถ้าให้เรียมกลับมาหาลูกแล้ว เมื่อจะเอาเลือดอ้ายขวัญเปนเครื่องเส้นอีกสักเท่าไรก็ขอให้เข้าฝันบอกเถิด

ก่อนเพน ถ้าจะนับถึงงานไถนาในวันนี้ของเจ้าขวัญก็ดูเหมือนมิได้ไถเลย ลมทุ่งพัดหวลไปหวลมาปั่นป่วนพิกล เหมือนเมื่อ๓ปีโน้น อ้ายขวัญก็นึกไปนิ่งไป เออลมยังงี้และข้ายังจำได้ว่านัดเจ้าเรียมไปฟากคลองในวันนั้น ลมมันหวล ลมมันหวล เจ้าขวัญรำพึง เออ–เรียมเอ๋ยเมื่อลมมันหวลครั้งไร ข้าก็อดหวลคิดถึงเจ้าไม่ได้ หรือว่าลางลมมันจะให้ข้ารู้ว่าเจ้าจะหวลมาบางกะปิอีก

ผลุนผลันทิ้งหางไถ แล้วเจ้าขวัญเจ้ากรรมก็เผ่นขึ้นหลังอ้ายเรียว ไม่ต้องลงตะพด หรือเตือนสนตะพายเลย อ้ายเรียวแสนรู้คู่ยากก็ออกเดินด่มไม่แวะเวียน ขะโยกบ้าง ตะโพงบ้าง แล้วแต่มันกระทั่งถึงฟากคลองก็ผงาดลงน้ำลอยป๋อว่ายรี่ ๆ ตัดเข้าคุ้งโน้นแล้วก็ขึ้นตลิ่ง อีดอาดไปตามสันดานจนถึงหน้าศาล

มันกราบแล้วกราบอีก บนบ้าง อธิฐานและเล่ารำพรรณทุกข์ร้อนไปบ้าง แหงนหน้าขึ้นสู่ศาลครู่ใหญ่ แล้วก็ลดลงต่ำ ตาจับอยู่ที่แพรแดง โอ้ว่า แพรแดงเครื่องระลึกของข้า เลือดของข้ารักของข้าฝากไว้ที่นี่ทั้งหมด เหลียวดูข้างขวาเล่า ห่างไปชั่วฝ่ามือเดียวก็คือที่นั่งของเจ้าเรียมเมื่อวันโน้น เออเจ้าเคยนั่งข้างพี่ตรงนี้ ตรงนี้แท้ ๆ เจียวเจ้าเรียม แล้วมันก็เอามีดปักไว้เปนที่สังเกตุ

ลมพัดเย็นสบาย บางทีแรงกระโชกเหมือนจะขู่เข็ญอ้ายขวัญ แต่บางครั้งเหมือนเสียงกระซิบของเจ้าเรียม แปลกนักวันนี้แปลกจนเจ้าขวัญแปลกใจเพราะแพรผืนนั้นได้หลุดชายห้อยลง เจ้าขวัญขนลุกเกรียว ตรงเข้าไปประคองสองมือด้วยความเคารพ แล้วมันก็จูบค่อย ๆ จิตต์ระลึกไปว่าชายผ้าของเจ้าเรียม หลั่งน้ำตาเสียพอได้คลายทุกข์แล้วก็ปูผ้าลงกราบเปนการอำลาสำหรับวันนี้

ตรงเข้าประคองสองมือด้วยความเคารพ แล้วมันก็จูบค่อย ๆ จิตต์ระลึกไปว่าชายผ้าของเจ้าเรียม

จูงอ้ายเรียวมาถึงฟากคลอง ปล่อยให้มันโผนลงน้ำไปก่อนแล้วเจ้าขวัญจึงขึ้นขี่หลัง ผ่านพงอ้อกอเข้าตรงที่เจ้าขวัญรื้อถอนแหวกหาเจ้าเรียมเมื่อ ๓ ปีก่อน พ้นมาอีกครู่ถึงต้นไทรต้นเก่า ตลิ่งเก่า – ตลิ่งรักซึ่งกกกอดเจ้าเรียมไว้แนบอกแล้วก็พรากกัน น้ำโน้นไหลเลยทิ้งตลิ่งไปแล้ว เจ้าเรียมก็พรากข้าทิ้งข้าไปแล้ว หัวอกข้าก็เยี่ยงตลิ่งที่คอยนับวันพัง

อีกครึ่งคุ้งก็จะเข้าเนื้อนาเจ้าขวัญ อ้ายเรียวมีอาการตื่นตกใจเบิ่งแล้วเบิ่งเล่าอย่างปลาดเพราะเสียงกึกก้องดังสนั่นซึ่งมันไม่เคยได้ยินไล่หลังมา เจ้าขวัญเหลียวไปดูก็เห็นเรืองามอย่างไม่เคยพบใช้จักร์ไว้ข้างท้าย มีคนนั่งมาเต็มลำ ใกล้เข้ามาไล่เข้ามาจนทันกัน

