กอไทอวยได้ฟังลิมชองร้องเถียงแข็งแรงอยู่ก็ไม่อาจจะให้ฆ่าลงได้ จึงสั่งทหารให้เอาตัวลิมชองกับกระบี่ไปส่งให้ฮูอินไคฮองฮู้ขุนนางผู้ชำระความ ทหารก็เอาตัวลิมชองกับกระบี่ไปส่งตามสั่ง ครั้นไปถึง ทหารก็เอาตัวลิมชองกับกระบี่เข้าไปแจ้งความให้ฮูอินขุนนางผู้ชำระฟังทุกประการ ฮูอินจึงถามลิมชองว่า เจ้าก็ทำราชการเป็นครูทหาร ทำไมไม่รู้จักผิดและชอบ ถือกระบี่เข้าไปจนหน้าหอแปะโฮวตึงด้วยเหตุอันใด ลิมชองว่า ความเรื่องนี้ไม่จริง แกล้งอุบายพาลเอาผิด ข้าพเจ้าทำราชการมานานแล้ว รู้ความผิดและชอบอยู่บ้าง ลิมชองก็เล่าความเดิมซึ่งภรรยาไปไหว้เจ้าให้ฮูอินขุนนางผู้ชำระฟังตั้งแต่ต้นจนปลายทุกประการ แล้วแจ้งว่า กอไทอวยใช้ให้ขุนนางสองนายไปเรียกข้าพเจ้าให้เอากระบี่มาเปรียบกัน ขุนนางสองนายก็พาข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน ให้ข้าพเจ้านั่งคอยอยู่ ครั้นกอไทอวยออกมาว่า ข้าพเจ้าถือกระบี่เข้ามาจนข้างใน ให้ทหารจับตัวไปฆ่าเสีย ข้าพเจ้าก็ร้องอยู่ว่า ความอันนี้ไม่จริง จะแกล้งพาลเอาผิดข้าพเจ้า กอไทอวยจึงให้เอามาส่งท่าน ขอท่านได้ชำระให้เห็นเท็จและจริงเถิด ฮูอินได้ฟังถ้อยคำของลิมชองก็สั่งให้ผู้คุมเอาตัวลิมชองไปขังไว้ แล้วเขียนหนังสือตอบไปถึงกอไทอวยว่า ได้รับตัวลิมชองไว้แล้ว ยังไม่ได้ชำระ เวลาอื่นจะชำระให้ได้เท็จและจริง จึงจะทำตามโทษ เขียนหนังสือแล้วก็มอบให้ทหารถือกลับไป
ฝ่ายภรรยาลิมชองครั้นแจ้งว่า เขาล่อลวงลิมชองไปต้องโทษ ก็ร้องไห้ จัดหาอาหารให้บ่าวไพร่ไปส่งลิมชองมิได้ขาด ฮูอินก็มีความเมตตา ลิมชองจะคิดแก้ไขให้เห็นเท็จและจริง ก็กลัวกอไทอวยจะโกรธ ด้วยเขาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหารโปรดปรานมาก จึงให้หาเตียกาเถาครูทหารซึ่งเป็นบิดาภรรยาลิมชองมา แล้วให้เตียกาเถาไปร้องทุกข์ที่ขุนนางผู้ชำระคนใหม่จะได้ช่วยว่ากล่าว เตียกาเถาก็ไปร้องที่ซึงเต็งผู้ชำระความคนใหม่ ซึงเต็งคนนี้เป็นขุนนางซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ทรัพย์ของผู้ใด ชำระความสิ่งใดก็ชำระตามตรงเป็นยุติธรรม คนทั้งหลายเรียกซึงเต็งว่า พระ ครั้นเตียกาเถา พ่อตาลิชอง ไปร้องทุกข์ที่ซึงเต็งเล่าความให้ฟัง ซึงเต็งขุนนางผู้ชำระได้ฟังก็แจ้งว่า กอไทอวยพาลผิดแกล้งจะฆ่าลิมชองเสีย จึงพูดกับเตียกาเถาว่า เรารู้เรื่องความแล้ว จะช่วยแก้ไขให้ เตียกาเถาก็คำนับลากลับมา ซึงเต็งจึงไปหาฮูอินไคฮองฮู้ที่บ้านแล้วพูดว่า ซึ่งเรื่องความของลิมชองนี้ ข้าพเจ้าสืบดูเห็นว่า กอไทอวยข่มเหงใส่ความเขา ท่านจงเห็นแก่ลิมชองด้วย ฮูอินว่า กอไทอวยว่า ลิมชองถือกระบี่เข้าไปจนถึงแปะโฮวตึงชั้นใน โทษนั้นผิดมาก จะทำประการใดดี
