บ้วนฮ่วยเหลา/เล่ม ๑/ตอน ๒
หน้า ๖–๑๔ สารบัญ
ฝ่ายตันหลิม ครั้นถึงกำหนดไม่เห็นขุนนางและราษฎรพาบุตรสาวมาให้เลือก จึงไปเที่ยวค้นตามบ้านขุนนางและราษฎร ฝ่ายคนใช้เต็กก๊วงแจ้งความว่า ตันหลิมมาเที่ยวค้นบุตรสาวขุนนางและราษฎร ก็มาแจ้งความแก่เต็กก๊วงและนางเต็กเชยกิมทุกประการ นางเต็กเชยกิมได้ฟัง จึงให้คนใช้ไปบอกกับตันหลิมว่า เต็กก๊วงมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งยอมถวายแล้ว ขอท่านอย่าได้มาค้นที่บ้านเลย คนใช้รับคำสั่งแล้วก็คำนับลาไปแจ้งความแก่ตันหลิมตามนางเต็กเชยกิมสั่งทุกประการ ตันหลิมครั้นได้ฟังคนใช้มาแจ้งความแล้วก็กลับไปที่อยู่ ฝ่ายนางเต็กเชยกิมกับเต็กก๊วงก็เอาเหตุนั้นไปเล่าให้มารดาฟังตามซึ่งมีรับสั่งมานั้นทุกประการ ฝ่ายนางงักสีผู้มารดาได้ฟังบุตรทั้งสองมาแจ้งความก็เสียใจร้องไห้ร่ำไรไปเป็นอันมาก หารู้ที่จะทำประการใดไม่ จะขัดขืนไว้ก็กลัวจะมีความผิด ฝ่ายตันหลิมครั้นกลับไปที่อยู่ได้สองสามวันก็จัดเลือกหญิงได้ครบแปดสิบคน แล้วก็ให้คนใช้ไปเตือนเต็กก๊วงว่า จะกลับไปเมืองหลวงแล้ว จงเร่งพานางเต็กเชยกิมมาโดยเร็วเถิด คนใช้ก็คำนับลามาแจ้งความแก่เต็กก๊วงทุกประการ ฝ่ายนางเต็กเชยกิมเห็นมีผู้มาเตือนก็ไปลามารดาว่า ข้าพเจ้าขอลามารดาแล้ว มารดาจงอยู่เป็นสุขเถิด นางงักสีได้ฟังบุตรอำลาก็ร้องไห้ แล้วเดินเข้าไปในเรือนหยิบเอานกทำด้วยหยกมาส่งให้บุตรสาวคู่หนึ่ง แล้วบอกว่า นกทำด้วยหยกคู่นี้ เมื่อบิดาเข้าเป็นขุนนางนายทหารมีความชอบ พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานนกคู่นี้ให้บิดาเจ้า บัดนี้ เจ้าจะไปจากมารดา มารดาหามีอะไรให้เป็นสำคัญไม่ และเจ้าจงเอานกหยงชื่อ อวนเอีย นี้ไปนกหนึ่ง แล้วส่งให้เต็กก๊วงไว้นกหนึ่ง นางเต็กเชยกิมรับนกแล้วก็ร้องไห้เศร้าโศกรักกันเป็นอันมาก แล้วสั่งเต็กก๊วงว่า ท่านจงอยู่ปรนนิบัติรักษามารดาจงดีเถิด ข้าพเจ้าขอลาพี่ทั้งสองไปแล้ว นางงักสี มารดา กับเต็กก๊วง ก็พาตัวนางเต็กเชยกิมไปส่งให้ตันหลิมที่บ้านผู้รักษาเมือง
ฝ่ายตันหลิมเห็นเต็กก๊วงกับนางงักสีพานางเต็กเชยกิมมาส่ง ก็มีความยินดี ด้วยนางเต็กเชยกิมมีรูปร่างดงาม ทั้งจริตกิริยาก็ดี หญิงทั้งปวงไม่เสมอเหมือน ถ้าเราพาไปถวายก็คงจะโปรด คิดดังนั้นแล้ว ตันหลิมจึงว่ากับนางงักสีว่า บุตรท่านรูปร่างดงาม ถ้าพระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นก็คงโปรด ท่านอย่าวิตกเลย พูดแล้วตันหลิมก็ลาผู้รักษาเมืองพานางเต็กเชยกิมกับหญิงแปดสิบคนออกจากเมืองซัวไซตรงไปเมืองหลวง ครั้นถึงเมืองหลวง ตันหลิมก็พานางเต็กเชยกิมกับหญิงแปดสิบคนเข้าเฝ้าพระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ แล้วกราบทูลตามซึ่งได้จัดเลือกหญิงเหล่านั้นมาทูลถวายสมดังพระราชประสงค์ทุกประการ พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นนางเต็กเชยกิมมีสิริรูปเป็นอันดี หญิงที่เลือกสรรมาด้วยกันนั้นหาเสมอไม่ ก็ชอบพระทัย จึงตรัสถามว่า เจ้าชื่อไร แซ่ไร อยู่เมืองไหน บิดามารดามีอยู่หรือไม่ นางเต็กเชยกิมจึงกราบทูลเป็นคำโคลงถวาย ใจความว่า ข้าพเจ้าแซ่ เต็ก บิดาข้าพเจ้าชื่อ หงวน ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ยังแต่มารดาชื่อ งักสี พี่ข้าพเจ้าชื่อ เต็กก๊วง ตัวข้าพเจ้าชื่อ เต็กเชยกิม
พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังนางเต็กเชยกิมกราบทูลเป็นคำโคลงดังนั้น จึงตรัสว่า นางเต็กเชยกิมนี้มีสติปัญญา รูปร่างก็ดี หามีผู้ใดเปรียบไม่ ขณะนั้น โปยอ๋องเฝ้าอยู่ที่นั้นด้วย จึงมีพระราชดำรัสกับโปยอ๋องว่า เราได้ให้ตันหลิมไปพาหญิงแปดสิบคนมาไว้รับราชการในพระราชวัง กับหญิงอีกคนหนึ่งเอาที่รูปดีมีตระกูล ก็ได้ดังปรารถนา ด้วยหวังว่า จะยกให้เป็นภรรยาท่าน ท่านจะได้มีบุตรสืบตระกูลต่อไป ท่านจงรับเอานางเต็กเชยกิมนี้ไปเลี้ยงเป็นภรรยาเถิด โปยอ๋องจึงกราบทูลว่า ซึ่งพระองค์พระราชทานนางเต็กเชยกิมให้เป็นภรรยาข้าพเจ้านั้น พระเดชพระคุณเป็นที่สุดแล้ว แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า พระองค์ให้เลือกสรรมา ควรจะเอาไว้รับราชการในพระราชวัง จึงจะชอบ ซึ่งจะพระราชทานให้ข้าพเจ้านั้นหาควรไม่ พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังโปยอ๋องกราบทูล จึงตรัสว่า เราเป็นกษัตริย์ ได้ออกวาจาไว้ว่า จะให้ท่าน ซึ่งจะกลับถ้อยคืนคำเสียนั้นหาควรไม่ ท่านจงกลับไปบ้านเถิด เราจะให้พานางเต็กเชยกิมไปส่งให้ที่บ้านท่านวันนี้ โปยอ๋องก็กราบถวายบังคมลากลับไปบ้าน พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดเงินหมื่นตำลึงกับนางสนมสิบหกคนให้นางเต็กเชยกิม นางเต็กเชยกิมจะได้ใช้สอย ครั้นเจ้าพนักงานจัดของพระราชทานได้พร้อมแล้ว จึงรับสั่งให้ตันหลิมพานางเต็กเชยกิม กับนางสนมสิบหกคน กับเงินหมื่นตำลึง ไปพระราชทานให้โปยอ๋องที่บ้าน และนางแปดสิบคนนั้นก็โปรดให้รับเป็นนางพนักงานรับราชการอยู่ในพระราชวัง
ฝ่ายโปยอ๋องครั้นกลับมาถึงบ้านก็สั่งให้จัดการมงคลไว้พรักพร้อม พอตันหลิมพานางเต็กเชยกิมกับนางสิบหกคนและเงินหมื่นตำลึงมามอบให้โปยอ๋องตามรับสั่ง โปยอ๋องก็มีความยินดี รับเงินซึ่งพระราชทานนั้นมาไว้ แล้วก็ให้จัดการมงคลตามธรรมเนียม โปยอ๋องกับนางเต็กเชยกิมก็ได้อยู่กินเป็นสามีภริยากัน
ฝ่ายพระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้จึงทรงพระดำริว่า ซึ่งให้ตันหลิมไปจัดหาหญิงที่เมืองซัวไซมานั้น บิดามารดาของหญิงเหล่านั้นที่ขัดสนก็มีอยู่มาก จำจะจัดเงินให้เป็นรางวัลแก่บิดามารดาหญิงเหล่านั้น อย่าให้ติเตียนนินทาได้ ทรงพระดำริแล้วก็รับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดเงินหมื่นหกพันตำลึงมอบให้ชิงชิว ขุนนาง คุมไปเมืองซัวไซ พระราชทานให้บิดามารดาหญิงแปดสิบคน คนละสองร้อยตำลึง เจ้าพนักงานก็จัดเงินหมื่นหกพันตำลึงมอบชิงชิวตามรับสั่ง ชิงชิวรับเงินหมื่นหกพันตำลึงแล้วก็กราบถวายบังคมลามาบ้าน ฝ่ายโปยอ๋องแจ้งว่า