ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 2 (2457)/เรื่องที่ 1/ส่วนที่ 1
เรื่อง ตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราชครั้งกรุงเก่า
กฎให้แก่นายเทียรฆราษ อาลักษณ์ นายสวัสดิ์ภักดี ชาววัง โกชาอิสหาก กรมพระคลัง นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ แวงจัตุลังคบาทซ้ายขวา ด้วยทรงพระกรุณาตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ให้พระยาไชยาธิเบศร์เปนเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชไชย มไหสุริยาธิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช แลให้นายเทียรฆราษ อาลักษณ์ นายสวัสดิ์ภักดี ชาววัง โกชาอิสหาก นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ แวงจัตุลังคบาท จำทูลพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร เสด็จไปมอบเมืองนครศรีธรรมราชให้แก่พระยาไชยาธิเบศร์เปนเจ้าพระยานครศรีธรรมราชตามธรรมเนียม ครั้นพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร เสด็จโดยนายเทียรฆราษ นายสวัสดิ์ภักดี โกชาอิสหาก นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ แวงจัตุลังคบาท จำทูลไปถึงด่านขนอนแลบ้านใดเมืองใดตำบลใดไซ้ ก็ให้ผู้จำทูลว่าแก่ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการนายบ้านนายอำเภอแลนายพขนอนด่านคอย ณตำบลนั้นแต่งพานขันหมากเข้าตอกดอกไม้ธูปเทียนมากราบถวายบังคมพระราชโองการจงทุกหัวเมือง แล้วให้ผู้จำทูลเรียกเอาค่าตำแหน่งศักดิ์แก่ผู้มากราบถวายบังคมจงทุกหัวเมืองระยะทางพระราชโองการเสด็จไปนั้น แล้วให้เลี้ยงดูข้าหลวงผู้จำทูลแลไพร่จงสมควร ถ้าแลจะเชิญพระราชโองการเสด็จจากที่นั้นตำบลนั้นไป ก็ให้กรมการนายพขนอนด่านคอยแลนายบ้านนายอำเภอแต่งเรือแห่แหนป้องกันพิทักษ์รักษาส่งสืบกันไปตามธรรมเนียมพระราชโองการเสด็จไปมอบเมืองแต่ก่อนนั้นจงทุกหัวเมืองกว่าจะถึงเมืองนครศรีธรรมราช อย่าให้เปนเหตุการประการใดได้ แล้วอย่าให้หยุดอยู่ช้าถึงสองวันสามวัน แลให้เร่งรีบไปจงฉับพลัน อนึ่ง เมื่อเรือทรงพระราชโองการเสด็จโดยทางชลมารคนั้น ให้ห้ามปรามผู้คนไปมาอย่าให้กั้นร่มโพกศีศะมาใกล้กรายแลผ่านไปมาน่าเรือทรงพระราชโองการแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ถ้าแลเรือทรงพระราชโองการจะประทับอยู่ร้อนแรมณที่ใดตำบลใดนั้น ก็ให้ผู้จำทูลทั้งปวงดูที่ฐานให้ชอบแลสมควร จึงให้หยุดอยู่ณที่นั้นตำบลนั้น แลให้ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการนายด่านนายพขนอนนายบ้านนายอำเภอตำบลนั้นกะเกณฑ์ผู้คนให้สรรพด้วยเครื่องสาตราวุธให้ตรวจตระเวนแลตั้งร้านเพลิงแลกองเพลิงนั่งยามพิทักษ์รักษาพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร อย่าให้เปนเหตุการประการใดณกลางทางแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ครั้นพระราชโองการเสด็จจากที่ร้อนแรมตำบลนั้นไป ก็ให้ผู้รักษาเมืองแลกรมการนายด่านนายพขนอนนายบ้านนายอำเภอแห่แหนป้องกันพิทักษ์รักษาส่งเสด็จพระราชโองการสืบ ๆ กันไปตามแดนตามอำเภอกว่าจะถึงเมืองนคร อนึ่ง ถ้าจะเชิญเสด็จพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร เสด็จไปประทับเมืองเพ็ชรบุรี ไปสถลมารคไซ้ ก็ให้ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการรับเสด็จพระราชโองการขึ้นไว้ณหอพระราชโองการเมืองเพ็ชรบุรี แลให้ล้อมระเนียด แลรั้วไก่ แลร้านเพลิง แลทิมดาบซ้ายขวา แล้วให้กะเกณฑ์ขุนหมื่นไพร่สรรพด้วยเครื่องสาตราวุธมานั่งยามกองเพลิงพิทักษ์รักษาอย่าให้เปนเหตุการประการใดได้ ครั้นพระราชโองการเสด็จไปโดยสถลมารคไซ้ ก็ให้ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการแต่งช้างพังพลายอันราบคาบดีนั้นผูกกระโจมทรงพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร แลช้างดั้ง ช้างกัน แลโคเกวียน แลกะเกณฑ์ขุนหมื่นแลไพร่พลสรรพด้วยเครื่องสาตราวุธแห่แหนป้องกันสืบ ๆ กันไปจงทุกหัวเมืองกว่าจะถึงเมืองนคร อย่าให้เปนเหตุการประการใดได้ ครั้นพระราชโองการเสด็จไปยังทางประมาณวันหนึ่งสองวันจะถึงเมืองนครไซ้ ก็ให้ผู้จำทูลว่ากล่าวแก่ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการณเมืองนั้นตำบลนั้นให้ปลูกหอพระราชโองการเปนมณฑป ตั้งระเนียด รั้วไก่ ร้านไฟ แลทิมดาบซ้ายขวา แล้วเชิญพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร ขึ้นไว้ แล้วให้สรรพด้วยเครื่องสาตราวุธนั่งยามกองเพลิงเปนกองซุ่มกองรายพิทักษ์รักษาทั้งกลางวันกลางคืน อย่าให้เปนเหตุการประการใดได้ แลให้ประโคมฆ้องกลองแตรสังข์ตามธรรมเนียม แลให้ตรวจจัดสารวัดห้ามปรามผู้คนอย่าให้ขี่ช้างม้า ใส่หมวก กั้นร่ม โพกศีศะ แลถือเครื่องสาตราวุธผ่านไปมาได้กว่าพระราชโองการจะเสด็จไปเมืองนคร แลให้กรมการแต่งขุนหมื่นถือหนังสือเปนราวข่าวไปถึงหลวงศรีราชสงครามภักดี ปลัด แลหลวงภักดีราช ยกรบัตร แลกรมการทั้งหลายณเมืองนคร ให้ปลูกหอเปนมณฑป แลตั้งระเนียด รั้วไก่ ร้านไฟ แลทิมดาบ แลเกยซ้ายขวา แลฉนวน แลเกยช้างสำหรับพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร ตามธรรมเนียม แล้วให้เกณฑ์พระหลวงขุนหมื่นณเมืองนครให้สรรพด้วยธงเทียวฆ้องกลองแตรสังข์มาแห่รับพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร ไปประทับฉนวนขึ้นบนเกย จึงเอาคานหามเข้ารับพระราชโองการถึงพระมณฑป แล้วให้แต่งขุนหมื่นกรมการคุมไพร่มีเครื่องสาตราวุธสำหรับมืออยู่นั่งยามตามเพลิงตระเวนจงสมควร ให้แต่งเปนกองซุ่มกองรายพิทักษ์รักษาอย่าให้เปนเหตุการประการใดได้ แลให้ประโคมฆ้องกลองแตรสังข์ณทิมดาบซ้ายขวาจงทุกเวลาตามธรรมเนียม แล้วให้เจ้าพนักงานไปกวาดแผ้วพระวิหารวัดมหาธาตุ แลตั้งเบญจาสามชั้นหุ้มผ้าขาวมีเสาเพดานแล้วกั้นม่านรอบ แลม่านน่านั้นเปนม่านสองไข แลปูเสื่อพรมตั้งเตียงทองสำหรับรองพระราชโองการในเบญจาในพระวิหารวัดมหาธาตุจงสรรพไว้ ครั้นได้ฤกษ์ จึงให้กรมการนิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะ ๕ รูป อันดับ ๑๕ รูป