ซึงเต็งได้ฟังก็โกรธ จึงถามว่า ซึ่งขุนนางตำแหน่งท่านนี้กอไทอวยตั้งให้หรือ ฮูอินว่า ไม่ใช่ เจ้าแผ่นดินตั้งแต่งให้ ซึงเต็งว่า ถ้ากระนั้น มานั่งกลัวกอไทอวยทำไม ถ้อยความสิ่งใดก็ต้องชำระว่ากล่าวแต่ตามจริง ฮูอินว่า ท่านไม่รู้หรือว่า กอไทอวยเป็นขุนนางผู้ใหญ่ เจ้านายโปรดปรานมาก จะให้ข้าพเจ้าทำประการใดดี ท่านเห็นว่า ชำระอย่างไรจึงจะเป็นยุติธรรม ซึงเต็งว่า ลิมชองถือกระบี่เข้าไปจนแปะโฮวตึง โทษนี้ผิดจริง แต่ลิมชองว่า มีขุนนางสองคนไปเรียกลิมชองแล้วพาเข้ามา ขุนนางสองคนนั้นก็เอาตัวไม่ได้ไม่รู้ว่าผู้ใด เอาลิมชองเป็นผิดก็ควร แต่โทษนั้นไม่ถึงฆ่าฟัน ถ้าจะทำให้ถูกแบบถูกอย่างก็เอาลิมชองไปเฆี่ยนยี่สิบทีแล้วเนรเทศไปเมืองไกล จึงจะเป็นการยุติธรรม
ฮูอินได้ฟังก็เห็นชอบ จึงพูดว่า ข้าพเจ้าจะเอาข้อความไปแจ้งกับกอไทอวยก่อน ฟังดูจะว่ากล่าวประการใด ซึงเต็งก็กลับไปบ้าน ฮูอินจึงเอาข้อความที่ซึงเต็งปรึกษาไปแจ้งกับกอไทอวยทุกประการ กอไทอวยจึงคิดว่า ความเรื่องนี้ก็ใช้กลอุบายอยู่ในใจเรา ตระลาการเขารู้เท่า จึงปรึกษาโทษไม่ให้ตาย เพียงเนรเทศ ถึงกระนั้นก็เอาเถิด เราจะคิดฆ่าเสียตามทางให้จงได้ คิดแล้วก็พูดว่า ท่านปรึกษาเห็นควรแล้วจงไปจัดการเถิด ฮูอินก็คำนับลามายังโรงชำระ ให้เอาตัวลิมชองออกมาเฆี่ยนยี่สิบที แล้วให้สักหน้า เอาคาหนักเจ็ดชั่งครึ่งมาใส่คอ ให้ตังเทียว สิปา เป็นผู้คุมเนรเทศไปเมืองชองจิว ตังเทียว สิปา คำนับลาคุมตัวลิมชองไป
ฝ่ายเตียกาเถากับเพื่อนบ้านแจ้งว่า เขาจะเอาตัวลิมชองไปเนรเทศ ก็มาคอยอยู่ตามทาง พอตังเทียว สิปา คุมลิมชองมา เตียเกาเถา พ่อตาลิมชอง ก็เชิญตังเทียว สิปา ผู้คุมทั้งสอง กับลิมชอง เข้าไปในโรงสุรา เตียกาเถาให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงผู้คุมทั้งสอง แล้วก็เอาเงินออกให้ฝากฝังลิมชองด้วย ครั้นกินโต๊ะเสพสุราแล้ว ลิมชองจึงพูดกับเตียกาเถา พ่อตา ว่า ข้าพเจ้ามีการอยู่อย่างหนึ่งจะพูดกับท่าน เดิมท่านรักใคร่ข้าพเจ้า จึงได้ยกบุตรหญิงให้เป็นภรรยา อยู่กินด้วยกันมาได้สามปี มิได้ผิดปากวิวาทกัน ซึ่งตัวข้าพเจ้าครั้งนี้เขาข่มเหงกดขี่ทำโทษต้องเนรเทศไปเมืองไกล