ผู้หญิงบางกอกงามล้ำนั่งอยู่กลางจ้องเจ้าขวัญเสียจริง ๆ จัง ๆ ผู้ชายหน้าตาสวย ๆ ๒ คนนั่งข้างหน้าและหญิงผู้ดีกลางคนนั่งคู่กับนังคนสาวสวย อ้ายคนคัดท้ายเรือนั่นซิเออหน้าตามันสวยยังกะผู้หญิง ถ้าเจ้านี่มาอยู่บางกะปิผู้หญิงคงลืมไร่ลืมนาไปหามันหมด ถ้ามันเปนยี่เกก็คงรวยเมีย เจ้าขวัญคิดไปต่าง ๆ นา ๆ

กระทั่งเรือผ่านไปไกล นางผู้หญิงบางกอกก็เหลียวมาจ้องเจ้าขวัญ อย่างไม่วางตา ประพิมประพายมันแม้นเจ้าเรียมเสียจริง แต่ขาวกว่า ท่วงทีกิริยาก็ดูจะจัดจ้านกว่าเจ้าเรียมมากนัก เออเรียม ถ้าเปนเจ้าแล้วนั่งมากับชายบางกอกยังงี้ ข้าก็จะตายเสียกลางน้ำนี่และ เจ้าขวัญคิดไปจนเรือลับคุ้งไปทางเนื้อนาเจ้าเรียมมันก็ซบหน้าลงกับหลังอ้ายเรียว

เมื่อ รู้ว่ามีเรือยนต์มาจอดเทียบท่าหลังบ้าน ตาเรืองเจ้าเริญและลูก ๆ ต่างตะโกนกู่ก้องกันยกใหญ่ เพราะตั้งแต่เปนนาตาเรืองและเปนตัวตาเรืองมาก็เพิ่งจะวันนี้แหละที่มีเรือยนต์มาจอด

ก่อนอื่น เจ้าเรียมตรงเข้าไปหาแม่ซึ่งกำลังอาการเพียบ แต่ยังจะพูดจารู้เรื่องกัน ตาเรืองและเจ้าเริญตื่นผู้ดีบางกอก จัดแจงปูเสื่อที่เลือกได้ผืนดีที่สุดคือผืนของเรียมที่ปูนอนเมื่อก่อนและตาเรืองเก็บรักษาไว้ จัดแจงยกน้ำท่าหมากพลูออกรับแขกเต็มที่ ทุก ๆ คนสังเวชใจในความเปนอยู่และชีวิตแร้นแค้นของเจ้าเรียมหนหลัง สมชายนั้นสงสารแทบจะร้องไห้

เจ้าเรียมเมื่อเยี่ยมแม่แล้วก็กลับออกมา มองหน้าแม่นายและคุณสมกับเพื่อนอย่างไม่สนิทนัก ขึ้น ๆ ลง ๆ จากโรงนามาชั้นล่าง กองโซ่ที่ล่ามเจ้ายังกองอยู่ นั่นเองฝาที่ถูกตัดเพราะดาบเจ้าขวัญและซ่อมแซมเพราะมือเจ้าเตือนใจอยู่มิวาย นึกเสียงออกและจำได้ว่าเจ้าขวัญนัดจะมาฟังคำตกลงในคืนมะรืน

เจ้าเรียมยังไม่สิ้นอายสิ้นกระดากใจ เมื่อมาพูดจารับรองแนะนำคนเหล่านั้นให้รู้จักกับพี่น้องและพ่อแล้วก็เลี่ยงลงข้างล่าง โดยอางว่าลืมของไว้ในเรือ ยิ่งนึกถึงความตื่นเต้นเคอะเขินของพ่อกับพี่เริญที่ถูกแนะนำให้รู้จักกับคุณสมชายกับเพื่อน ๆ ด้วยแล้วเรียมก็แทบจะวางหน้าไม่ลง

เธอนั่งโทษตัวเองอยู่ในเรือคนเดียวที่ไม่ควรกลับมาบางกะปิอีกมาดูสภาพเดิมของเธออีกแล้วก็มองดูสายน้ำไหลต้นไทรและกอข้าวริมฝั่ง พลันความในใจของเธอ เมื่อสักครู่ผุดขึ้นให้คิดลบล้างความขวยอายในสภาพเดิมของเธอที่กำลังตำตาคุณสมกับเพื่อน ๆ เมื่อสักครู่นี้เสียสิ้น แน่นักทีเดียวเจ้าควายตัวยาวผิดธรรมดาที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นั้นมิใช่ควายอื่น นอกจากอ้ายเรียว ก็แล้วเจ้าบ้านนอกที่อยู่บนหลังเล่า จะเปนใครอื่นที่ผิดไปจากนายขวัญ ซึ่งแต่ก่อนเธอเรียกเขาติดปากว่า พี่ขวัญ พี่ขวัญคู่รักคู่สาบาลพี่ขวัญคนกล้าที่บุกบั่นเข้ามาหาเธอเมื่อคืนโน้นและลอบรักกันแล้วก็ไปดักฟันนายจ้อยกับพวกจนลือลั่นไปทั้งบางกะปิแม้เดี๋ยวนี้ เธอสมัคใจเรียกเขาว่านายขวัญด้วยความรู้สึกครั้งใหม่ของเธอก็จริง แต่ความรู้สึกครั้งเก่าของเธอบังคับให้เรียมคิดไม่วาย แผลรักหลังหัวใจกำลังกลัดหนองขึ้นอีกในเมื่อมาเห็นคลองปลายน้ำตลิ่งเก่า น้ำใสไหลเชี่ยวและร่มไทรอันเปนธรรมชาติของบางกะปิแทบจะฆ่าเธอเสีย

