แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๑–๖ สารบัญ



พงศาวดารจีน
เรื่อง
บ้วนฮ่วยเหลา เล่ม ๑
ราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ. ๑๕๐๓–๑๘๑๙)


จักกล่าวกษัตริย์ในวงศ์ซ่องเฉียวมีความว่า พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้เป็นกษัตริย์สืบมาในวงศ์พระเจ้าซ่องเกาโจ๊ คือ เตียคังเอี๋ยน ต่อลงมาเป็นกษัตริย์ที่สามครองราชสมบัติมาได้ห้าปี พระราชกฤษฎาเดชานุภาพผ่านแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ ราษฎรได้ทำมาหากินเป็นสุขานุสุขทั่วราชอาณาเขต

เวลาวันหนึ่ง พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นหญิงสนมและสาวใช้ในพระราชวังมากกว่ามากนักต้องตรากตรำรับราชการอยู่ในพระราชวังมิได้มีลูกผัว จึงโปรดอนุญาตว่า ผู้ใดอยากจะไปอยู่บ้านมีลูกผัวก็ตามเถิด หญิงเหล่านั้นครั้นได้โอกาสแล้วก็ลาออกนอกราชการกลับไปอยู่บ้านประมาณพันห้าร้อยคน

ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้เสด็จออก ขุนนางเฝ้าพร้อมกัน ตันหลิม ขันที จึงกราบทูลว่า พระองค์ทรงอนุญาตให้นางสนมทั้งหลายไปอยู่บ้านเดิมนั้น ก็เพราะทรงพระกรุณาแก่ชนทั้งหลาย พระเดชพระคุณเป็นที่สุดที่แล้ว แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า นางพนักงานซึ่งจะรับราชการในพระราชวังนั้นหาพอรับราชการไม่ ขอพระองค์จงมีหนังสือรับสั่งไปถึงหัวเมืองทั้งปวงให้เก็บหญิงสาวส่งมาเป็นนางสนมและนางพนักงานให้ครบตามตำแหน่ง จึงจะชอบ พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังจึงตรัสว่า เดิมเราให้ปล่อยไปแล้ว บัดนี้ จะกลับเก็บมาใหม่นั้น หาควรไม่ ราษฎรจะได้ความเดือดร้อน ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงพระราชดำริถึงโปยอ๋อง โปยอ๋องนี้เป็นพระราชบุตรพระเจ้าซ่องไทโจ๊ผู้เป็นต้นวงศ์ผู้ใหญ่อยู่ บัดนี้ ก็มีอายุมากแล้ว แต่หาบุตรมิได้ ภรรยาเดิมก็ดับสูญไปแล้ว จำจะจัดหาขุนนางที่ฉลาดไปเมืองซัวไซจัดหาหญิงสาวที่มีตระกูลรูปร่างงดงามดีมาให้เป็นภรรยาโปยอ๋องคนหนึ่ง กับจะจัดหญิงรูปร่างสะอาดอีกแปดสิบคนเข้ามารับราชการในพระราชวัง ด้วยเมืองซัวไซนั้นเป็นหัวเมืองใหญ่ ผู้คนมากพอจะเลือกหาได้ ทรงพระราชดำริแล้วก็รับสั่งให้ตันหลิมเป็นข้าหลวงถือหนังสือรับสั่งไปเมืองซัวไซ ตันหลิมก็กราบถวายบังคมลามาจัดบ่าวไพร่และเสบียงอาหาร พร้อมแล้วก็ออกจากเมืองหลวงตรงไปเมืองซัวไซ ฝ่ายผู้รักษาเมืองซัวไซกับขุนนางทั้งหลายแจ้งว่า ตันหลิมเป็นข้าหลวงเชิญหนังสือรับสั่งมา ก็พากันไปรับตามธรรมเนียม เชิญหนังสือรับสั่งกับข้าหลวงเข้าเมือง ให้นั่งที่สมควร แล้วก็สนทนาด้วยข้อราชการต่าง ๆ

ตันหลิมก็อ่านหนังสือรับสั่งให้ผู้รักษาเมืองและขุนนางฟัง ขุนนางทราบแล้วก็หมายประกาศไปถึงนายบ้านนายอำเภอทุกแห่งทุกตำบล กำนันอำเภอก็ป่าวร้องว่า ขุนนางและราษฎรทั้งหลายผู้ใดมีบุตรสาวอายุแต่สิบสามปีขึ้นไป สิบเก้าปีลงมา ให้บิดามารดาพาตัวมาที่บ้านผู้รักษาเมือง ด้วยพระเจ้าแผ่นดินจะต้องพระราชประสงค์ ถ้าผู้ใดมีบุตรสาว ปิดบังซ่อนเร้นไว้ ไม่พาตัวมาให้ข้าหลวงเลือก ถ้าจับได้จะเอาตัวบิดามารดาเป็นโทษ

ฝ่ายราษฎรทั้งหลายได้แจ้งว่า กำนันพันนายอำเภอป่าวร้อง ที่มีบุตรสาวก็พาบุตรไปที่บ้านผู้รักษาเมืองประมาณสองร้อยคนเศษ ตันหลิม กับผู้รักษาเมือง กรมการ พร้อมกันเลือกได้บุตรสาวราษฎรได้ประมาณห้าสิบคน ยังหาครบจำนวนไม่ ตันหลิมจึงว่ากับผู้รักษาเมือง กรมการ ว่า เดิมพระเจ้าแผ่นดินทรงพระเมตตาแก่นางสนมทั้งหลายซึ่งต้องกักขังอยู่ในพระราชวัง จึงโปรดให้ปล่อยไปอยู่บ้านประมาณพันห้าร้อยคน

บัดนี้ จะต้องพระราชประสงค์แต่แปดสิบคน แต่หญิงแปดสิบคนนี้ถึงเป็นบุตรราษฎรก็หาเลือกไม่ กับหญิงอีกคนหนึ่งจะต้องพระราชประสงค์รูปดีมีตระกูลด้วยก็หาได้ไม่ ชั้นแต่หญิงแปดสิบคนนี้ก็ได้ยังไม่ครบจำนวนอีก ข้าพเจ้าสงสัยท่านทั้งหลายว่า จะปิดบังไว้ หาส่งมาให้เลือกตามพระราชประสงค์ไม่ ข้าพเจ้าจะขอค้นดู ถ้าผู้ใดปิดบังไว้ก็จะให้มีโทษแก่ผู้นั้น ผู้รักษาเมืองจึงว่ากับตันหลิมว่า ข้าพเจ้าขอทุเลาอีกสามวัน จึงจะจัดสรรมาให้ท่านเลือกใหม่ ก็คงจะได้ ตันหลิมก็หาฟังไม่ จึงให้คนไปค้นตามบ้านขุนนางและราษฎร

ฝ่ายเต็กก๊วงซึ่งเป็นขุนนางนายทหารกลับไปบ้านก็มีความวิตกเป็นอันมาก ด้วยว่ามีน้องสาวอยู่คนหนึ่งชื่อ นางเต็กเชยกิม อายุสิบหกปี รูปร่างงดงาม สติปัญญาดี จึงคิดว่า เราเป็นขุนนาง จะปิดบังไว้ก็ไม่ได้ ถ้าตันหลิมรู้ไป เราก็จะมีโทษเป็นขัดขัดรับสั่ง ฝ่ายนางเม่งสี ภรรยา เห็นสามีไม่สบายใจ จึงถามว่า ข้าพเจ้าเห็นท่านไม่สบาย ท่านมีทุกข์ร้อนด้วยสิ่งใด เต็กก๊วงจึงบอกว่า บัดนี้ มีรับสั่งให้ตันหลิมมาเลือกหาหญิงสาวที่มีรูปร่างดีมีตระกูลคนหนึ่ง กับหญิงอีกแปดสิบคน จะเอาที่รูปดี ถึงไม่มีตระกูลก็ไม่ว่า บัดนี้ ก็ยังหาได้ครบจำนวนไม่ บัดนี้ เราเป็นทุกข์ด้วยนางเต็กเชยกิมน้องเรานัก ถ้าปิดบังไว้ ความทราบไปถึงพระเจ้าแผ่นดิน ก็เป็นข้อขัดรับสั่ง ก็จะมีโทษใหญ่ เมื่อเต็กก๊วงพูดกับนางเม่งสีนั้น นางเต็กเชยกิมนั่งอยู่ข้างใน ได้ยินแต่ปลายคำว่า ขัดรับสั่งจะมีโทษ จึงเดินออกมาถามว่า พี่ทั้งสองพูดกันด้วยสิ่งใด ซึ่งว่าขัดรับสั่งจะมีโทษนั้น

ฝ่ายเต็กก๊วงได้ฟังน้องสาวถาม ครั้นจะปกปิดความก็ไม่ได้ จึงเล่าความให้น้องฟังดังมีรับสั่งมานั้นทุกประการ นางเต็กเชยกิมว่า ซึ่งพี่ทั้งสองนั่งปรึกษากันว่า ถ้าจะส่งข้าพเจ้าไปเมืองหลวง กลัวว่าข้าพเจ้าจะได้ความลำบากนั้น พระคุณเป็นที่สุดแล้ว แม้นมิส่งข้าพเจ้าไป ถ้าความทราบถึงพระเจ้าแผ่นดิน พี่ทั้งสองจะมีความผิดข้อใหญ่ พี่ทั้งสองจงส่งข้าพเจ้าไปเถิด ตามแต่วาสนา จะเป็นตายประการใดก็ตามบุญ ขอแต่อย่าให้พี่ทั้งสองมีโทษเลย จะได้ปรนนิบัติมารดา เต็กก๊วงจึงว่า เจ้ากับพี่สองคนพี่น้องเท่านี้ บิดาก็ตายแล้ว ยังแต่มารดา พี่คิดว่า จะได้เห็นหน้ากันช่วยกันปฏิบัติมารดา นางเต็กเชยกิมจึงตอบว่า ซึ่งพี่จะมีหนังสือไปทูลขอนั้น ถ้าโปรดให้ก็จะดีอยู่ แม้นมิโปรดก็จะพากันได้ความเดือดร้อน ขอพี่จงส่งข้าพเจ้าเข้าไปเถิด เต็กก๊วงก็หาตอบประการใดไม่



ขึ้น ตอน ๒