มาพร้อมกันในพระวิหารนั้น แล้วให้พระหลวงขุนหมื่นกรมการแลหลวงขุนหมื่นณเมืองนคร แลผู้รั้งกรมการหัวเมืองซึ่งขึ้นแก่เมืองนครนั้น นุ่งสมปักขาว ห่มเสื้อขาว แต่งพานหมาก ถวายบังคมพร้อมกันแล้ว แลให้ตั้งแห่น่าหลังเปนคู่แห่เรียงกันไปจนถึงพระวิหาร แล้วให้ประโคมแตรสังข์ฆ้องกลองขึ้น แลข้าหลวงผู้จำทูลพระราชโองการนั้นจึงเชิญพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ พระสุพรรณบัตร เสด็จเข้าในพระวิหาร นั่งเหนือเตียงทองลาดผ้าขาวตั้งเบญจานั้น แล้วชักม่านสองไขปิดไว้ จึงให้ผู้จำทูลนั้นประนมมืออยู่ณที่นั้น แลน่าเบญจานั้นให้ปูพรมลาดผ้าแต่ตราหนึ่งสำหรับผู้จะยืนอ่านพระราชโองการแลอ่านพระสุพรรณบัตร แล้วให้เจ้าพระยานครนุ่งผ้าสมปักขาวชายกรวย ห่มเสื้อขาว ใส่พอกเกี้ยวดอกไม้ไหว ขึ้นคานหาม ให้หลวงขุนหมื่นตามพนักงานแห่เข้ามาถึงประตูพระวิหาร ให้นั่งน่าเบญจาออกมาประมาณ ๔ ศอก ให้มีพานขันหมากถวายบังคม แลให้พระหลวงขุนหมื่นกรมการแลเมืองขึ้นทั้งปวงนั่งโดยอันดับเปน ๒ แถว ให้ปูเช็ดหน้า เรียงเข้าตอกดอกไม้หมากพลูธูปเทียน แล้วจึงให้ประโคมแตรสังข์ฆ้องกลอง แล้วนายแวงผู้จำทูลพระราชโองการนั้นจึงชักม่าน แลชาววังกรมพระคลังผู้จำทูลนั้นนั่งถัดแวงออกมาตามซ้ายขวา แลให้เจ้าพระยานครแลพระหลวงขุนหมื่นกรมการทั้งปวงกราบถวายบังคมสามลาแล้วสงบอยู่ก่อน ครั้นสุดเสียงกลองแลแตรสังข์แล้ว จึงให้เจ้าพระยานครพระหลวงขุนหมื่นกรมการทั้งปวงถวายบังคมให้พร้อมกัน แล้วผู้จำทูลพระราชโองการแลอาลักษณ์ซึ่งนุ่งขาวนั้นกราบถวายบังคมสามลา แล้วจึงให้นายแวงผู้จำทูลนั้นไขย่นพานย่นเจียดถุงกล่องออก แล้วเชิญพระราชโองการส่งให้อาลักษณ์ยืนบนผ้าแดงแลพรมนั้นอ่านพระราชโองการมอบเมืองนครให้แก่พระยาไชยาธิเบศร์เปนเจ้าพระยานคร ครั้นจบพระราชโองการแล้ว ให้หลวงศรีราชสงครามรามภักดี ปลัด แลกรมการทั้งปวง ประนมมือเหนือศีศะ รับสั่งตราพระราชโองการว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรด้วยเกล้าฯ ครั้นรับสั่งแล้ว ให้กราบถวายบังคมสามลา จึงให้อ่านพระสุพรรณบัตรพระราชทานชื่อแก่เจ้าพระยานคร ครั้นจบพระสุพรรณบัตรแล้ว ให้เจ้าพระยานครนั้นรับสั่งว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรด้วยเกล้าฯ จึงส่งพระสุพรรณบัตรให้แก่พระยาไชยาธิเบศร์เปนเจ้าพระยานครรับพระราชทานชื่อ จึงให้เจ้าพระยานครแต่งพานมุกรองเหมทองรับพระสุพรรณบัตรไว้ตามธรรมเนียม แลจึงให้อาลักษณ์เชิญตราพระครุธพ่าห์ชูขึ้นเหนือศีศะ แล้วจึงให้ร้องประกาศว่า คงตราพระครุธพ่าห์แล้ว ๓ ที แล้วจึงให้หลวงปลัดแลกรมการทั้งปวงกราบถวายบังคมแล้วรับสั่งตราพระครุธพ่าห์ว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรด้วยเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงขอโดยพระราชโองการมานพระบัณฑูรซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มานี้จงทุกประการ แล้วจึงให้ประโคมฆ้องกลองแตรสังข์สามลา แล้วเชิญพระราชโองการแลตราพระครุธพ่าห์เสด็จขึ้น