นั่งเผลอคิดไปอีกครู่หนึ่ง เสียงจ๋อมเหมือนปลาใหญ่ผุดทางท้ายเรือทำให้เธอสดุ้ง ขวัญหนีดีฝ่อแทบใจจะอยุดเต้น แม้ว่าสิ่งนั้นเปนจรเข้ใหญ่ที่สามารถจะหนุนเรือเธอให้ล่ม แล้วกลืนกินเธอก็ยังจะดีเสียกว่า

"เรียมเรียมเอ๋ย"

"นายอ้า พี่ขวัญ"

"จ้ะพี่เอง" เจ้าขวัญซึ่งผุดขึ้นเกาะเรือรับคำเร็วแทบจะสำลักน้ำแล้วพูดอะไรไม่ออกอีก ส่ายหน้าดูเรียม เรียกชื่อเธอได้เพียงสองคำ เรียมเรียม แล้วก็ตื้นตันและถอนสอื้น ทั้งเรียมและขวัญก็ร้องไห้

"พี่เพิ่งกลับจากศาล เจ้าพ่อของเรา ก็พอดี เรือไฟที่เจ้านั่งผ่านพี่มา พี่จำไม่ได้เพราะนึกว่าเปนหญิงบางกอกอื่น แต่โธ่เรียมเอ๋ย พี่ร้องไห้มาสองปีกว่าแล้ว น้ำใหม่ที่เราเคยเล่นงวดไปสองหนแล้ว พี่ก็ยัง" มันถอนสอื้นติด ๆ กัน "เรียมพี่ยังคอยเจ้าอยู่จนน้ำนี้"

แม้เปนคำของชาวนา เรียมก็ไม่วายน้ำตาไหล เธอเองเปนคนที่กลัวขวัญจะทอดทิ้งเมื่อก่อนโน้น แต่เจ้าขวัญกำลังวอนอยู่ว่า เขาร้องไห้มาสองปี คอยเธอมาสองระดูของน้ำหลาก

"จะให้ฉันทำยังไงล่ะจ๊ะ นายขวัญ เพราะฉันก็ไปอยู่กรุงเทพฯ เสียแล้ว ดูเถิด" พูดหวังจะชี้แจงความจำเปนให้เจ้าหนุ่มเห็น "แล้วพ่อฉันก็มิได้เอาเงินไปถ่ายฉันมาเลยกระทั่งเดี๋ยวนี้ ฉันก็ต้องหลุดเปนทาษเขาไป แต่ก็เปนเคราะห์ดีของฉันที่เขาให้ความศุขสบายเกินตัว"

เจ้าขวัญเบิ่งตา คิดฉงนว่าเหตุไฉนเจ้าเรียมจึงผิดแปลกไปอย่างนี้

"เจ้าอย่ายกย่องพี่นักเลย เจ้าเคยเรียกพี่ว่าอย่างไรก็เรียกอย่างนั้นเถิด ผู้ดีบางกอกเขาเรียกกันว่านาย แต่พี่ชอบให้เจ้าเรียกพี่ว่าพี่ขวัญ" เจ้าหนุ่มบ้านทุ่งพูดโดยเข้าใจผิด แล้วก็จับเรื่องต่อไปอีก "ร้อยเดียวไม่ใช่หรือที่พ่อแกขายเจ้าไว้ เงินเท่านั้นจะทุกร้อนไปใยเล่าเรียม พี่ถือหางไถมาสองปีกว่า รับจ้างเขาเกี่ยวเข้ามั่งแจวเรือมั่งพอเก็บประสมประเสไว้ พี่ยอมอดไม่กินอะไรเลย เดี๋ยวนี้พี่มีเงินสักสองร้อยเห็นจะได้ เจ้าคอยพี่สักเดี๋ยวเถอะ พี่จะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้และ" ขาดคำเจ้าหนุ่มลูกปลายน้ำก็ทำท่าจะดำกลับไปเอาเงินที่นา

เรียมตันใจหน้าเสียลงอีกถนัด ขวัญเอ๋ย เธอกำลังเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงทีเดียว เงินจำนวนนั้นอาจซื้อฉัน

โธ่ เรียมเอ๋ย พี่ร้องไห้มา ๒ ปีกว่าแล้ว น้ำใหม่ที่เราเคยเล่นงวดไปสองหนแล้ว พี่ก็ยังคอยเจ้าอยู่