จะเป็นตายประการใดก็ไม่แจ้ง ข้าพเจ้าคิดเห็นว่า บุตรหญิงของท่านจะได้รับความลำบากทุกข์ทนต่อไป กอเงไหลก็จะมารบกวนให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ บุตรหญิงของท่านก็จะมีความน้อยใจ ข้าพเจ้าจะทำหนังสือหย่าให้ จะได้มีลูกผัวเสีย อย่าเป็นห่วงถึงข้าพเจ้าเลย ซึ่งตัวข้าพเจ้าจะได้กลับมาหรือยังประการใดก็ยังไม่ทราบ แต่ความเรื่องนี้ข้าพเจ้าคิดเห็นเอง ไม่ใช่ผู้ใดสั่งสอนข่มขืนให้หย่า เพื่อว่าบุตรหญิงของท่านจะได้ความสุขสืบไป เวลาพรุ่งนี้ ข้าพเจ้าจะทำหนังสือให้ ท่านจงไปจัดแจงเถิด เตียกาเถาว่า เจ้าพูดอะไรเช่นนั้น ไม่ถูก เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็มีเคราะห์ดีเคราะห์ร้าย มิใช่เจ้าไปหาความมาเมื่อไรก็ย่อมรู้อยู่ทั้งสิ้น ความเรื่องนี้เขากดขี่ข่มเหงเอา ซึ่งภรรยาของเจ้านั้นอย่าได้วิตก บิดาจะรับเอาไปอยู่บ้าย เงินทองที่ซื้อกินนั้นก็มีอยู่พอเลี้ยงกัน บิดาจะเลี้ยงไว้กว่าเจ้าจะสิ้นโทษกลับมา ครั้งนี้ เป็นกรรมของเจ้าแล้ว จงก้มหน้าไปก่อนเถิด ถ้าเจ้าแผ่นดินโปรดยกโทษเสียเมื่อไร ก็จะได้มาอยู่กินด้วยกัน ซึ่งข้อความสิ่งใด ๆ นั้นเจ้าอย่าคิดเลย เป็นพนักงานของบิดาเอง ลิมชองจึงตอบว่า ข้าพเจ้าขอบคุณท่านนักหนา แต่ข้าพเจ้าจะจากไปวางใจไม่ได้ ทำให้บุตรหญิงของท่านได้ความลำบากต่าง ๆ ถ้าท่านยอมให้ข้าพเจ้าทำหนังสือหย่า ถึงตัวข้าพเจ้าตาย ก็มีความสบาย แม้นท่านไม่ให้ข้าพเจ้าหย่า ข้าพเจ้าจะสาบานไว้ ถ้าถึงสิ้นโทษกลับมาก็ไม่อยู่กินกับบุตรท่าน เตียกาเถากับเพื่อนบ้านเหล่านั้นได้ฟังก็แจ้งในใจของลิมชองว่า กลัวภรรยาจะได้ความลำบาก จึงพูดดังนี้ปรารถนาจะให้เตียกาเถารับหนังสือหย่า จะได้หาผัวให้บุตรหญิงใหม่ บุตรสาวภรรยาลิมชองนั้นจะได้มีความสุขสืบไป เพื่อบ้านทั้งหลายก็พูดกับลิมชองว่า ท่านอย่าเขียนหนังสือเลย สิ้นโทษจะได้กลับมาอยู่กินด้วยกัน ซึ่งใจภรรยาของท่านนั้นข้าพเจ้ารู้อยู่ ที่จะมีสามีอีกก็เห็นจะไม่มี ลิมชองว่า จะให้เขาได้ความทุกข์ต่อไปนั้นไม่ควร เตียกาเถาว่า ถ้าเจ้าไม่ฟัง ขืนจะทำหนังสือหย่าให้ไว้ ก็ตามใจเถิด แต่บุตรหญิงของเราไม่ให้ได้สามีใหม่ จะยากจนประการใดก็จะขอทานเลี้ยงลูกไปตามจน การข้อนี้เจ้าอย่านึกเลย ลิมชองให้ไปหาเสมียนมาเขียนหนังสือหย่า แล้วพอเห็นภรรยาเดินร้องไห้มาถึง ลิมชองก็ออกไปรับภรรยาเข้ามาข้างในแล้วพูดว่า เรามีความอยู่ข้อหนึ่งจะพูดกับเจ้า แต่ได้บอกกับบิดาแล้ว เราต้องโทษจะเนรเทศไปเมืองไกล จะได้กลับมาหรือประการใดก็ไม่แจ้ง จึงทำหนังสือหย่าให้ไว้ ถ้ามีเหตุประการใด เจ้าจะได้ไปมีสามีเสีย อย่าเป็นห่วงถึงเราเลย