พระเจ้าแผ่นดินรับสั่งให้ชิงชิวคุมเงินไปพระราชทานให้บิดามารดาหญิงที่เมืองซัวไซ จึงให้คนใช้ไปหาตัวชิงชิวมาที่บ้าน โปยอ๋องจึงพูดกับชิงชิวว่า ท่านจะไปเมืองซัวไซ ได้สงเคราะห์ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจะฝากหนังสือไปให้เต็กก๊วงด้วยฉบับหนึ่ง ว่าแล้วก็ส่งหนังสือให้ชิงชิว ชิงชิวรับหนังสือแล้วก็คำนับลากลับมาบ้าน จัดแจงเสบียงอาหารและบ่าวไพร่พอสมควร แล้วก็ออกจากเมืองหลวงตรงไปเมืองซัวไซ ชิงชิวจึงคิดว่า โปยอ๋องฝากหนังสือมาให้เต็กก๊วง เต็กก๊วงคนนี้เป็นบุตรเต็กหงวน เมื่อเต็กหงวนยังไม่ตาย ได้เป็นขุนนางนายทหาร บิดาเราเป็นนายทหารรองอยู่ในเต็กหงวน บิดาเราทำความผิด เต็กหงวนไม่มีความเมตตา ฆ่าบิดาเราเสีย บัดนี้ เต็กหงวนก็ตายแล้ว เราจำจะคิดแก้แค้นทดแทนเต็กก๊วงผู้บุตรให้จงดได้ ชิงชิวมาถึงเมืองซัวไซก็หาเอาหนังสือไปให้แก่เต็กก๊วงไม่ ตรงไปบ้านผู้รักษาเมือง จึงแจ้งความแก่ผู้รักษาเมืองตามมีรับสั่งมานั้นทุกประการ ผู้รักษาเมืองก็สั่งให้นายอำเภอเที่ยวป่าวร้อง ราษฎรบรรดาที่เป็นบิดามารดาหญิงแปดสิบคนให้มาพร้อมกันที่บ้านผู้รักษาเมือง
นายอำเภอก็ไปป่าวร้องตามผู้รักษาเมืองสั่ง ฝ่ายบิดามารดาหญิงแปดสิบคนแจ้งความแล้วก็มาที่บ้านผู้รักษาเมืองพร้อมกัน ชิงชิวก็เอาเงินซึ่งให้พระราชทานมานั้นแจกให้แก่บิดามารดาหญิงแต่คนละร้อยสิบตำลึง หาให้เต็มจำนวนสองร้อยตำลึงไม่ บิดามารดาหญิงทั้งหลายได้รับพระราชทานเงินก็มีความยินดี ต่างคนก็คำนับลากลับไป ฝ่ายเต็กก๊วงแจ้งความว่า พระเจ้าซ่องจีนจงฮ่องเต้ เจ้าแผ่นดิน ให้ชิงชิวคุมเงินมาพระราชทานให้บิดามารดาหญิงซึ่งต้องเก็บไปนั้นก็ดีใจ จึงไปบ้านผู้รักษาเมืองดูเขาแจกเงิน ครั้นห็นเขาแจกเงินให้ทั่วทุกคนแล้ว ก็ไม่เห็นเขาแจกให้ส่วนของเต็กเชยกิม ก็มีความสงสัย จึงว่ากับชิงชิวว่า ท่านว่างราชการแล้ว เชิญไปบ้านข้าพเจ้าสนทนากันสักหน่อยเถิด ชิงชิวได้ฟังเต็กก๊วงเชิญให้ไปบ้าน ก็ทำเป็นดีใจ จึงไปกับเต็กก๊วง เต็กก๊วงเชิญนั่งที่สมควรแล้ว จึงถามว่า พระเจ้าแผ่นดินให้ท่านคุมเงินมาพระราชทานบิดามารดาหญิงแปดสิบคนนั้น เขาก็ได้เงินพระราชทานแล้ว แต่นางเต็กเชยกิมชื่อหนึ่งยังไม่ได้ ท่านทราบความบ้างหรือไม่ นางเต็กเชยกิมนั้นเป็นประการใด ชิงชิวจึงถามว่า นางเต็กเชยกิมนั้นเป็นอะไรกับท่าน น่าเสียดายนัก เต็กก๊วงจึงว่า เป็นน้องข้าพเจ้า ซึ่งท่านว่าน่าเสียดายนั้นด้วยเหตุใด ชิงชิวเห็นได้ทีจึงแกล้งใส่ความว่า นางเต็กเชยกิมนั้นเมื่อแรกส่งเข้าไปข้างใน พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงพระเมตตาโปรดปรานมาก ให้รับราชการอยู่ในพระราชวัง แต่นางเต็กเชยกิมนั้นเฝ้าแต่ร้องไห้เศร้าโศกเป็นอันมาก บัดนี้ ผูกคอตายเสียแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงพระโกรธว่า นางเต็กเชยกิมมิได้สวามิภักดิ์ จึงรับสั่งให้เอาอาสภไปทิ้งเสีย หากว่าตันหลิมทูลแก้ว่า นางเป็นบุตรราษฎร ถ้าหาไม่ท่านจะได้ความผิดด้วย