แล้วให้เจ้าพระยานครแลกรมการทั้งปวงกราบถวายบังคมสามลาอิกครั้งหนึ่งเล่า แล้วให้ชักม่านไขเข้า ครั้นเสร็จแล้ว จึงให้เผดียงพระสงฆ์ราชาคณะแลพระสงฆ์อันดับนั้นสวดถวายพระพรพระพุทธเจ้าจนสัพพพุทธาแลภวตุสัพพมังคลังแลสวดพระพุทธมนต์ ต่อจบแล้วจึงให้ประโคมฆ้องกลองแตรสังข์ แลให้พระหลวงขุนหมื่นทั้งปวงตั้งแห่แหนเชิญพระราชโองการแลตราพระครุธพ่าห์เสด็จมาณมณฑปนั้นตามธรรมเนียม ครั้นเสร็จการมอบเมืองแล้ว ให้นายเทียรฆราษ นายสวัสดิ์ภักดี โกชาอิสหาก นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ แวงจัตุลังคบาท ว่าแก่เจ้าพระยานครให้แต่งหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายสนองราชโองการนั้น ปิดตราเข้าพนมปากบอกด้วยกระดาษแลครั่งตามธรรมเนียม แลหนังสือปฏิบัติ ฯพณฯ โกษาธิบดี แล้วให้แต่งของบรรณาการสำหรับสนองพระราชโองการ แลสิ่งของสนองหนังสือ ฯพณฯ โกษาธิบดี แลค่าธรรมเนียมมอบเมือง แลค่าธรรมเนียมแต่งตราพระราชโองการ แลตราพระครุธพาห์ แลพระสุพรรณบัตร แลค่าผู้เชิญตราพระราชโองการ แลค่ารับสั่งนายเวรชาววังมหาดไทยแก่เจ้าพระยานครแต่ตามธรรมเนียม แล้วให้เรียกเอาค่าตำแหน่งผู้กราบถวายบังคมพระราชโองการตามบันดาศักดิ์จงทุกคน ให้เจ้าพระยานครแลกรมการแต่งพระหลวงขุนหมื่นอันมั่นคงคุมไพร่สรรพด้วยเครื่องสาตราวุธสำหรับมือให้ครบ แลเรือแห่แหนป้องกันพิทักษ์รักษาเชิญเสด็จพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ แลเครื่องบรรณาการ กลับเข้าไปยังกรุง อย่าให้เปนเหตุการประการใดได้ อนึ่ง เมื่อพระราชโองการเสด็จไปณกลางทางจนถึงเมืองนครนั้น ให้นายเทียรฆราษ นายสวัสดิ์ภักดี โกชาอิสหาก นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ กำชับว่ากล่าวห้ามปรามแก่นายเรือ แลใบพันหัวพันท้าย แลไพร่พลรบพลกรรเชียง แลบ่าวไพร่ข้าไทยสมัคสมาอาไศรยซึ่งไปด้วยนั้น อย่าให้เอากิจราชการณกรุงไปเจรจาว่ากล่าวบอกเล่าแก่ชาวเมืองใต้ทั้งปวงแลเพื่อนฝูงสมัคสมาอาไศรยแห่งใดตำบลใดแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ แลอย่าให้วิวาทตีด่าฆ่าฟันฉกชิงฉ้อกระบัดทำข่มเหงเอาพัสดุทองเงินแลทรัพย์อัญมณีแก่สมณะพราหมณาจารย์อาณาประชาราษฎรลูกค้าวานิชแต่ประการใดประการหนึ่งได้ ถ้าแลรู้เห็นเปนประการใด แลผู้มีชื่อมาว่ากล่าว แลพิจารณาเปนสัจไซ้ ก็จะเอานายเทียรฆราษ นายสวัสดิ์ภักดี โกชาอิสหาก นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ แวงจัตุลังคบาท ซึ่งมิได้ทำตามกฎหมายให้นี้ ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ แลให้ทำตามกฎหมายนี้จงทุกประการ กฎให้ไว้ณวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๐ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๐๔ ปีจอ จัตวาศก