ภรรยาลิมชองได้ฟังสามีพูดดังนั้นก็ร้องไห้พลางถามสามีว่า ตัวข้าพเจ้าชั่วช้าประการใด จึงได้ทำหนังสือหย่าดังนี้ ลิมชองว่า ไม่ใช่ตัวเจ้าชั่วช้า คิดเห็นว่า ไปครั้งนี้จะเป็นตายก็ไม่แจ้ง กลัวเจ้าจะได้ความลำบาก ประการหนึ่ง ตัวเจ้าก็ยังสาว ควรหาสามีใหม่ จะมาเป็นทุกข์ใจคอยท่าเราไม่ควรเลย คิดเห็นดังนั้นจึงทำหนังสือหย่าให้ ภรรยาลิมชองได้ฟังสามีก็ไม่โต้ตอบประการใด ร้องไห้กลิ้งเกลือกไปมา เตียกาเถา บิดา จึงพูดว่า เจ้าอย่าร้องไห้เลย จงไปอยู่กับบิดาเถิด ถ้าแม้นว่าสามีเจ้าสิ้นโทษมา ก็จะได้อยู่กินด้วยกัน ถ้าเขาไม่กลับมา บิดาจะเลี้ยง เจ้าจะโศกเศร้าไปทำไม พูดแล้วก็รับเอาหนังสือหย่าไว้ ภรรยานั้นก็เอาเงินทองกับห่อเสื้อกางเกงออกให้ลิมชอง สามี ลิมชองลาเตียกาเถา พ่อตา และภรรยาแล้ว ตังเทียว สิปา นายผู้คุม ก็พาลิมชองไปฝากไว้ที่คุก เตียกาเถาจึงพาบุตรไปที่บ้านลิมชอง ด้วยบ้านลิมชองนั้นเป็นตึกหลวง จึงได้เก็บทรัพย์สิ่งของไปอยู่บ้านของตัว
ฝ่ายตังเทียว สิปา กลับไปบ้านจัดหาเสบียงอาหาร และเสื้อ กางเกง เงินทอง จะได้เอาไปกินตามทาง ก็มีชายเจ้าของร้านขายสุราไปเรียกตังเทียวว่า ยังมีขุนนางผู้หนึ่งมาแต่ไหนไม่แจ้ง ให้ข้าพเจ้ามาเชิญท่านไปที่โรง ตังเทียวได้ฟังก็ไปกับเจ้าของสุรา ครั้นถึง เห็นขุนนางผู้นั้นนั่งอยู่ ตังเทียวเข้าไปคำนับแล้วถามว่า ท่านกับข้าพเจ้ายังไม่เคยสนทนากัน ท่านให้หาข้าพเจ้ามาด้วยธุระสิ่งไร ท่านชื่อไร แซ่ใด มาแต่ข้างไหน จงบอกให้ทราบ ขุนนางนั้นบอกว่า ประเดี๋ยวเถิดเราจะบอกท่าน แต่สิปานั้นอยู่ที่ไหน ตังเทียวบอกว่า อยู่ตรงนี้ไป ขุนนางนั้นก็ให้เจ้าของขายสุราไปเรียกสิปามา แล้วสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงตังเทียว สิปา เป็นอันดี แล้วขุนนางนั้นก็หยิบทองคำหนักสิบตำลึงออกมาวางไว้บนโต๊ะ พูดว่า ท่านทั้งสองจงรับทองคำไว้คนละห้าตำลึงเถิด เรามีธุระอยู่สิ่งหนึ่งจะพูดกับท่าน ตังเทียว สิปา ว่า ท่านเป็นขุนนางอยู่ที่ไหน จึงเอาทองคำมาให้ข้าพเจ้าสองคนด้วยธุระอันใด ขุนนางนั้นจึงถามว่า ท่านทั้งสองจะคุมลิมชองไปเมืองชองจิวหรือ ตังเทียวว่า ข้าพเจ้าสองคนนี้ท่านผู้ชำระใช้ให้คุมลิมชองไปเนรเทศ ขุนนางนั้นจึงพูดว่า ตัวเรานี้เป็นขุนนางของกอไทอวยชื่อ เล็กเคียม สำหรับใช้สอยอยู่ในบ้าน ตังเทียว สิปา ได้ฟังจึงพูดว่า ข้าพเจ้าทั้งสองหาควรจะนั่งร่วมท่านไม่ ท่านอย่าได้ถือโทษเลย เล็กเคียมว่า เราไม่ถือดอก ท่านไม่รู้หรือ ลิมชองกับกอไทอวยเป็นคู่พยาบาทกัน กอไทอวยนั้นใช้ให้เราเอาทองหนักสิบตำลึงมาให้ท่านทั้งสอง ซึ่งจะคุมลิมชองไปเนรเทศนั้นไม่ต้องไปไกล ฆ่าเสียใกล้ ๆ ก็ได้ แต่ท่านจะเชือดเอาหนังสือที่สักหน้าลิมชองมาเป็นสำคัญก็แล้วกัน ถ้านายท่านจะว่ากล่าวประการใด กอไทอวยจะแก้ไขเอง ท่านอย่าวิตก ถ้าสำเร็จความกลับมา กอไทอวยจะสมนาคุณท่านอีก ตังเทียวว่า นายผู้ชำระไม่ได้สั่งให้ฆ่า สั่งให้แต่คุมตัวไปเนรเทศเท่านั้น สิปาพูดกับตังเทียวว่า พี่ไม่รู้หรือ กอไทอวยเป็นขุนนางผู้ใหญ่ เจ้านายโปรดปราน จะให้ตายก็ได้ จะให้เป็นก็ได้ เรารับเอาทองคำไว้แล้วทำตามสั่งเถิด ภายหลังจะได้พึ่งกอไทอวยต่อไป ถ้าไม่รับก็จะพากันผิด
ตังเทียวได้ฟังเห็นชอบด้วย ชมว่า น้องนี้ปัญญาดี พี่ไม่รู้จักสิ่งใด พูดกันแล้วจึงบอกกับเล็กเคียมว่า ท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าจะคุมตัวลิมชองไปฆ่าเสีย ถ้าช้าก็ห้าวัน ถ้าเร็วก็สองวัน คงสำเร็จความปรารถนาจะกลับมาให้ท่านรู้ข่าว เล็กเคียมได้ฟังก็ยินดีว่า ถ้าสมความคิดกลับมาจะรางวัลอีก พูดแล้วก็เอาทองคำหนักสิบตำลึงส่งให้ ตังเทียว สิปา รับทองคำไว้ เล็กเคียมก็กลับมา ตังเทียว สิปา เอาทองคำออกแบ่งปันกันคนละห้าตำลึง แล้วกลับมาจัดเสบียงที่จะกินตามทาง เสร็จแล้วชวนกันไปที่คุกรับเอาตัวลิมชองมาคุมตัวออกจากตังเกียเมืองหลวง เดินทางไปได้สามสิบลี้ เวลาจวนค่ำ ตังเทียว สิปา ก็พาลิมชองไปสำนักที่โรงเตี๊ยม
ในขณะนั้นเป็นเดือนหก เป็นฤดูร้อน ลิมชองถูกเฆี่ยนแล้วต้องเดินทาง โรคกำเริบมากขึ้น เดินไปไม่ใคร่จะได้ ครั้นเข้าอาศัยโรงเตี๊ยม สิปาก็คิดวิตกกลัวลิมชองจะหนี จึงต้มน้ำให้เดือด แล้วเอาใส่ถังมาบอกกับลิมชองว่า เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย จงล้างเท้าเสีย จะได้หลับนอน เราจะล้างเท้าให้ สิปาก็เอาน้ำร้อนในถังเทรดเท้าลิมชองลงไป ลิมชองถูกน้ำร้อนเจ็บป่วยพองทันที ลิมชองก็ร้องว่า ท่านมาแกล้งทำกับข้าพเจ้าดังนี้ เจ็บป่วยเหลือทนแล้ว สิปาปรารถนาจะไม่ให้ลิมชองหนี จึงเอาน้ำร้อนเทรดเท้าอีก ครั้นได้ฟังลิมชองร้องว่าดังนั้น สิปาจึงตวาดว่า เราเป็นนายคุม ชอบแต่เจ้าจะมาประคับประคองเรา นี่เห็นว่า ใส่คาอยู่ลำบากนัก จึงเอาน้ำล้างเท้าให้ ยังกลับมาใส่ความเอาว่า เราแกล้งทำ ตั้งแต่นี้ไป เราไม่เป็นธุระอีกแล้ว ลิมชองไม่อาจจะโต้ตอบประการใด ก็พากันเข้าไปนอน