ได้เมื่อก่อนนี้ แต่ใครเขาจะยอมให้ขวัญซื้อฉันด้วยเงินร้อยเดียวในเดี๋ยวนี้เล่า แม้สัก ๕–๖ พันฉันก็เชื่อว่าคุณสมจะต้องตลีตลานก่อนใคร

เธอมองดูหน้าขวัญอย่างสุดสงสารในความโง่เขลา บาปกรรมสิ่งไรหรือจึงทำให้ขวัญจมอยู่ในเวิ้งนาหมู่ไม้และลำน้ำจนยากที่จะช่วยให้เขาฉลาดไปกว่านี้ได้

"คงไม่เปนผลหรอกจ้ะ นายขวัญ ไม่เปนผลหรอก เพราะพ่อได้ขายฉันขาดให้แก่เขาแล้ว และฉันก็สุขสบายดี"

เจ้าขวัญจ้องตลึงพรึงเพริด ปากอ้าตาเบิ่งด้วยคำบอกเล่าของเรียมว่าเจ้าอยู่เปนสุขสบายดี

มันเรียกชื่อเธอดัง น้ำเสียงสั่น ๆ

"เรียมอะไรกันนี่ เจ้าบอกพี่ว่าบางกอกที่เจ้าอยู่เปนสุขสบายดีงั้นหรือ พี่ไม่รู้เลยว่าบางกอกเปลี่ยนเจ้าให้เปนอื่นไป" มันลดตาลงจับแหวนเพ็ชร์ที่นิ้วของเจ้าเรียม สร้อยคอซึ่งวาววามไปเพราะจี้เพ็ชร์ ข้อมือซ้ายซึ่งมันเคยจูงมีนาฬิกาเรือนเล็ก ๆ เปนทอง แล้วเจ้าขวัญก็สำนึกตัวหน้าสลด ความเข้าใจอีกอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้นมาให้มันตั้งปัญหาถามเจ้าเรียม

"ผู้ชายบางกอกที่มาด้วยเจ้าในเรือไฟนั่นเขาเปนญาติกะเจ้าข้างไหน พ่อเรืองก็มีลูกผู้ชายแต่อ้ายเริญกับเจ้ารอดสองคนเท่านั้นที่พี่รู้จัก"

"เพื่อนฉันเอง แต่คนถือท้ายนั่นเปนหลานของแม่นาย และเปนลูกพระยา" เธอตอบเพื่อให้นายขวัญเห็นว่าเธอมีหน้ามีตายิ่งขึ้นกว่าเก่าก่อนมาก

"เพื่อน เจ้าคบเพื่อนผู้ชายด้วยหรือเรียม"

เรียมออกนึกเคืองในความโง่ของเจ้าลูกทุ่ง เปนครั้งแรกที่เรียมนึกเคืองเจ้าขวัญเสียจริง ๆ

"นายขวัญไม่เข้าใจสมัยเขาหรอก ในพระนครน่ะ ของเหล่านี้เปนธรรมดาไม่แปลกเหมือนบ้านเรา"

แม้ธรรมชาติของบางกะปิจะสร้างขวัญมาให้เปนคนโง่ แต่ธรรมชาติไหวพริบในตัวผู้ชายของเจ้าขวัญก็มีอยู่ มันจับตาดูเรียมแล้วก็ก้มดูตัวมันเอง มันรู้แล้วว่าเจ้าเรียมกำลังแปรไปเปนอื่นเพราะบางกอกเมืองใกล้นี่เอง มันคิดว่ามันมีกรรมหนาเสียแล้วที่เกิดในบางกะปิ เออแต่ก่อนบางกะปิเคยบรมสุขสำหรับมัน ทุ่งและลำน้ำแสนแสบที่มันแช่อยู่นี้เคยทำให้มันเย็นฉ่ำสบายนัก แต่เดี๋ยวนี้ไม่เย็นแล้ว แสนชอกช้ำและแสนแสบไปตามชื่อ เมื่อก่อนมันแช่น้ำเย็นกับเจ้าเรียม เดี๋ยวนี้มันแช่น้ำเกลืออยู่คนเดียว

เจ้าขวัญมีสันดานนักเลง เลือดทุก ๆ หยดของมันให้ใครก็ได้ถ้ามันรัก และมันจะล้างเลือดใครเสียก็ได้ถ้ามันเกลียด แต่เจ้าขวัญรักเจ้าเรียมเมื่อก่อน ถึงเดี๋ยวนี้ก็มันก็ไม่เกลียดแต่มันแค้น เรียมเอ๋ย กูเลือดนองวันนั้นเพราะมึงเทียว พระธรณีได้กินเลือดกูเพราะมึงแท้ เออมันกรรมของกูคนเดียวที่ทำให้มึงไปบางกอก – ไปบางกอก แล้วบางกอกก็เปลี่ยนมึงเสียสิ้นบางกอกมันฆ่ากูอ้ายคนบางกะปิ

มันหักใจพูดไปเรื่องอื่นหวังกลบเกลื่อนความในใจว่า

"แล้วเมื่อไรเจ้าจะกลับไปอีกล่ะ"

"แม่แกยังเจ็บมากอยู่" หล่อนตอบไปเท่าที่ถาม

"แม่แกเจ็บเออแน่ะ, พี่ไม่รู้เลย, แล้วนี่แกเปนยังไงมั่ง"

"แกก็เรื่อย ๆ คอยวันตายเท่านั้นเอง"

"พรุ่งนี้เจ้าจะกลับหรือยัง"

"ยังมีธุระอะไรหรือ?"