อนึ่ง ผู้เปนเจ้าพระยานครศรีธรรมราชเสียค่าธรรมเนียมในนี้ อาลักษณ์จารึกชื่อตามบันดาศักดิเสมอนาร้อยละสลึง กรมอาลักษณ์ผู้แต่งตราพระราชโองการได้ค่าธรรมเนียม ๑๒๐ บาท กรมแสงในได้ค่าธรรมเนียมรักษาตราพระราชโองการแลตราพระครุธพ่าห์ ๑๒๐ บาท สนมผู้เชิญตราพระราชโองการแลตราพระครุธพ่าห์ ๔๐ บาท คนหามเสลี่ยงแลแตรสังข์แลเทียวแห่มาแต่โรงแสงเสมอคนละ ๑ บาท อนึ่ง ค่าตำแหน่งศักดิผู้รักษาเมืองผู้รั้งแลข้าหลวงกรมการนายระวางนายพขนอนด่านคอยสิบร้อยอายัดแลแขวงนายบ้านนายอำเภอแลพระหลวงขุนหมื่นวิเศษข้าส่วยแลส่วยซ่องกองช้างทั้งปวงกราบถวายบังคม เสียค่าชักม่านค่าปี่กลองเปนค่าตำแหน่งศักดิขุนขนอน ๖ บาท ค่าชักม่านหนึ่งเฟื้อง ปี่กลองหนึ่งเฟื้อง แตรหนึ่งเฟื้อง ช่องขนอน ๓ บาท ชักม่านหนึ่งเฟื้อง แตรหนึ่งเฟื้อง แลพระหลวงขุนหมื่นกรมการแลนายระวางนายบ้านนายอำเภอแลข้าหลวงขุนหมื่นวิเศษข้าส่วยซ่องกองช้างทั้งปวง เสียค่าถวายบังคมแลค่าชักม่านค่าปี่กลองเปนค่าตำแหน่งศักดิตามบันดาศักดิแต่นา ๑๐๐ ขึ้นไป เสียค่าตำแหน่งศักดิ ๑๐๐ ละ ๒ สลึง แลนา ๑๐๐ ขึ้นไปถึงนา ๑๐๐๐ เสมอ ๑๐๐ ละ ๒ สลึง แลเสียค่าชักม่านแลปี่กลองแลแตรเหมือนกันทุกคน
ในลักษณพระราชโองการนั้นว่า พระราชโองการพระบาทพระศรีสรรเพชสมเด็จเอกาทศรฐอิศวรบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว คือ องค์สมเด็จพระนารายน์เปนเจ้า พระเจ้าปราสาททอง พระเจ้าช้างเนียม พระเจ้าช้างเผือก ทรงทศพิธราชธรรม์ ราชอนันตสมภาราดิเรก เอกอุดมบรมจักรพรรดิสุนทรธรรมมิกราช บรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาตรัสเอาพระยาไชยาธิเบศร์เปนเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชไชย มไหสุริยธิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช ครั้นพระราชโองการแลตราพระครุธพ่าห์เสด็จโดยสวัสดิภักดี ชาววัง แลโกชาอิสหาก กรมคลัง นายพิทักษ์ราชา นายชาญอาวุธ แวงจัตุลังคบาท จำทูลมานี้ไซ้ ให้หลวงศรีราชสงครามรามภักดี ปลัด หลวงภักดีราช ยกรบัตร แลกรมการทั้งหลาย ตรวจจัดช้างม้ารี้พลไร่นาอากรสำหรับเมืองมอบโดยขนาด
ในลักษณพระสุพรรณบัตรนั้นว่า ศุภมัสดุ สุวดิการยดิเรก ๑๖๖๔ ศก โสณสังวัจฉร มฤคสิรมาศ สุกรปักษ์ เท๎วดิถี พุฒวาร ศุภมหุรดิ พระบาทพระศรีสรรเพชสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทานนามกรพระยาไชยธิเบศร์เปนเจ้าพระยาศรีธรรมมาโศกราช ชาติเดโชไชย มไหสุริยาธิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช
ในลักษณหนังสือซึ่งสนองพระราชโองการนั้นว่า ข้าพระพุทธเจ้า เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชไชย มไหสุริยาธิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช ขอกราบถวายบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ด้วยข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อ) แลแวงจัตุลังคบาทซ้ายขวา จำทูลพระราชโองการ แลตราพระครุธพ่าห์ แลพระสุพรรณบัตร เสด็จไปมอบข้าพระพุทธเจ้าแล้ว แลข้าพระพุทธเจ้าเชิญพระราชโองการแลตราพระครุธพ่าห์เสด็จกลับโดย (ชื่อ) แลนายแวงจัตุลังคบาท เข้ามากราบถวายบังคมพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายบังคมทูลพระกรุณาพระบาทพระพุทธเจ้าอยู่หัว