ครั้นรุ่งเช้า ตังเทียว สิปา คุมตัวลิมชองจะเดินทางไป ลิมชองถูกน้ำร้อน เท้าพองเดินไม่ได้ ตังเทียวก็ซื้อเอารองเท้ามาให้ลิมชอง ลิมชองใส่รองเท้าอุตส่าห์เดินไปได้สี่ห้าลี้ก็เดินไม่ได้ เท้าที่พองนั้นแตกโลหิตไหล สิปาจึงพูดว่า เมืองชองจิวนั้นยังไกลอยู่ เดินเช่นนี้เมื่อไรจะถึง ก็เร่งให้ลิมชองเดินไป ใกล้จะถึงป่าเอียตือหลิม เห็นต้นไม้เป็นแถวกัน ป่านั้นเปลี่ยวนักตั้งแต่เดินมา ถ้าผู้ต้องเนรเทศเดินมาทางป่านี้ก็ล้มตายเสียเป็นอันมาก ตังเทียว สิปา เห็นก็มีความยินดี คิดจะฆ่าลิมชองเสียที่นั้น สิปาจึงเตือนว่า ถ้าเดินเช่นนี้ อีกกี่ปีจึงจะถึงเล่า ตังเทียวว่า ไม่ถึงก็แล้วไป เราพากันเข้าหยุดอยู่ในป่าให้สบายหายเหน็ดเหนื่อยจึงค่อยเดินต่อไป สิปาเร่งให้ลิมชองเดินเข้าไปในป่าเอียตือหลิม ก็เข้าหยุดใต้ต้นไม้ ตังเทียวว่า เราเดินมาเหน็ดเหนื่อยนัก นอนเสียสักตื่นหนึ่งเถิด พูดแล้วก็ชวนกันนอน สิปาลุกขึ้นพูดกับลิมชองว่า เราจะนอนให้สบาย กลัวท่านจะหนี จงให้เราเอาโซ่ร้อยเท้าไว้ จึงจะนอนหลับ ลิมชองตอบว่า เราเกิดมาเป็นชายชาติทหาร จะหลบหลีกหนีท่านข้อนั้นอย่าได้หมาย เมื่อท่านไม่เชื่อ จะทำประการใดก็ตามแต่ท่านเถิด สิปาก็เอาโซ่มารร้อยเท้ามือลิมชองไว้กับต้นไม้ แล้วตังเทียว สิปา ลุกขึ้นจับกระบองสำหรับมือตรงเข้ามาบอกกับลิมชองว่า มิใช่เราสองคนจะฆ่าท่าน เมื่อวันจะมานั้น กอไทอวยใช้ให้เล็กเคียมมาสั่งกับเราว่า ให้พาท่านฆ่าเสียที่ป่านี้ ซึ่งท่านจะเดินไปอีกไม่ได้สักกี่วันก็คงตาย ไหน ๆ วันนี้เป็นวันตายของท่านแล้ว จงตายเสียเถิด เราจะได้กลับไปบอกข่าวให้กอไทอวยทราบโดยเร็ว ท่านอย่าได้โกรธแค้นว่า เราสองคนนี้มาทุบตีท่านให้ตายเลย
ลิมชองได้ฟังน้ำตาไหล จึงพูดว่า ซึ่งท่านทั้งสองกับข้าพเจ้าก็ไม่ได้วิวาทอาฆาตจองเวรกัน ท่านจงช่วยเอาชีวิตไว้ด้วย ถ้าไม่ตายคงรู้จักบุญคุณของท่านทั้งสองได้ช่วยชีวิตเราไว้ ท่านอย่าได้ทำอันตรายกับเราเลย สิปาว่า ไม่ได้ ต้องฆ่าเสีย เราจึงจะพ้นความผิด
หลวงจีนลูตีซิมมาช่วยลิมชอง
เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ
แก้ไข- ↑ ภาพเพิ่มโดยวิกิซอร์ซ