มันพยักหน้า "มีพี่อยากจะชวนเจ้าไปหาเจ้าพ่อสักหน่อย"

"เจ้าพ่อ" เรียมตกใจ "โอ๊ไม่ได้หรอกนายขวัญฉันจะไปอย่างไรได้ และไม่รู้จะไปทำไมด้วย"

"อ้าวเจ้าเรียม" เจ้าขวัญจ้องหน้า หัวใจมันออกจะรู้ในนิสสัยใหม่ของเจ้าเรียม "ก็ไปกราบไหว้บูชาท่านอย่างก่อนมั่งน่ะซี ดูรึ เจ้าหายไปเปนนานสองนานจนได้ดีก็เพราะเราเปนลูกท่านไม่ใช่หรือ"

เรียมแทบจะคลั่งในความป่าเถื่อนของเจ้าขวัญ เธอจะขี่หลังอีเกไปอีกเหมือนก่อน และว่ายน้ำดำน้ำไปเหมือนก่อนก็ไม่ได้เช่นกัน

เสียงรองเท้าลงส้นหนัก ๆ ใกล้เข้ามาหลายคน

เธอจึงบอกให้ขวัญรู้ตัวว่าถึงเวลาต้องจากกัน ใจหนึ่งของเจ้าขวัญเชื่อ แต่อีกใจหนึ่งนึกอยากจะดื้อลอยคอดูหนุ่มบางกอกสักตั้ง เมื่อมันจะอย่างไรก็ให้มันอย่างไร ผิดนักก็ได้จ้ำจนเลือดโชกไปด้วยกัน

แม้จะจากไปนานเรียมก็ยังไม่ลืมกิริยาเหล่านี้ของเจ้าขวัญเสียทีเดียว หัวใจอาละวาดของมันกำลังฉายขึ้นจับตาเปนวาวน่าครั่นคร้าม มันคงเอาจริงถ้าหากเธอไม่ตัดต้นไฟเสียก่อน

"กลับเสียก่อนเถอะนาย อ้า พี่ขวัญ, พี่ขวัญกลับไปเสียก่อนเถอะแล้วค่อยพบกันใหม่น๊ะจ๊ะ"

มันช่างใจซื่อเสียจริง ยิ้มได้เต็มอกเต็มใจในเดี๋ยวนั้น

"เมื่อไหร่ล่ะเรียมเมื่อไหร่เจ้าจะให้พี่มาพบกับเจ้า ที่นี่หรือที่ไหนนัดกันเสียก่อน"

"ที่นี่ก็ได้ คืนนี้และไปเถอะรีบไป เขามากันโน่นแล้ว" เธอเร่งรัดหนักขึ้น

"งั้นพี่ลาเจ้าละ อย่าลืมคืนนี้น๊ะ พอเดือนขึ้นพี่จะมาคอย" แล้วมันก็หัวเราะร่าดีใจปล่อยมือจากเรือ อ้าปากเต็มอึดใจแล้วก็ดำหายเงียบไปราวกับปลาอยู่น้ำ

ผู้ที่นำหน้าคือสมชาย สงัดตามหลังถัดไปก็ถึงเจ้าเริญเจ้ารอด การที่คนเหล่านี้ต่างเฮโลมาพร้อม ๆ กันเพราะเห็นเรียมเงียบหายมานาน สมชายจึงเกิดเปนห่วงและได้ฟังคำของเจ้าเริญว่าอ้ายขวัญลูกผู้ใหญ่บ้านเขียนซึ่งอยู่เนื้อนาโน้นเปนสัตรูด้วยแล้วก็ทำให้หนุ่มพระนครทุก ๆ คนไม่ไว้ใจจึงตามกันมาเปนหาง เมื่อมาถึงก็พบเรียมกำลังนั่งอย่างไม่รู้ไม่ชี้จึงชวนกลับ

เมื่อแรกเรียมก็ตั้งใจจะค้างเพื่อพยาบาลมารดาสัก๒–๓คืน ครั้นพอพวกที่มาด้วยและคุณนายเตรียมตัวจะกลับเธอก็นึกว้าเหว่ใจ และสิ่งสำคัญที่ทำให้เรียมเกิดหุนหันเปลี่ยนใจกลับพร้อมกับพวกที่มาก็คือ เธอหลุดปากนัดกับเจ้าขวัญว่าคืนนี้เธอจะคอยพบกับเจ้าหนุ่มใจดื้อที่ท่าน้ำ แล้วเธอก็มองเห็นภาพของค่ำคืนที่จะมาถึงว่าเปนเช่นไร แน่เที่ยวถ้าเธอขืนยอมพบกับเจ้าขวัญแล้วมันคงจะไม่ยอมจากไปง่าย ๆ ยิ่งกว่านั้นเจ้าขวัญอาจลวนลามกอดรัดเจ้าตามอำเภอน้ำใจหากเกิดพลาดพลั้งพ่อหรือพี่เริญไปพบเข้าก็ต้องเกิดความขึ้นอีก และเมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูคุณสมชายเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทั้งนายแม่ก็คงไม่รับเลี้ยงดูให้ศุขสบายมีหน้ามีตาอีกต่อไปได้ นอกจากเฉดหัวเธอกลับมาอยู่กับพ่อ แล้วเธอก็จะต้องมีชีวิตร์อยู่กับปรักควายไปอีกตลอดชาติ

เมื่อคิดมาถึงเหตุที่จะเข้าร้ายตอนนี้ทำให้เรียมหัวใจผลุนผลันขอกลับด้วย โดยอ้างว่าเธอมิได้เตรียมตัวจะมาค้าง ฉนั้นจึงมิได้มีผ้าผ่อนที่พอจะผลัดเปลี่ยนติดมา เมื่ออาการของแม่หนักอย่างไรก็ขอให้พี่เริญรีบไปตามในวันรุ่งขึ้น หรือไม่อย่างช้าอีก ๓–๔ วันเธอจะมาไหม่ พวกที่มาด้วยต่างเห็นจริงและยินดีไปตามกัน ส่วนพวกทางบ้านถึงแม้จะไม่เห็นดีและเต็มใจก็ไม่มีใครกล้าที่จะทัดทานได้

เจ้าขวัญ เมื่อดำน้ำเต็มอึดพอลับคุ้งมาก็โผล่ และขึ้นฝั่งด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มอิ่มใจแทบว่าจะไม่ไปกินเข้าเย็นที่บ้านนึกอยากจะนั่งคอยอยู่ที่นี่จนกว่าจะค่ำและเดือนจะขึ้น แต่เกรงพ่อแกจะเปนห่วงออกตามหา ความก็จะแดงขึ้นแล้วคลาดนัดกับเจ้าเรียมเสียอีก มันนึกเข็ดที่จะต้องค้างคอยเจ้าเรียมอีกเปนเวลาแรมปี เปนวันแรกในเวลา๓ปีที่เจ้าขวัญเพิ่งจะได้ร้องเพลงและผิวปากอย่างครึ้มใจ พอลัดเข้าทางท้ายคอกอ้ายเรียวก็ชะเง้อมองจำได้ มันสบัดเขาเบิ่งย่ำขาไป ๆ มา ๆ คล้ายจะว่าเจ้าขวัญ ทำไมอารมณ์ดีนัก

ขวัญอิ่มใจจนกินเข้าได้น้อย พูดคุยกับผู้ใหญ่เขียนถึงแต่เรื่องงานไร่งานนายิ้มแย้มจนท่านผู้ใหญ่พิศวง

แม้จะรู้ว่า การไปพบเจ้าเรียมในคืนนี้ต้องว่ายน้ำและ แช่อยู่ในน้ำเปนเวลานานก็จริง เจ้าขวัญก็ยังอดที่จะเปลี่ยน ด้วยกางเกงไหม่ไม่ได้ มันปดพ่อว่าจะไปก่อไฟสุมยุงให้อ้ายเรียว ลางที่จะเลยนอนเฝ้าคอกควาย เจ้าขวัญก่อไฟจริง แล้วก็นั่งดูกองไฟอย่างเผลอ ๆ พอสักครู่ก็แหงนตาจับฟ้าเร่งดาวเร่งเดือนให้ขึ้นเสียโดยเร็ว มันจะได้เลี่ยงไปลงน้ำแล้วว่ายให้เร็วและเงียบเชียบ พอพ้นคุ้งก็ดำไปโผล่ที่กะใดเจ้าเรียม มันนั่งดูกองไฟจ้องนิ่ง ๆ นาน ๆ จนแทบจะเห็นหน้าเจ้าเรียมยิ้มรับมันเปนการเอาลางดีล่วงน่า

ล่วงเข้ายามเศษ ทั้งทุ่งและนาเงียบกริบแม้จะเห็นเดือนพ้นฟ้าไร ๆ ก็จริง ทุ่งนาก็ยังเปนทุ่งผืนใหญ่กำลังนอนหลับอย่างวังเวงน่ากลัว เจ้าขวัญยิ้มย่องเมื่อเห็นเดือน เห็นดวงเดือนเมื่อไร ก็เท่ากับเห็นหน้าเรียมเมื่อนั้น เพราะดวงเดือนเตือนใจให้เจ้าขวัญหนุ่มระลึกได้ว่า กำหนดนัดของเจ้าเรียมถึงแล้ว หากมันจะต้องไปคอยอยู่นานหน่อยหรือแช่น้ำจนตัวเปนเมือกก็ยังดีกว่าให้เจ้าเรียมไปคอย

น้ำเอ่อกำลังจะขึ้น เจ้าขวัญค่อยแหวกกอเข้าชายตลิ่งก้าวลงคลอง ปากคาบมีดซุยคู่ชีวิตร์แล้วว่ายน้ำไปด้วยชำนิชำนาญ ถึงเดือนจะกำลังขึ้นแจ่มฟ้าแต่ก็ยังเปนเวลาค่ำคืนที่ค่อนข้างสงัด สายน้ำเย็นเฉียบอย่างหน้าหนาว แม้จะว่ายไปคนเดียวในย่านกลางของความวิเวกไปด้วยเงาไม้ใหญ่ข้างฝั่งก็จริง เจ้าขวัญหาได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้เปนอารมย์ เงือกงูอันเปนภัยที่น่าหวาดกลัวในสายน้ำกลางคืน ผีสางนางไม้ และวิญญาณอื่น ๆ ของภูตผีปิศาจประจำลำน้ำแสนแสบเหล่านั้นจะได้แผลงฤทธิ์แผลงเดชถึงกับทำให้เจ้าขวัญกลับใจสักชั่วขณะก็หาไม่เลย มันคงว่ายน้ำไป ว่ายไปด้วยความมุ่งแต่จะให้ทันนัดเจ้าเรียม หัวใจก็นึกอยู่แต่ว่าป่านนี้เรียมมิมาคอยพี่อยู่ก่อนแล้วหรือ แล้วมันก็สาวแขนจ้ำให้เร็วขึ้น พอพ้นคุ้งจะออกกลางน้ำโล่งก็ดำหายลงน้ำลึก

คะเนอึดใจด้วยความชำนาญ เจ้าขวัญก็โผล่ขึ้นห่างท่าน้ำบ้านตาเรืองเพียง ๓–๔ วา เจ้าขวัญใจหายวาบเมื่อเห็นแต่ท่ากะใดเปล่า เรือไฟลำที่เจ้าเรียมนั่งอยู่เมื่อบ่ายไม่ได้จอดอยู่ที่นั่น มองดูเหนือน้ำขึ้นไปอีกกระทั่งในลำกระโดงก็ไม่มี มันว่ายตรงไปที่กะใดชะเง้อชะแง้เพราะยังสงสัยว่าเปนเรือสวยมีราคาบางทีพวกบางกอกจะกลัวคนตัดขะโมยไปกินเสียจึงยกขึ้นไว้บนคาน

เจ้าขวัญอุส่าห์ย่องขึ้นกระใดท่าน้ำ ชะเง้อหัวพอพ้นมองเห็นทั่วไปบนบกแต่ท่าน้ำถึงโรงนาและคานเรือ ไม่มีไม่มีจนกระทั่งเรือรั่วของตาเรือง นี่เจ้าเรียมกลับบางกอกแล้วหรือ เรียมลืมคำนัดของพี่เสียแล้วกระมัง

เจ้าขวัญถอยลงมาที่กะใดตามเดิมลับ ๆ ล่อ ๆ เกรงคนจะเห็น มองไปในโรงนาเห็นแสงตะเกียงจุดอยู่ริบ ๆ ยังพอใจชื้น เจ้าเรียมคงให้พวกนั้นกลับไปบางกอกก่อน ส่วนตัวเจ้าคงจะยังอยู่ในโรงนั่นเอง ตะเกียงยังไม่ดับพ่อเรืองและอ้ายเริญก็คงยังไม่นอน เจ้าจึงมาไม่ได้ เรียมเอ๋ยเจ้าคงยังไม่รู้ว่าพี่มาแล้ว และเจ้าจะห่วงนึกถึงคำนัดของพี่มั่งไหมหนา

เสียงตาเรืองไอจากโรงนาได้ยินถนัด เสียงตบยุงดังผัวะใหญ่แล้วพูดขึ้นดังพอจำเสียงได้ว่าเปนอ้ายเริญ

"ป่านนี้นังเรียมเห็นจะถึงบ้านแล้วกระมังพ่อ"

"อ๊ะ ถึงเสียเปนนานละ" ตาเรืองตอบลูกชายชี้แจงความดีพิสดารของเรือ "พอพ้นคุ้งออกคลองใหญ่มันก็แล่นฝั่งลายไปเท่านั้นเอง"

แล้วเสียงสองพ่อลูกพูดกันดังบ้างค่อยบ้างถึงเรื่องวาสนาดีของเจ้าเรียม และหันมาพูดเรื่องคนเจ็บและปรับทุกข์ปรับร้อนกัน

เจ้าขวัญแทบจะหลุดจากกะใดหล่นตูมลงน้ำ หมดเรี่ยวแรงที่จะชะเง้อคอยเจ้าอีก มันถอยลงมายืนอยู่กระใดคั่นสุดน้ำท่วมเพียงอก เรียมเอ๋ย, พอเดือนขึ้นขอบฟ้าพี่ก็นึกถึงคำนัด แต่เจ้าหนีพี่ไปบางกอกเสียแต่เมื่อเย็นแล้วหรือ เจ้าล่อให้พี่หลงคอย เรียม–เรียมเจ้าบาปลึกล้ำ เจ้านัดพี่แล้วเจ้าหนีพี่ไปช่างไม่สงสารอกพี่มั่ง

เจ้าขวัญมองไปบนโรงนาแล้วถอนใจใหญ่ ตะเกียงดับมืดซ้ำดวงเดือนที่เปนกำหนดนัดของเจ้าเรียมก็กำลังหนีเข้าเมฆ แล้วข้าจะคอยใครอยู่อีก เรียมเอ๋ย, เจ้าหลอกข้าให้หลงแล้วหนีไป เพราะรักเจ้าหน่ายหมดแล้ว เจ้านัดให้ข้าอิ่มใจในชั่วเย็น แล้วข้าจะแห้งใจไปชั่วชาติ เจ้าไปอยู่บางกอก ๓ ปี ข้าคิดไม่วายว่าเจ้ายังรักข้ายังรักอ้ายขวัญลูกทุ่งน้ำเดียวกันกับเจ้า เอ้ออีเรียมเอ๋ย มึงจะฆ่ากูแท้ กูมาเพราะมึงนัด กูเก้อเพราะมึงลวง กูเพ้อหามึง กูร้องไห้หามึง เมื่อน้ำ
อีเรียมเอ๊ย มึงจงฆ่ากูเถิด กูมาเพราะมึงนัด กูเก้อเพราะมึงลวง โอ้ เรียม

หลากมา กูก็ใฝ่ใจถึงแต่มึง ทั้งหน้าไถหน้าหว่านกูก็เฝ้าคอย คอยอีเรียมเอ๋ย กูคอยมึงจนพ้นหน้าเกี่ยวหน้าลาน น้ำหลากก็ลดไป ตลิ่งก็แห้งระแหง ลำน้ำก็เขินเลน กูยังนึกว่ามึงรักอ้ายขวัญใฝ่หาอ้ายขวัญอยู่ยังเดิม ถ้ามึงไม่มาบางกะปิครานี้แล้วกูก็คงคิดคงครวญถึงมึงจนวันตายของกูยังดีกว่า โอ๋เรียมต้นไม้เปลี่ยนใบ หญ้าเปลี่ยนสี กุ้งปลาก็ลอกคลาบไปแล้ว พี่ยังไม่วายรักเจ้าเลย พี่จะคอยเจ้าต่อไปอีก เมื่อเจ้าเบื่อบางกอกเจ้าก็คงคิดถึงพี่มั่ง กลับมาหาทพี่มั่ง บางกะปิและศาลเจ้าพ่อเปนที่นัดที่คอย เปนที่อยู่ที่ตายของข้า ถึงข้าเปนผีไปแล้วเมื่อข้าไม่มีศาลอยู่ ข้าก็จะเอาลำน้ำนี้เปนวังอาศัยคอยกว่าเจ้าจะกลับมาแล้วข้าก็จะเอาเจ้าไปอยู่กับข้ายังเมืองผี อีเรียมเอ๋ย ถึงเราจะเปนผีอาศัยลำน้ำนี้ ดำผุดดำว่ายกันตามประสาหาศุขไปชั่ว ๆ วันจนกว่าจะได้ผุดได้เกิดก็ยังจะดีกว่าเจ้าแยกไปอยู่บางกอกข้าอยู่แสนแสบคนละทุ่งละทางยังงี้เสียอีก

เจ้าขวัญซบหน้าลงกับแขนที่เกาะบรรใด ทั้งรักทั้งแค้นในการกระทำของเจ้าเรียมนักถอนใจยาวแล้วก็ฮึดฮัดผลุนผลันผละจากท่าน้ำตาเรือง ปากคาบมีดว่ายกลับมาตามสายน้ำเก่า สายน้ำเก่าซึ่งมันรักมันรอเจ้าเรียมมา ๓ ปีแล้ว ความมืดในลำน้ำข้างหน้าซึ่งมันจะผ่านไป เงาไม้ทั้งสองฝั่ง บางฟากมีกอเข้าริมน้ำไหวเยือกไปตามละลอกคลื่นที่เจ้าขวัญว่ายแหวก เสียงปลาเล็กผุดจ๋อมขึ้นข้าง ๆ ตัวและโผงผางของปลาใหญ่ที่ตกใจเผ่นพ้นน้ำเหล่านี้คงเปนของธรรมดาที่ไม่ทำให้เจ้าขวัญเสียขวัญไปได้เลย มันว่ายหลีกลัดไปตามคุ้งน้ำพอขึ้นฝั่งก็ได้เวลาเดือนตกลับไป